พท.เชียร์ชู‘ทักษิณ’ สว.เตือนเศรษฐาอย่าใจเร็ว/เทพไทเลียนแบบขออภัยโทษ

"เศรษฐา" พบชุมชนไทยในสหรัฐ ย้ำรัฐบาลมาอย่างถูกต้องตามระบอบ ปชต. ลั่นเยียวยาจิตใจคนเห็นต่างทุกฝ่าย "ภูมิธรรม" หนุนแนวคิดนายกฯ ดึง "ทักษิณ" ช่วยแก้ปัญหาประเทศหลังพ้นโทษ​ "สุทิน" ชี้ใครมีประโยชน์กับประเทศสังคมต้องให้โอกาส "สว.สมชาย" เตือนสติอย่ารีบใจเร็ว หวั่นกระทบความเชื่อมั่น รบ. "เทพไท" เอาบ้างจ่อยื่นอภัยโทษ "ธนกร" คิดถึง "ประยุทธ์" เยี่ยมถึงบ้านพัก บอกลุงสบายดีสุขภาพแข็งแรง

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบกับชุมชนไทยในสหรัฐว่า กว่าจะเป็นรัฐบาลมีปัญหาและอุปสรรคระหว่างทางเยอะ เพราะการที่ทั้ง 11 พรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเห็นด้วยหรือเห็นชอบ แต่ยืนยันเรามาอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย หลายอย่างที่พูดไปไม่สามารถทำได้เพราะคณิตศาสตร์พื้นฐาน แต่รัฐบาลนี้มาจากประชาชน ก็จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างสุดความสามารถ

นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ไม่ได้ต่ำแค่จุดสองจุด แต่ต่ำกว่าเท่าหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ด้านส่งออกก็ตกลงไป ปัญญาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ประจักษ์ แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือปัญหาความแตกแยกของสังคม ตนเชื่อว่าเป็นปัญหาที่ทุกท่านในที่นี้ก็เป็นห่วงอยู่

"รัฐบาลนี้นอกจากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เรื่องของการเยียวยาจิตใจให้คนทุกกลุ่มทุกวัย ทุกความเห็นต่าง ทุกความคิดทุกความเชื่อ อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข อยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ข่มขู่ ทำลายซึ่งกันและกัน ผมมองว่าปัญหาทางเศรษฐกิจแก้ได้ ไม่อยากจะบอกว่าแก้ง่ายกว่า แต่แก้ได้ เรามั่นใจในนโยบายของรัฐบาล และมั่นใจในเสถียรภาพของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในประเทศ แต่เรื่องของความเห็นต่างทางความคิด การเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องต้องใช้เวลาและนโยบายต่างๆ มาช่วยเหลือและพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้" นายกฯ กล่าว

ที่ทำเนียบ​รัฐบาล​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์  กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา​ ทวีสิน ​ให้สัมภาษณ์ถ้านายทักษิณ ชินวัตร พ้นโทษก็จะให้มีบทบาทในรัฐบาลนี้ อาจจะดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ ว่า เป็นความเห็นของนายกฯ ที่อยากได้ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถของนายทักษิณ ก็ต้องไปดูว่ามีข้อติดขัดอะไรทางด้านกฎหมายหรือไม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าท่านจะมีปัญหาตรงนี้อย่างไร

"การให้ข้อคิดเห็นข้อแนะนำเป็นบทบาทที่นายทักษิณทำได้ ท่านก็พูดอยู่เสมอ กลับมาคราวนี้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็จะอยู่กับครอบครัว ส่วนเรื่องของประเทศชาติ ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ถ้าสามารถช่วยได้ก็ยินดี และผมคิดว่าเป็นไปได้ ถ้าเป้าหมายอยู่ที่ประเทศชาติดีขึ้น เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน นายทักษิณมีประสบการณ์ สามารถบริหารมา 6 ปีต่อเนื่อง คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ร่วมมือและรับฟังความคิดเห็นจากท่านไป" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามว่า หากเป็นแค่ที่ปรึกษา แต่ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง จะไม่เกิดความขัดแย้งอะไรใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ​ ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลฟังเสียงของประชาชนกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว นายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ห่วงใยบ้านเมือง และสามารถให้ข้อคิดเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ได้

ส่วนนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นความรู้สึกของท่าน ที่ต้องเข้าใจท่าน ในส่วนของตนยังไม่มีความเห็น แต่ใครก็ตามในประเทศนี้ที่เป็นคนที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็ควรที่จะให้โอกาส เพื่อมารับใช้สังคม ไม่เจาะจงคนใดคนหนึ่ง ไม่เฉพาะนายทักษิณ

เบรกอย่าใจเร็วปม 'ทักษิณ'

ถามว่า นายทักษิณเคยออกมาพูดตลอดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง แต่ถ้าเชิญมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นนายทักษิณ โดยความเห็นของตนโดยทั่วไป สำหรับนายทักษิณก็คงจะคิดถึงหลายด้าน

