ตร.ไซเบอร์เตือน ขรก.เกษียณอายุ โจรออนไลน์จ้อง

โฆษก บช.สอท.เตือนข้าราชการเกษียณระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ แนะกฎเข้ม 9 ข้อป้องกันตนเอง “ดีอี” แจงข่าวปลอมช่วงเดือน ก.ย. กลุ่มนโยบายรัฐบาลพุ่งมากสุด อึ้ง!  โพลเผยประชาชน 76% เคยถูกหลอกลวงทางออนไลน์

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีข้าราชการต่างๆ ครบกำหนดอายุการรับราชการ หรือเกษียณอายุราชการนั้น ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่มีมิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน หรือนำมาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบสถิติผ่านระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ที่ผ่านมานั้น  พบ 3 เรื่องที่มิจฉาชีพนำมากล่าวอ้าง หรือแอบอ้างในการหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน ดังนี้ 1.หลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทองคำ เหรียญดิจิทัล พลังงาน เป็นต้น โดยมีการใช้คำโฆษณาสวยหรู อ้างว่าเป็นการลงทุนของผู้สูงวัยใกล้เกษียณอายุ 2.หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์มือถือ โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปยังผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ หรือกำลังจะเกษียณอายุราชการ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่าจะขอทำการตรวจสอบข้อมูลการรับบำนาญ และ 3.หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน โดยมิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์เป็นชาวต่างชาติ เป็นข้าราชการทหาร หน้าตาดี หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงรัก มีความเชื่อใจ อยากมาใช้ชีวิตเกษียณอายุกับผู้เสียหายในประเทศ

“ที่ผ่านมายังพบว่ามีการหลอกลวงลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง  มิจฉาชีพมักเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลาหรือสถานการณ์ในแต่ละช่วง โดยอาศัยความความโลภ ความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง” พ.ต.อ.กฤษณะระบุ

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกันการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวดัง ต่อไปนี้ 1.ระมัดระวังการชักชวนจากคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า หรือเป็นคนต่างชาติหน้าตาดีที่เข้ามาตีสนิทแล้วชวนให้ลงทุน 2.มิจฉาชีพมักอ้างว่ารู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยนำบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้ด้านการลงทุนแอบอ้าง 3.หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ 4.ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. 5.ระวังการกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาให้ทางสื่อสังคมออนไลน์ 6.ระวังการรับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ 7.การติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน App Store หรือ Play Store จะปลอดภัยมากกว่า 8.ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนสื่อสังคมออนไลน์ และ 9.หมั่นติดตามข่าวสารของทางราชการอยู่เสมอ

ขณะเดียวกัน นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอี กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 15-21 ก.ย. ว่าพบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,278,318 ข้อความ โดยข้อความที่ต้องตรวจสอบทั้งสิ้น 174 ข้อความ โดยข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.นโยบายรัฐบาล 54 เรื่อง 2.ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย 40 เรื่อง 3.ภัยพิบัติ 12 เรื่อง และ 4.เศรษฐกิจ 15 เรื่อง

นายเวทางค์กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ส่วนใหญ่เป็นข่าวด้านกลุ่มนโยบายรัฐบาล โดย 10 อันดับข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือ 1.กรมการจัดหางานรับสมัครผู้ช่วยโปรโมตสินค้าจำนวนมาก 2.ขัดฟันด้วยผงถ่านคาร์บอนช่วยทำให้ฟันขาว 3.เคี้ยวเมล็ดมะละกอสุก วันละ 3 เม็ดแล้วกลืนไม่ต้องกินน้ำตาม รักษามะเร็งระยะสุดท้ายเห็นผลใน 1 เดือน 4.เครื่องดื่มสมุนไพรกระเจี๊ยบ เนื้อพุทรา ใบเตย ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดในหัวใจ 5.ออมสินเปิดบริการให้ยืมกู้เพื่อทำธุรกิจต้องการเงินลงทุน ผ่านเพจ Bodhi Fry 6.GLASSY MIX ช่วยอาการตาพร่ามัว ลดอาการปวดตา แพ้แสง มองเห็นไม่ชัด ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา 7.ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดโอกาสเป็นเจ้าของกองทุนหุ้นยักษ์ใหญ่ 8.นายกฯ เตรียมแผนอนุมัติบ่อนกาสิโน/เว็บพนันถูกกฎหมาย เสียภาษี 30% เพิ่มรายได้เข้าประเทศ 9.กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเปิดรับคนทำงานฝีมือ มีวิดีโอสอนงาน รายได้ 340-3,860 บาท/วัน และตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเว็บไซต์ใหม่ผ่าน Google Sites

“ดีอีขอให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์/โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน โดยสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ผ่านช่องทางของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ที่ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และช่องทางโทรศัพท์ โทร.สายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ตลอด 24 ชั่วโมง”

วันเดียวกัน สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เสนอผลสำรวจเรื่อง ความกังวลต่อโลกไซเบอร์  กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,021 ราย โดยเมื่อถามถึง ประสบการณ์ของประชาชนถูกหลอกลวงในโลกไซเบอร์ โลกออนไลน์ จากการใช้โซเชียลฯ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 76% เคยถูกหลอกลวง ในขณะที่ 24% ไม่เคย และเมื่อถามถึงระดับความกังวลในภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อความมั่นคงชาติและความปลอดภัยของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 56% กังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด, 35.1% กังวลปานกลาง และ 8.9% กังวลค่อนข้างน้อยถึงไม่กังวลเลย ยิ่งไปกว่านั้น เกือบครึ่งหรือ 49.7% กังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ,  39.5% กังวลปานกลาง และ 10.8% กังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด

ที่น่าพิจารณาคือ ความพอใจของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อความมั่นคงชาติ ระบบเศรษฐกิจของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 67.5% ระบุยังต้องปรับปรุงแก้ไข และ 20.3% ระบุต้องแก้ไขเร่งด่วน ในขณะที่เพียง 12.2% พอใจมากถึงมากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