พรรคก้าวไกลแถลงปม "ช่อ" ถูกประหารชีวิตทางการเมือง ตอกย้ำรัฐธรรมนูญมีปัญหา เจ้าตัวไม่ท้อเดินหน้าเปลี่ยนแปลงต่อนอกสภา หวังยกร่าง รธน.ใหม่-ปฏิรูปศาล-องค์กรอิสระ "โตโต้" ชี้กลายเป็นบรรทัดฐานทาง กม. เปิดช่องปราบนักการเมืองไม่ยอมจำนน "ทั่นโรม" แจง "ปิยบุตร" อัดพรรคส้มไร้น้ำใจ บอกเข้าใจความรู้สึกได้ ตั้งคำถามคนที่เคยถูกสอบวันนี้ยังอยู่สบาย ด้านโฆษกศาล ยธ.ยันคดีถึงที่สุดอุทธรณ์ไม่ได้
เมื่อวันที่ 21 กันยายน น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันฯ โดยให้ถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ยืนยันว่าบทบาทของตนที่ผ่านมาตั้งแต่ในยุคพรรคอนาคตใหม่จนถึงขณะนี้ เป็นอย่างไรก็จะยังเป็นแบบนั้นทุกประการ และขณะนี้ใกล้ถึงการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ ก็จะช่วยเตรียมงาน ทำงานลงพื้นที่ ทำนโยบายหาเสียงทั้งสามระดับ ซึ่งในการเลือกตั้ง สส.สมัยหน้า หากพรรคก้าวไกลยังใช้ตนอยู่ ก็จะยังเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคต่อไป รวมถึงการวิจารณ์ วิเคราะห์ ให้ความเห็นทางการเมืองใดๆ ก็จะยังคงทำผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ดังนั้น อะไรที่เคยเห็นตนทำอย่างไร ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง อยากผลักดันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ และยังทำต่อได้นอกสภา
เมื่อถามว่า ท้อหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า สะกดคำว่าท้อไม่เป็น และไม่ท้อ
ถามว่า ในโอกาสที่พรรคการเมืองจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างใหม่ จะทำให้มีแก้ไขในเรื่องโทษทางจริยธรรมหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ล่าสุดทางพรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ก็พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน ว่าในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้เช่นกัน จึงเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปฏิรูปองค์กรศาลและองค์กรอิสระ เรื่องนี้จะได้ถูกแก้ตลอดไป ไม่ใช่มาเรียกร้องกันเพราะคนใดคนหนึ่งโดน และถือว่าเป็นเรื่องดีที่พรรคก้าวไกลได้พูดถึง และตระหนักถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องศาลและองค์กรอิสระ
เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความแถลงกรณีตัดสิทธินักการเมือง- อิทธิฤทธิ์ของกลไก “มาตรฐานทางจริยธรรม” ในรัฐธรรมนูญ 2560 และความจำเป็นในการปฏิรูปองค์กรอิสระโดยมีสาระสำคัญระบุว่า เหตุการณ์นี้จึงยิ่งตอกย้ำความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่พรรคก้าวไกลหวังว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยการปฏิรูปอำนาจและที่มาขององค์กรอิสระเป็นวาระที่ขาดหายไม่ได้ ซึ่งจำเป็นต้องรวมถึง 1.การวางขอบเขตอำนาจให้สมเหตุสมผล และไม่เปิดช่องให้ถูกใช้ในการขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน 2.การปรับกระบวนการสรรหา-รับรองผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้ยึดโยงกับประชาชนและไม่ถูกผูกขาดไว้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทางการเมือง 3.การสร้างกลไกในการตรวจสอบและกลไกรับผิดรับชอบขององค์กรอิสระ
ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.), นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรค ก.ก. แถลงว่า เราจะต้องตั้งคำถามกับองค์กรอิสระว่า เพราะความผิดของ น.ส.พรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนจะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมีรายละเอียดซับซ้อนกว่านั้นมาก นี่จึงไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงจริงๆ แต่กลับเปิดโอกาสให้มีการใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง รวมถึงการใช้ให้เป็นเครื่องมือปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยและเป็นหลักของนิติรัฐ
เมื่อถามถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาระบุว่า พรรค ก.ก.แสดงความเห็นเรื่องนี้ช้า นายปิยรัฐกล่าวว่า การที่นายปิยบุตรแสดงความเห็นถือเป็นคุณูปการในการตั้งคำถามของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคได้มีการออกแถลงการณ์ไปแล้วในทางเพจเฟซบุ๊ก แต่วันนี้เราไม่ได้มาแถลงในนามพรรค เนื่องจากพรรคไม่ต้องการให้มองเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่อยากให้เป็นประเด็นในเรื่องที่สังคมตั้งคำถาม และเป็นหน้าที่ของ สส.ทุกคนในการตั้งคำถาม เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาของทุกคน รวมถึงการวางมาตรฐานของรัฐธรรมนูญด้วย และวานนี้ได้มีการประชุมสภา และพรรค ก.ก. เองก็ได้มีการหารือในเรื่องนี้อยู่ จึงไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
เมื่อถามว่า ในบทบาทของนิติบัญญัติ จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร นายปิยรัฐกล่าวว่า ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ได้นำเสนอให้มีการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราเสนอให้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า กรณีของ น.ส.พรรณิการ์ จะเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อส่งสัญญาณไปถึง สส.คนอื่นหรือไม่ นายปิยรัฐกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้นหลายกรณีแล้ว เช่น กรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ ก็เคยโดนแบบกรณีนี้เช่นกัน ฉะนั้นนี่คือปัญหา หากเรื่องนี้ศาลฎีกาเป็นผู้ตัดสิน ก็จะเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไปหรือไม่
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ว่า อยากเรียกร้องไปถึงคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม อย่านิ่งดูดายกับเรื่องแบบนี้ การที่คำวินิจฉัยของศาลออกมาเช่นนี้ ตนว่ายากมากที่สังคมจะเห็นด้วย แม้กระทั่งคนที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับคุณช่อในหลายเรื่อง ก็ออกมาพูดว่าเป็นเรื่องยากที่จะรับไหว
“การที่จะไปตัดสิทธิ์ทางการเมือง ใช่ครับ สิ่งที่เราร่ำเรียนกันมามันไม่ใช่โทษทางอาญา แต่การที่คุณไปตัดสิทธิ์ไม่ให้เขาลงสมัคร มันรุนแรงมาก รุนแรงจริงๆสำหรับใครหลายๆ คน เอาเขาไปขังยังรุนแรงน้อยกว่าการตัดสิทธิ์ทางการเมืองในการลงรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตด้วยซ้ำไป”
เมื่อถามถึงกรณีที่นายปิยบุตรโพสต์ว่า เทกแอกชันเรื่องนี้ช้าไป และอาจจะดูแล้งน้ำใจ นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆต้องบอกว่าเรารู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ น.ส.พรรณิการ์มากๆ และตนคิดว่าหลายคนมีการแสดงความรู้สึกผ่านช่องทางต่างๆ ที่แตกต่างกันไป แต่ก็เข้าใจจุดประสงค์ของนายปิยบุตรที่อาจจะรู้สึกทุกข์ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ น.ส.พรรณิการ์ เพราะเป็นคนที่เคยผ่านสนามรบด้วยกัน
หลังจากที่ตนทราบข่าวและได้คุยกับ น.ส.พรรณิการ์ ก็รู้สึกเสียใจ อย่างไรก็ตาม คิดว่าสิทธิเรื่องการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่มีการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ควรที่จะมีการถูกตัดสิทธิ์กันง่ายๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะการกระทำที่ไม่เคยมีคำตัดสินของศาลว่าผิดหรือไม่ผิด การกระทำที่เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนเป็น ส.ส. และเป็นการกระทำก่อนที่จะมีมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งหากจะให้ป้องกันเรื่องลักษณะเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีการป้องกัน เพราะมาตรฐานทางจริยธรรมไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน เช่น หากเปรียบเทียบกับกฎหมายอาญา ก็จะมีการเขียนองค์ประกอบไว้ชัดเจนเพื่อให้คนเข้าใจว่า ต้องมีพฤติกรรมเช่นไร หรือไม่ต้องมีพฤติกรรมเช่นไร
แต่กรณีมาตรฐานทางจริยธรรม เป็นนามธรรม มีลักษณะของการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจในการใช้อำนาจไปในทางใดๆ ก็ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ สังคมไทยจะอยู่อย่างไร และกลายเป็นว่านักการเมืองมีโอกาสที่จะถูกสอยได้ตลอดเวลา ในทางตรงกันข้าม เราทำงานในสภามา 5 ปี เราเปิดโปงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันจำนวนมาก แต่วันนี้คนเหล่านี้ยังอยู่สุขสบาย
ด้านนายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าคดีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้นั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไป โดยคดีที่กล่าวหากระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น เมื่อมีการฟ้องคดีต่อศาลฎีกา และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยใดแล้ว ผลนั้นถือเป็นอันสิ้นสุดตามกฎหมาย ยื่นอุทธรณ์ไม่ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"