อุ๊งอิ๊งจ่อนั่งหน.พท. ชูคนรุ่นใหม่นำพรรค/นายกฯโชว์ไทยเวทีโลก

นายกฯ ถึงสหรัฐเตรียมเข้าร่วมประชุม "UNGA" ครั้งที่ 78 หวังแสดงบทบาทไทยที่จะเปลี่ยนไปให้เวทีโลกเห็น บอกสบายนั่งบิสสิเนสคลาส โอ่ใช้งบมีประสิทธิภาพ รองเลขาฯ แจงลูกสาวนายกฯ ร่วมคณะจ่ายเงินเอง "พท." ทำบุญก้าวสู่ปีที่ 16 "อุ๊งอิ๊ง" ลั่นพร้อมนั่ง "หัวหน้าพรรค" หากสมาชิกเห็นเหมาะสม ชม "เสี่ยนิด" ฟิตมาก "ภูมิธรรม" ย้ำรบ.ยกแก้ รธน.เรื่องเร่งด่วน "ชัยธวัช” ซัด "เศรษฐา" ตั้งคนมีประวัติเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ โยนปมขับ “ปดิพัทธ์” พ้นพรรคก้าวไกลให้ กก.บห.ชุดใหม่ตัดสิน "กกต." ประกาศรับรอง สส.ระยองเขต 3แล้ว

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. เวลา 02.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา)  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง พร้อมด้วย พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ และคณะ ออกเดินทางด้วยสายการบินไทย ถึงสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.นี้

นายเศรษฐาโพสต์ทวิตเตอร์ถึงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 78 (UNGA 78) ว่าจะเป็นภารกิจต่างประเทศอย่างเป็นทางการแรกของรัฐบาลใหม่ เพื่อแสดงบทบาทใหม่ของไทยที่จะเปลี่ยนไปให้กับเวทีโลกเห็น

"ผมตั้งใจจะขับเคลื่อนการดำเนินการต่างๆ เพื่อบรรลุ SDGs ความสำคัญในการยึดมั่นระบบพหุภาคี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายและความต้องการของประชาคมโลกในปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระดมทุนเพื่อการพัฒนา และสิ่งแวดล้อมสีเขียว และด้านอื่นๆ  อย่างครอบคลุม เพื่อเดินหน้าเต็มที่เพื่อประสานความร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน และกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำจากนานาประเทศ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความมั่งคั่ง รวมทั้งความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน" นายเศรษฐาระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเดินทางของนายกฯ ครั้งนี้ เดินทางด้วยเที่ยวบินของสายการบินไทย TG 8832 นายกรัฐมนตรีนั่งในชั้น Business Class ไม่ได้นั่งในชั้น First Class อย่างที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากเครื่องบินเช่าเหมาลำไม่ได้มีชั้น First Class มีแต่ชั้น Business Class ที่ต้องนั่งรวมกัน

นายเศรษฐาระบุว่า นั่งรวมกับทุกคนในชั้น Business Class ไม่จำเป็นต้องนั่งแยกกัน เอาที่ต้นทุนมีประสิทธิภาพที่สุด อะไรที่ช่วยกันได้ก็ช่วยกัน ก็สบายๆ การตัดสินใจเช่าเหมาลำของการบินไทยราคาถูกกว่าส่วนราชการ โดยมีการเปรียบเทียบราคาโปร่งใส อย่างที่ได้ชี้แจงมาแต่ต้น และการมาเครื่องของการบินไทยนายกรัฐมนตรีก็ต้องนั่งแค่ชั้น Business เหมือนข้าราชการระดับสูง

น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ชี้แจงการเช่าเหมาลำเครื่องบินสายการบินไทยในภารกิจของนายกฯ ที่สหรัฐอเมริกาว่า  การเช่าเหมาลำเครื่องบินสายการบินไทยในครั้งนี้ เราได้เปรียบเทียบปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งทางเลือกของเรา 1.การใช้เครื่องของกองทัพอากาศ 2.การใช้บริการเช่าเหมาลำ ซึ่งเราเปรียบเทียบแล้วเครื่องของกองทัพอากาศแอร์บัส 350 ที่ข้างในเป็น First Class 6 ที่นั่ง และ Business Class 30 ที่นั่ง ซึ่ง Business Class เก้าอี้ใช้ได้เพียงครึ่งเดียว 15 ที่นั่ง ขณะที่ด้านหลังเป็น Economy Class สภาพภายในก็ตามสภาพ ซึ่งนายกฯ จะนั่งในส่วนของ First Class และท่านอื่นๆ รวม 5-6 ท่าน ขณะที่วีไอพีท่านที่เหลือต้องไปนั่ง Business Class และ Economy Class 