"ก็ต้องรับฟังทุกความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความเห็นสนับสนุนหรือจะเป็นความเห็นต่าง ส่วนที่จะเป็นสายล่อฟ้ารัฐบาลหรือไม่ ตรงนี้ก็ต้องมาพูด มารับฟังกัน" นายสุทินกล่าว

ด้านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แสดงความเห็นกรณีนายกฯ ระบุหากนายทักษิณพ้นโทษแล้วจะให้มาเป็นประธานที่ปรึกษาว่า เป็นวิสัยทัศน์ของท่านที่แสดงออกมา ท่านเป็นคนอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ประสงค์อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่ตนก็ไม่ทราบว่าพูดจริงหรือเปล่า ไม่รู้ เพราะอ่านจากข่าวเท่านั้น เมื่อนายกฯ ว่าอย่างนั้น นายทักษิณก็อาจจะให้ความรู้และทำประโยชน์ให้กับการบริหารประเทศชาติได้

"ยังไม่ค่อยเห็นมีใครวิพากษ์วิจารณ์ เพราะยังไม่มีรายละเอียดในสิ่งที่นายกฯ พูด เพราะท่านก็พูดแค่นั้น" ประธานวุฒิสภากล่าว

อย่างไรก็ดี นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ต้องดูในหลักนิติธรรมเป็นหลัก  โดยเฉพาะในการควบคุมนักโทษจะดำเนินการอย่างไร ให้เป็นกระบวนทางการกฎหมาย มีความน่าเชื่อถือ แม้นายทักษิณจะเคยเป็นอดีตนายกฯ มีคุณงามความดี แต่ก็มีคดีติดตัวถึง 3 คดี และเพื่อให้เกิดหลักนิติธรรม และเกิดการสร้างความปรองดองในประเทศ ควรพิจารณาเรื่องนิติธรรมควบคู่ไปกับความเหมาะสม

"ส่วนตัวมองว่านายทักษิณควรเข้าสู่ระบบนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงเปิดเผยการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ที่ยังไม่ทราบเรื่องว่าทำการรักษาอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ในวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. กรรมาธิการการเมืองฯ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และ ผอ.ราชทัณฑ์สถาน ที่ดูแลอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ และเชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขั้นตอนการรักษามีมาตรฐานอย่างไร แต่คงไม่ถึงขั้นก้าวล่วงถามถึงอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณ" นายสมชายกล่าว

สว.รายนี้ระบุว่า การที่นายเศรษฐาพูดถึงนายทักษิณจะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องผ่านด่านที่ 1 ก่อน อยากให้นายทักษิณเข้าสู่กระบวนการรับโทษ ส่วนเกณฑ์การขอรับโทษเพิ่มเติม ตนคิดว่านายทักษิณได้มากพอสมควรแล้ว ในระยะเวลาที่เหลือจึงควรดำเนินการให้เป็นแบบอย่าง อีกทั้งตัวนายทักษิณเองก็เคยพูดเสมอว่าอยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบุรุษในเรื่องคดีความแบบนี้ ประเทศในโลกซึ่งอดีตผู้นำหลายประเทศที่มีคดีทุจริตก็ต่างเข้าสู่กระบวนการด้วยกันทั้งสิ้น หากปล่อยนายทักษิณออกมาก่อนแล้วคนอื่นๆ ยังติดคดี คิดว่าสังคมอาจจะไม่สงบ อาจเกิดคลื่นใต้น้ำไปยังรัฐบาลเศรษฐาได้

"การแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษานายกฯ ส่วนตัวมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมีอดีตนายกฯ หลายคนควรพบและขอคำปรึกษาได้ เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, นายชวน หลีกภัย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายอานันท์ ปันยารชุน แม้กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ให้อยู่นอกตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ในรัฐบาลนี้ดีกว่า อีกทั้งยังมองว่าเร็วเกินไปที่นายเศรษฐาจะมาตอบว่าจะให้นายทักษิณมาเป็นที่ปรึกษารัฐบาล เพราะเรื่องนี้จะกระทบความเชื่อมั่น กระทบเรื่องกระบวนการยุติธรรม ความศรัทธาต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เป็นไปได้ก็อย่าไปตั้งเลยครับ ขอคำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการดีแล้ว" สว.รายนี้ระบุ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การจะขอคำปรึกษาใครเป็นดุลพินิจและการพิจารณาของนายกฯ จะขอคำปรึกษาทั้งอดีตนายกฯ ทักษิณและอดีตนายกฯ ท่านอื่นๆ ที่คิดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์กับการทำงานในฐานะนายกฯ การที่นายเศรษฐาบอกนายทักษิณเคยเป็น หรือบางทียังคงเป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็เป็นความคิดของนายกฯ  แต่ก็คงไม่ลืมว่าอดีตนายกฯ ทักษิณก็เป็นนายกฯ ที่มีคนไม่นิยมชมชอบมากที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน

"ขอฝากข้อคิดให้นายกฯ เศรษฐาพิจารณาว่า ขณะนี้ท่านกำลังเป็นผู้นำที่กำลังนำรัฐนาวาประเทศไทยเดินหน้า    อะไรที่อาจจะเป็นภาระก็อาจจะเบรกไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเพิ่มภาระมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ควรเอาเวลาไปบริหารราชการให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขเพิ่มขึ้นจะดีกว่า" นายองอาจกล่าว

'ลุงตู่' มีความสุขแข็งแรง

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า  การที่นายกฯ บอกสื่อต่างชาติจะให้ น.ช.มาเป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ หลังพ้นโทษ ดูแล้วท่านนั่นแหละที่จะทำให้รัฐบาลเสื่อม นายกฯ เศรษฐาควรพูดกับสื่อต่างประเทศว่าจะให้ น.ช.ทักษิณจำคุกเหมือนประชาชนทั่วไป เพื่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม ความเท่าเทียม เชื่อว่าภาพของนายกฯ  เมืองไทยจะดูดีในสายตาชาวโลกทันที

"การที่ท่านไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศจะให้ น.ช.ทักษิณมีบทบาทในรัฐบาลนี้ เป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ เมื่อพ้นคุก ผมคิดว่าสื่อต่างชาติคงมองว่าเมืองไทยคงหาคนเก่งที่ซื่อสัตย์สุจริตไม่ได้แล้วหรือ จึงต้องไปรอนักโทษคดีทุจริตมาเป็นที่ปรึกษา สุดท้ายท่านนั่นแหละที่เป็นผู้ทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือรัฐบาลเอง" นพ.วรงค์กล่าว

ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีหลายคนไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยถึงขนาดต้องไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ โดยเสนอให้ดำเนินการ 5 ข้อ คือ 1.ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. 2.ยื่นเรื่องต่อผอ.รพ.ตร. ขอให้เก็บภาพในกล้องวงจรปิดไว้ตลอดเวลาที่พักอยู่ใน รพ. ให้สามารถตรวจสอบได้ 3.ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้บันทึกรายละเอียดทุกขั้นตอน 4.ขอให้ รพ.ตร.เก็บหลักฐานการรักษาทางการแพทย์ 5.ขอให้ ป.

ป.ช.กันบุคคลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีไว้เป็นพยาน และ 6.ในกรณีที่ ป.ป.ช.จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามข้อ 1 ประชาชนสามารถลงชื่อกันให้ได้ 20,000 คน เพื่อยื่นต่อประธานศาลฎีกาได้

ที่กรมราชทัณฑ์ นายพิชิต ไชยมงคล  และนายนัสเซอร์ ยีหมะ แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้เปิดเผยกรณีการอนุญาตให้ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวนอกเรือนจำ

วันเดียวกัน นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กเนื้อหาสรุปว่า นายเทพไทซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานะผู้ต้องขังของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เตรียมที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยคุณสมบัติที่มีมากกว่านายทักษิณ

"เดิมทีตั้งแต่เข้าสู่เรือนจำวันแรก มีหลายคนแนะนำให้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ  เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล  ซึ่งตอนนั้นคิดว่าเรามีโทษจำคุกเพียง 2 ปี ก็ควรยอมรับชะตากรรม ไม่อยากทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ นับตั้งแต่วันเริ่มเข้าสู่ประตูเรือนจำ แต่เมื่อวันที่ 22 ส.ค. คุณทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยมีข้ออ้างว่า ต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อต้องการรับโทษจำคุก 10 ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้จำคุกจริง ก็ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังจากนั้นได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ขออภัยโทษ หากพิจารณาจากเหตุผล คุณเทพไทกล่าวกับผมว่า เขามีคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณทักษิณเลย" น้องชายนายเทพไทระบุ

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ พร้อมระบุตอนหนึ่งว่า คิดถึงจึงมาหา…ผมไม่ได้เจอลุงตู่มานานนับเดือน แต่ได้ไลน์คุยกับท่านทุกวัน วันนี้จึงไปเยี่ยมท่านด้วยความคิดถึง พูดคุยกันนานร่วม 2 ชั่วโมง เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ท่านสดชื่นมาก สุขภาพดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส และยังถามถึงทุกๆ คนที่เคยทำงานร่วมกันมา

ช่วงท้ายนายธนกรระบุว่า สำหรับผมแล้วลุงตู่เป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพรักตลอดชีวิต เป็นสุภาพบุรุษผู้ปิดทองหลังพระ ตั้งใจ ทุ่มเททำงาน ไม่พูด ไม่อวด ถึงวันนี้ แผ่นทองคือผลงานของท่านถูกกล่าวขานชื่นชม นำเสนอทั้งในโลกโซเชียลว่าผลงานนี่สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศและคนไทยทุกคน.