"ราชทัณฑ์" ไฟเขียว "ทักษิณ" นอน รพ.ตำรวจเกิน 30 วัน อ้างเพิ่งผ่าตัด การรักษายังไม่สิ้นสุด “ผบ.ตร.” งานเยอะไม่รู้อาการนักโทษ โยนหน้าที่ "พล.ต.ท.ประจวบ" จ่อหารือผู้เกี่ยวข้องหลังสังคมกดดัน “ปภส.” จี้นายกฯ สางปมนอน รพ.จริงหรือไม่
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 20 กันยายน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่า ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะทำหนังสือไปถึงทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสอบถามอาการของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะสามารถนำกลับมารักษาในโรงพยาบาลของราชทัณฑ์ได้หรือไม่นั้น ว่าจริงๆ ยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งได้สั่งการไปแล้วในเรื่องการดูแลกรณีนี้ เป็นหน้าที่ของ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบแทน ส่วนตัวมีงานเยอะ จึงยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องของโรงพยาบาลตำรวจกับกรมราชทัณฑ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะครบ 1 เดือนที่นายทักษิณเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ มีหลายฝ่ายกดดันให้มีการชี้แจงอาการป่วยให้สังคมได้รับทราบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ขอหารือกับ พล.ต.ท.ประจวบก่อน เรื่องนี้ตนไม่ได้ลงไปในรายละเอียด และยังไม่ได้สอบถาม เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ เช่น การยึดทรัพย์ การแสวงหาความร่วมมือการลงนามกับนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์และกรมราชทัณฑ์ โดยโรงพยาบาลตำรวจเป็นสถานที่รักษาพยาบาลตามที่กรมราชทัณฑ์ใช้ดุลยพินิจ หลังจากนี้จะไปพูดคุยกันอีกครั้ง พร้อมยอมรับว่าช่วงนี้มีงานหลายด้าน จึงยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้
วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในความควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งรับตัวไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 และต่อมามีอาการป่วยฉุกเฉินต้องส่งตัวออกรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลตำรวจในคืนดังกล่าว โดยจะครบระยะเวลาสามสิบวันที่ส่งตัวออกไปรักษาพยาบาลภายนอกในวันที่ 21 ก.ย. ในการนี้ ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 กำหนดไว้ว่า กรณีผู้ต้องขังพักรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่าสามสิบวัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดีพร้อมความเห็นของแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วยและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมราชทัณฑ์ได้รับหนังสือจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รายงานความเห็นแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ระบุเหตุผลความจำเป็นของนายทักษิณ ที่จำเป็นต้องรักษาตัวเกินสามสิบวัน เนื่องจากการรักษายังไม่สิ้นสุด เพราะได้เข้ารับการผ่าตัดและยังคงต้องรักษาตัวอยู่ต่อ ณ โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลาปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์มีสถิติผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่าสามสิบวัน จากเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศกว่า 140 ราย และในเดือนนี้มีสถิติจำนวน 14 ราย ที่เสนอมายังกรมราชทัณฑ์ (รวมกรณีนายทักษิณ) และกรมราชทัณฑ์ได้เห็นชอบตามความเห็นของแพทย์ที่ทำการรักษาเสนอมา โดยที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามความเห็นแพทย์ที่ทำการรักษาผู้ป่วย และคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ ส่วนรายละเอียดของผู้ป่วยทุกราย ตามกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยให้ทราบได้
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง มอบหมายนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือจากนายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) ที่ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เรื่องขอให้ดำเนินการตามอำนาจทางกฎหมาย อำนาจตามรัฐธรรมนูญ อำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 6 (1) (2) (3) (4) (5) เพื่อขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับตัวนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร หลังคำสั่งขังของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566
พบว่ามีการเลือกปฏิบัติผิดแปลกไปจากการควบคุมนักโทษทั่วไป กล่าวคือ ไม่มีรถลูกกรงทุกชนิดที่จะเผยให้เห็นถึงการควบคุมนักโทษดังกล่าว แต่มีการอ้างว่าเพื่อคุ้มกันความปลอดภัย โดยใช้รถพิเศษติดฟิล์มดำสนิท ได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั่วประเทศหรือไม่ ขอให้มีคำสั่งเรียกพยานหลักฐานเพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทั้งประเทศได้หายเคลือบแคลงสงสัย และเรียกความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทั้งในกรณีที่นำนักโทษคนดังกล่าวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จริงหรือไม่ พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ สอบสวนโรค ป่วยร้ายแรงจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายทักษิณ คดีอาญามาตรา 112 นั้น ขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลงาน ตร. มีคำสั่งถึง ผบ.ตร. ประสานกรมราชทัณฑ์ นำหมายจับไปแสดงและอายัดตัวไว้ เพื่อป้องกันเหตุคดีขาดอายุความและป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า
ฮือ! ขวาง ‘โต้ง’ ยึดธปท.
นักวิชาการ-กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ย้ำหากฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นบอร์ด ธปท. สุ่มเสี่ยงเกิดการกินรวบ เป็นหายนะต่อประเทศ “กองทัพธรรม” ขยับล่าชื่อต้าน
ปลื้ม ‘UN’ ชม แจก ‘สัญชาติ’ ยันไม่มี ‘สีเทา’
รัฐบาลปลื้มยูเอ็น ยกย่องไทยยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โฆษกรัฐบาลยัน กลุ่มคนสีเทา หรือแรงงานต่างด้าว หรือผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ได้สัญชาติไทย เผยเหตุให้รวดเดียว 4.8 แสนคน
‘อิ๊งค์’ ส่งสัญญาณ! กวาดล้างพ่อค้ายา
“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำแผนปราบยา ตัดวงจร ฝึกอาชีพ ส่งสัญญาณกวาดล้างผู้ค้าในพื้นที่ระบาด ยึด อายัดทรัพย์ เอาผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
นพดลวอนหยุดปั่นเกาะกูด ‘คำนูณ’ แนะชั่งข้อ ‘ดี-เสีย’
“นพดล” ย้ำ “เกาะกูด” เป็นของไทย เอ็มโอยู 44 ไม่ได้ทำให้เสียดินแดน วอนเลิกบิดเบือนหวังผลการเมือง “คำนูณ” ชำแหละบันทึกความตกลง เป็นคุณกับกัมพูชามากกว่า
อดีตคนธปท.ต้านแทรกแซง
แรงต้านแทรกแซงแบงก์ชาติขยายวง อดีตพนักงาน ธปท.อีก 416 คน ร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึก ยกจรรยาบรรณประธานบอร์ดห้ามเอี่ยวการเมือง เรียกร้องคณะกรรมการสรรหาฯ