"ราคากองทัพอากาศเสนอมา 32 ล้านบาท ยังไม่ได้คิดค่าน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่เดิมการบินไทยเสนอมา 25 ล้านบาทด้วยซ้ำ แต่ต้องมาเพิ่มเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ดังนั้นหากจะใช้เครื่องบินกองทัพอากาศอาจราคาถึง 40 ล้านบาทก็เป็นได้" น.ส.นัทรียากล่าว

ถามถึงกรณีบุตรสาวนายกฯ ร่วมคณะไปด้วย รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า บุตรสาวของนายกฯ ชำระค่าบริการทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะค่าเครื่องบินก็ชำระตามเกณฑ์ ค่าอาหาร ค่าระหว่างที่พัก อยู่ที่นี่ก็ใช้เงินส่วนตัว ไม่ได้ใช้เงินของส่วนราชการแม้แต่บาทเดียว นี่เป็นหลักตาม พ.ร.บ.ของทำเนียบฯ ใช้กับคนทั่วไป

อิ๊งค์พร้อมนั่ง หน.เพื่อไทย

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 09.00 น. มีการจัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเพล 9 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) พร้อมสักการะพระชัยมงคลและศาลตายาย ที่บริเวณชั้น 7 ที่ทำการพรรค เนื่องในโอกาสครบรอบวันก่อตั้งพรรค พท.ปีที่ 15 ก้าวสู่ปีที่ 16 มีนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และรักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรักษาการเลขาธิการพรรค รวมถึงแกนนำคนสำคัญ รัฐมนตรี สส. สมาชิกพรรค และเจ้าหน้าที่พรรค เข้าร่วมพิธีกันอย่างพร้อมเพรียง

น.ส.แพทองธารกล่าวถึงกรณีได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติว่า  ตื่นเต้นมาก อยากจะเริ่มทำงาน เพราะโครงการนี้เราคิดเป็นนโยบาย ก่อนที่จะออกแคมเปญในการเลือกตั้ง ซึ่งทำการบ้านเรื่องนี้มาเป็นปี ถ้าได้ทำเมื่อไหร่เราจะทำอย่างเต็มที่ ถามว่า จะเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงมีโอกาสได้ทำงานเข้าไป แต่คิดว่าต้องดูที่สะดวกทั้งในส่วนของทีมงาน ซึ่งอาจจะต้องมีหลายวงประชุม และทำหลายหน้าที่ ดังนั้น สามารถทำงานได้หมดในทุกสถานที่ที่สะดวกกับทีมงาน เพื่อให้ได้มีผลงานออกมาเร็วที่สุด

ซักว่าจะเข้าไปดูที่ทางตำแหน่งอื่นด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวติดตลกว่า สื่อมวลชนชอบมอบตำแหน่งให้ตนทุกครั้ง ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์ ซึ่งขอขอบคุณ แต่ยังคงไม่มองถึงตำแหน่งอื่น และหากได้มีโอกาสเข้าไป คงรู้สึกตื่นเต้น เพราะเคยเข้าไปทำเนียบฯ ตอนเด็ก สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ คิดว่าหากได้เข้าไปอีก จะต้องดูว่ายังคงเหมือนเดิม เหมือนภาพจำหรือไม่ เพราะตนไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลนานมากแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีรายชื่อติดโผที่ตำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ มีความพร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่หากถามว่าพร้อมหรือไม่ ส่วนตัวทำเพื่อพรรคอย่างทุ่มเทเต็มที่ ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และวันนี้เป็นวันเกิดพรรคครบ 16 ปี ดังนั้นความรักความผูกพันจึงพร้อมทำเพื่อพรรคอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม การจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่เป็น ก็เต็มที่กับพรรค พท.

"พร้อมทำเพื่อพรรคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเสียงเชียร์สนับสนุนเป็นกำลังใจให้ แต่ในช่วงไทมิงต่างๆ ที่เข้ามา หากเกิดผลดีกับพรรคมากที่สุด รวมถึงกับ สส.และทุกคน ดังนั้นความหมายคือ ถ้ามีคนที่ดีกว่าและจะนำพรรคได้ดีกว่าก็ยอม แต่ถ้าเป็นหากคิดว่าตนดีที่สุดก็ยอมเช่นกัน ซึ่งเราเป็นคนมองที่เป้าหมาย เมื่อมีคนพูดว่าควรเป็นหัวหน้าพรรค ก็เต็มที่ แม้ว่ามีหรือไม่มีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้นจะไม่มีการน้อยใจ หากไม่ได้เป็นหรือได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะจุดยืนของเราคือทำเพื่อพรรค" น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามถึงการทำงานของนายกฯ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ได้มีโอกาสคุยกับนายกฯ และนายกฯ สู้มาก ซึ่งตนได้แซวนายเศรษฐาว่าเหนื่อยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่าไม่เหนื่อย และมีงานเยอะมาก พร้อมบอกให้ฟังว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ตนยังแซวอีกว่าฝากดูทีมงานด้วย เดี๋ยวสลบกันไปหมดแล้ว และตนยอมรับว่านายกฯ สู้ และฟิตมาก ขยันมากจริงๆ จึงอยากขอฝากพี่น้องประชาชนให้กำลังใจนายกฯ ด้วย เนื่องจากอยากทำงานให้เต็มที่ เพื่อจะให้ประเทศไทยไปถึงจุดที่ดีขึ้น

ขึงขังแก้ รธน.เรื่องเร่งด่วน

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงการสรรหาหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ว่า เป็นสิ่งที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  รักษาการเลขาธิการพรรค พท.กำลังดำเนินการ และในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารก็ได้มีการพูดถึงกรอบชัดเจนว่าเราจะเลือกให้เสร็จภายใน 60 วัน แต่คาดว่าบวกลบ 45 วันนิดหน่อยก็จะจัดการแล้วเสร็จ ส่วนจะเป็นบุคคลอย่างไร เราจะรวบรวมความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคให้ชัดเจนอีกครั้ง

"น.ส.แพทองธารเป็นคนรุ่นใหม่ สามารถนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามา และเป็นคนที่มีศักยภาพ มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่ แต่คิดว่าแนวโน้มของพรรค เราพยายามให้คนรุ่นใหม่ ความรู้ความสามารถเข้ามามากขึ้น พวกเรามีประสบการณ์มาพอสมควรแล้วไปเป็นผู้สนับสนุนดีกว่า" นายภูมิธรรมกล่าว

รองนายกฯ กล่าวถึงการทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทนนายเศรษฐาว่า  นายกฯ ไปแค่ 4-5 วัน ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ท่านก็เร่งเรื่องรัฐธรรมนูญ ​และให้แต่ละกระทรวงเข้าไปทำงานกันให้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องดำเนินการ ก็จะช่วยกันทำ

ถามถึงการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ รองนายกฯกล่าวว่า นายกฯ มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการ ขณะนี้กำลังดูและติดต่อทาบทามคน โดยพยายามให้มาจากภาคส่วนหรือคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายมหาชน

"เราก็อยากดูรายละเอียดทั้งหมด รวมถึงอยากคุยกับทุกฝ่าย ทั้ง สว. สส. ทั้งองค์กรประชาชน อย่างไรก็ตาม ต้องเสร็จภายใน 4 ปี เราจะพยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งหากมีการทาบทามตัวบุคคลแล้วจะแจ้งให้สื่อทราบอีกครั้ง หลังจากนั้นเราจะเร่งทำงานทันที ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลอยากให้เกิดขึ้น และอยากให้ประชาชนสบายใจ" รองนายกฯ กล่าว

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.กล่าวถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในโควตาพรรค ภท.ว่า สัปดาห์หน้าคงจะนำชื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องรอนายกฯ กลับมาจากการปฏิบัติภารกิจในการประชุมยูเอ็นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสำหรับพรรคภท. ได้โควตาโฆษกรัฐบาล 1 คน

ถามว่า รองโฆษกฯ ในโควตาพรรคภูมิใจไทยจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง นายอนุทินยิ้มและกล่าวเพียงว่า “พูดไปพูดมาเดี๋ยวเอ่ยชื่อพอดี”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีชื่อ น.ส.แพทองธารจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พท. นายอนุทินกล่าวว่า จะมาถามหัวหน้าพรรค ภท.ได้อย่างไร แต่หากเป็น น.ส.แพทองธารก็ดี จากการพบเจอกัน 2-3 ครั้ง พบว่า น.ส.แพทองธารมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ มีองคาพยพที่เอื้อทั้งหมด

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงนโยบาย "พม. พอใจ : ให้ทุกวัยพึงใจใน พม." โดยตอนหนึ่งระบุว่า การขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวใจสำคัญในการทำงานมีอยู่ 3 ข้อ 1.การทำงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ทำให้เงินภาษีของประชาชนเกิดประโยชน์ที่สุด โดยตนจะไม่ยอมรับกับการคอร์รัปชันและการทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น 2.สนับสนุน แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ 3.การทำงานต้องมีความแม่นยำ รวดเร็ว และสร้างความเปลี่ยนแปลง

"เราต้องคิดนอกกรอบ เปลี่ยนจากกระทรวงที่ถูกมองเป็นกระทรวงสังคมสงเคราะห์ กระทรวงเกรดต่ำให้เป็นกระทรวงที่ดึงศักยภาพคนทุกกลุ่มให้เป็นทรัพยากรบุคคล เป็นต้นทุนของสังคมไทย ดูแลให้กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีอยู่ 17 ข้อ ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของ พม.ถึง 8 ข้อ" นายวราวุธกล่าว

กกต.รับรอง สส.ระยองเขต 3

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐาแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี 9 คน ปรากฏรายชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความครอบครัวชินวัตร และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาคดีข้าวบูล็อก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความสง่างามว่า นายกฯ คงต้องมีความระมัดระวังในการนำคนที่อาจจะมีประวัติ ซึ่งอาจจะถูกตั้งคำถามในแง่ของความซื่อสัตย์สุจริต การมีทีมงานที่มีประวัติไม่ดี ก็อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ได้ ถ้านายกฯ ทบทวนและกลั่นกรอง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องระมัดระวัง หากมองว่าคดีความได้สิ้นสุดลงไปแล้วก็ได้ แต่ในทางการเมือง ความคิดและความรู้สึกของสาธารณะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

นายชัยธวัชกล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า ตอนนี้มีความชัดเจน 2 เรื่อง 1.รัฐบาลคงต้องเข้าใจว่าในตอนนี้พรรค พท.ในฐานะเป็นแกนนำรัฐบาลมีความชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะมีแนวทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างไร ซึ่งก็เคยมีการแถลงด้วยซ้ำในตอนที่เพิ่งเริ่มจัดตั้งรัฐบาล โดยมีข้อหนึ่งที่ระบุว่า ภารกิจของรัฐบาลคือเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ อีกทั้งยังมีการพูดถึงว่ามติคณะรัฐมนตรีครั้งแรกจะมีวาระเรื่องการลงประชามติ แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่า เป็นแค่คำสั่งให้นายภูมิธรรมไปตั้งคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติ แน่นอนว่าสังคมคงคาดหวังว่าทำไมไม่เหมือนกับที่เคยว่าไว้

นอกจากนี้ 2.มีคำถามว่า การตั้งคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติจะเป็นการเตะถ่วงเวลา หรือเปิดช่องเพื่อไม่ให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือไม่ ซึ่งเข้าใจได้ว่าสังคมกังวล อีกทั้งยังมีคำถามว่าจำเป็นที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการนี้อีกหรือไม่ อย่างในสภาสมัยที่แล้วก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว

ถามถึงกรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ก.ก.คนใหม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องรอการประชุมวิสามัญในวันที่ 23 ก.ย.ที่จะถึงนี้ และรอที่ประชุมเสนอหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ แต่ก็ขอบคุณที่มีคนเสนอชื่อตน

ซักว่า หากได้รับคัดเลือกพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ว่าใครที่ได้รับการคัดเลือกก็ต้องพร้อม จริงๆ มีบุคลากรหลายคนที่พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่าเรื่องคุณสมบัติ จุดเด่น ต้องมีความแตกต่างจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรค ก.ก.หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า แต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน คงไม่มีใครเหมือนกับใครเป๊ะๆ อาจจะต้องอยู่ระหว่างความสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมือง ตนมองว่าสุดท้ายแล้วนายพิธาจะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส.ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารชุดใหม่

ถามว่า นายพิธาจะสามารถกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคได้อีกใช่หรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตัดสินให้พ้นสถานะสส. นายชัยธวัชกล่าวว่า ใช่ ตนมั่นใจและขอยืนยันว่าสุดท้ายแล้วนายพิธาจะกลับมา และคิดว่าอย่างช้าที่สุดน่าจะต้นปีหน้า

เมื่อถามถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรค มีการพูดคุยเรื่องการขับนายปดิพัทธ์​ สันติ​ภาดา​ รองประธาน​สภา​ผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ออกหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะพูดคุยกัน คงต้องรอไปก่อน

ด้าน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรค ก.ก.กล่าวถึงกระแสข่าวนายชัยธวัชจะเป็นหัวหน้าพรรค ก.ก.คนใหม่ว่า อยากให้รอวันที่ 23 ก.ย. ไม่ว่ากระแสข่าวจะออกมาอย่างไร จะเป็นชื่อใคร ก็ยังเป็นการคาดการณ์ ไม่ใช่มติที่เป็นทางการ และสามารถประกาศกับสาธารณะได้

"จำเป็นต้องยืนยันกับประชาชนและสื่อมวลชน อยากให้รอสักนิดหนึ่ง เพราะในวันที่ 23 ก.ย. จะมีการประชุม สส. ที่อาคารไทยซัมมิท ในเวลา 09.00 น. และแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในเวลา 12.30 น. ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นตำแหน่งต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะถูกยืนยัน เชื่อได้แน่ๆ" รองโฆษกพรรค ก.ก.ระบุ

วันเดียวกัน ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น โฮเทล นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า กกต.มีมติประกาศรับรองนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ เป็น สส.เขต 3 จ.ระยอง โดยให้มารับหนังสือรับรองตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่สำนักงานกกต. ส่วนเรื่องร้องเรียนก่อนประกาศผลสำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบตามเงื่อนไขของกฎหมาย คือได้ตรวจสอบว่ามีเรื่องร้องเรียนหรือไม่ และฟังรายงานจากผู้ตรวจการเลือกตั้งเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต จึงให้ประกาศผล ส่วนเรื่องร้องเรียนได้มีการรับทราบจากทาง กกต.ระยอง แล้วว่ามีเรื่องร้องเรียนในวันที่ 18 ก.ย. และวันนี้ แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง จึงไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

ถามถึงเรื่องการทำประชามติ นายแสวงกล่าวว่า วันนี้ทางสำนักงาน กกต.ได้ส่งรายชื่อที่ภาคีเครือข่ายประชาชนรวบรวมเพื่อเสนอให้มีการจัดทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 210,000 รายชื่อ โดยตรวจสอบแล้วมีข้อมูลครบถ้วนเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมาย 159,000 รายชื่อ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว

ซักถึงงบประมาณการทำประชามติ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่คำนวณเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ก็มีของเดิมที่เคยทำ คงจะเพิ่มแค่เรื่องการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มีสิทธิในการออกเสียงประชามติจำนวนมากขึ้น ส่วนหน่วยเลือกตั้งหรือการวางบริหารจัดการก็จะคล้ายๆ กับการเลือกตั้ง สส. แต่ความซับซ้อนและงบประมาณจะน้อยกว่า เช่น เรื่องการพิมพ์บัตรก็จะพิมพ์ง่ายกว่า เพราะมีแค่ช่องเห็นชอบและไม่เห็นชอบ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบคำถาม     ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องงบประมาณ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม