“จุลพันธ์” โวลุยโครงการพักหนี้เกษตรกร-เอสเอ็มอี ก่อนเสนอ ครม.ภายใน 14 วันหรือก่อนสิ้น ก.ย.แน่ แพลมเตรียมปรับเงื่อนไขใช้จ่ายเงินดิจิทัล 1 หมื่น จาก 4 กม.เป็นครอบคลุมทั้งอำเภอ รอถกปมบริการภาครัฐจะรวมหรือไม่ “กรณ์” โผล่เตือนระวังภาระหนี้พุ่งจากราคาที่ต้องจ่าย เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2566 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในต้นสัปดาห์นี้คณะทำงานโครงการพักหนี้เกษตรกร และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เกี่ยวกับกรอบแนวทางและวิธีการทำงานทั้งหมดให้ได้ข้อสรุป เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน 14 วัน หรือไม่เกินสิ้นเดือน ก.ย.นี้
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีลูกหนี้เกษตรกรทั้งสิ้นกว่า 4.2 ล้านบัญชี ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านบัญชี ซึ่งต้องพิจารณาหลักเกณฑ์และรายละเอียดว่าจะช่วยเหลืออย่างไร โดยคงไม่ได้ช่วยทั้งหมด เพราะเชื่อว่าจะมีรายใหญ่รวมอยู่ด้วย ส่วนว่ามาตรการจะครอบคลุมแค่ไหน หรือมีการกำหนดเพดานช่วยเหลืออย่างไร ขอไปพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง แต่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งให้เร็วที่สุด เพราะได้รับคำสั่งจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลังมาแล้ว
“ต้องดูกรอบวงเงินที่มีความเหมาะสม และภาระงบประมาณที่จะรับได้อีกส่วนหนึ่งด้วย เพราะตอนนี้กระบวนการงบประมาณปี 2567 ก็ล่าช้าด้วย ดังนั้นหลักของแนวทางการให้ความช่วยเหลือในโครงการพักหนี้ ก็จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและสอดคล้องกับงบประมาณด้วย” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า ยืนยันว่าการดำเนินการจะไม่ช้าไปกว่าเดือน มี.ค.2567 แน่นอน โดยนายกฯ ตั้งธงมาแล้วว่าจะเริ่มในวันที่ 1 ก.พ.2567 กระทรวงการคลังก็ต้องทำให้สำเร็จ โดยอาจต้องทดสอบระบบก่อนวันเริ่มดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ส่วนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ คงไม่มีการให้ลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นอาจใช้ข้อมูลร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาเป็นพื้นฐาน แต่อาจต้องยืนยันตัวตนเพิ่มเติมบ้างเท่านั้น
นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้จ่ายในโครงการ โดยเฉพาะการกำหนดรัศมีการใช้จ่ายไม่เกิน 4 กิโลเมตรตามทะเบียนบ้านนั้นว่า ที่ผ่านมามีข้อเสนอแนะเข้ามาเยอะว่าเรื่องนี้อาจเป็นข้อจำกัด ซึ่งรัฐบาลเองอาจผ่อนปรนหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องรัศมีในการใช้จ่าย โดยอาจปรับมาเป็นให้ใช้ได้ภายในอำเภอตามทะเบียนบ้าน เพื่อทำให้กระบวนการใช้เงินของประชาชนผ่านดิจิทัลวอลเล็ตราบรื่นที่สุด
“ข้อเสนอที่ให้ปรับมาเป็นใช้จ่ายจากรัศมี 4 กิโลเมตร มาเป็นใช้จ่ายได้ภายในอำเภอตามทะเบียนบ้าน เป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่สุดท้ายเป็นอย่างไร อยากให้รอฟังดีๆ อีกครั้ง โดยรัฐบาลยังคงยึดเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชนเป็นหลัก หากจะปรับโดยการปลดล็อกการใช้จ่ายจนอิสระหรือฟรีไปเลยคงไม่มีทาง ส่วนข้อกำหนดซื้อสินค้ายังต้องรอสรุปอีกนิด เพราะมีเรื่องที่ต้องพิจารณาค่อนข้างมาก เช่น กรณีเป็นบริการของรัฐควรให้ใช้ได้หรือไม่ เพราะเงินอาจไม่หมุนเข้าระบบเศรษฐกิจ เช่น การจ่ายค่าไฟฟ้า แต่ที่ชัดเจนแน่นอนแล้วคือไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าประเภทอบายมุขและชำระหนี้สินได้แน่นอน” นายจุลพันธ์กล่าว
สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการนั้น นายจุลพันธ์ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องกู้อย่างแน่นอน รัฐบาลมีกลไกในการดำเนินการได้ ส่วนข้อเสนอว่าให้นำแอปพลิเคชันเป๋าตังเข้ามาใช้นั้น แอปพลิเคชันเป๋าตังเป็นสินทรัพย์ของรัฐบาลอยู่แล้ว หากท้ายที่สุดแล้วสรุปว่าจะนำแอปเป๋าตังไปใส่ในบล็อกเชนของโครงการ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ หากทำจริงก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ในมุมมองของรัฐบาลเห็นว่าหากอะไรที่พัฒนาแล้วทำให้ดีขึ้นก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงภาระทางการคลังในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า รัฐบาลจะขาดดุลมากขึ้น โดยอยู่ที่ 3% ของจีดีพี จากที่เดิมคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8% ในปีหน้า ในขณะที่เศรษฐกิจโตช้ากว่าที่คาดไว้เดิม ดังนั้นสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจึงสูงขึ้นเป็น 64% จากเดิม 61.35% ซึ่งประมาณการใหม่นี้กำลังสร้างความกังวลให้นักเศรษฐศาสตร์อย่างมาก เพราะทุกอย่างมีต้นทุน คือมีราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งราคาที่ว่านี้ปรากฏชัดเจนในส่วนของต้นทุนดอกเบี้ยของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น อย่างอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ทะลุ 3% ไปแล้ว ซึ่งประมาณการนี้ยังไม่ได้รวมนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ซึ่งอย่างไรรัฐบาลก็ต้องกู้ หรือยืมรัฐวิสาหกิจมาแจก
“วันนี้หนี้รัฐบาลมีอยู่ 11 ล้านล้านบาท รัฐบาลต้องออกพันธบัตรใหม่มาชำระชุดเก่าตลอดเวลา ซึ่งต้นทุนก็จะมีแต่สูงขึ้น เป็นภาระต่องบประมาณมากขึ้น แนวโน้มดอกเบี้ยเราจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยหลากหลายปัจจัย เช่น การส่งออกที่ซบเซา ราคานํ้ามันโลกที่สูงขึ้น รวมไปถึงรายจ่ายภาครัฐจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จุดแข็งของไทยเราคือ เราแทบไม่มีหนี้สกุลเงินต่างประเทศ แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของโลก ไม่ระวังไม่ได้” นายกรณ์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้
สจ.จอยประกาศไม่เผาศพ!
7 ผู้ต้องหาคดียิง "สจ.โต้ง" คอตกเข้าคุกเรียบร้อย
กกต.ย้ำ1ก.พ.เลือก47อบจ. พท.จ่อเคาะชื่อเก้าอี้โคราช
กกต.ย้ำเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด 1 ก.พ.2568
พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี
"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล
รมช.คลังตอบชัด ปฏิรูประบบภาษี ศึกษาไร้ทิศทาง
เก้าอี้ดนตรี! "ศิริกัญญา" ตั้งกระทู้ถามปฏิรูประบบภาษีให้ "นายกฯ" ตอบ แต่ "อุ๊งอิ๊ง" ส่ง "รมว.คลัง" ตอบแทน