เศรษฐาโชว์ลดแหลก ค่าไฟ-น้ำมัน-ก๊าซหุงต้ม-VATจ่ายเงินขรก.2รอบเร่งพักหนี้

โหมโรง "ครม.เศรษฐา"   นัดแรก ทำ ขรก.ช็อกทั้งประเทศ   ประกาศฟ้าฝ่า เคาะจ่ายเงินเดือน 2  รอบ เริ่ม 1 ม.ค.67 อ้างช่วยชั้นผู้น้อย  แห่ต้านระงมโซเชียล ด้านโฆษกตัดไฟก่อนลามใหญ่ โยนลูกกรมบัญชีกลางศึกษารอบด้าน รัฐบาลเร่งเต็มสูบเงินหมื่นดิจิทัล “จุลพันธ์” เผยนายกฯ ผุดทีมดูแลเฉพาะ ชี้ใช้ช่องงบประมาณประจำปี "พลังงาน" ยกขบวนพาเหรดลดค่าครองชีพ "เชื้อเพลิง-ค่าไฟ" ขณะที่  "อุ๊งอิ๊ง" ผงาด นั่งหัวโต๊ะกุมบังเหียน คกก.ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ "วราวุธ"  หน้าบาน ประกาศก้องเตรียมรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด พม.จ่ายจริง 18 ก.ย.นี้

เมื่อวันพุธ เวลา 11.55 น. ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้เพิ่งจบการประชุม ครม.นัดแรก ธรรมดาโฆษกรัฐบาลจะเป็นผู้แถลง แต่วันนี้เข้าใจว่าสื่อมวลชนอยากได้ยินอะไรที่ดีๆ ที่ ครม.นัดแรกทำออกมา โดยในวันนี้มีการตั้งคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่เราหาเสียงไป เป็นการดึงศักยภาพของประชาชนชาวไทยทุกคนออกมาเพื่อเสริมสร้างรายได้ เพิ่มโอกาสให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน ส่วนเรื่องการพักหนี้เกษตรกร ได้มีการตกลงกัน ซึ่งจะมีการพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี

“ทั้งนี้ยังมีเรื่องที่เราไม่เคยพูดคุยกัน  ผมไม่ได้มีการแย้มถึงเรื่องนี้เลย แต่ผมตระหนักดีว่าเรื่องกระแสเงินสดของทุกคนในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงดำริให้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ  โดยรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งต้องมีการแก้ไขระบบอะไรหลายๆ อย่าง จึงทำเลยไม่ได้  ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เยอะพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงิน 2 รอบ จะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องคอยให้ถึงสิ้นเดือน ก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมา" นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องค่าไฟเป็นอีกเรื่องที่ได้มีการพูดคุยกัน ลดค่าไฟฟ้าเป็น 4.10 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จาก 4.45 บาท ซึ่งเชื่อว่าเยอะกว่าที่ประชาชนคาดไว้ โดยจะเริ่มในรอบบิลเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป ส่วนการลดราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับค่าขนส่งให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เข้าใจว่าจะเริ่มต้นได้วันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยทั้งหมดนี้เป็นคร่าวๆ ที่ตนเองคลิกมาว่าเป็นไฮไลต์สำหรับการประชุมครม.นัดนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของน้ำมันเบนซิน จะมีการพิจารณาหลังจากนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเบนซินก็มีการพูดคุยกัน แต่ต้องดูให้ดีถึงกลุ่มผู้เดือดร้อนจริงๆ เดี๋ยวคงจะมีมาตรการค่อยๆ ทยอยออกมา

จากนั้นนายเศรษฐาเดินลงจากตึกบัญชาการ 1 พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นยังไงครับ วันนี้แถลง ครม.ดีนะครับ เรื่องบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนโอเคนะครับ พร้อมชูนิ้วโป้ง และกล่าวอีกว่า  เดี๋ยวจะทยอยคิดออกมาอีก ทั้งเรื่องค่าไฟ เรื่องน้ำมันเบนซิน ทำเต็มที่ วันนี้มีขีดจำกัดบางอย่าง และมีเรื่องของเงื่อนเวลา เดี๋ยวจะพยายามเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลจำนวนมาก รวมทั้งบรรดาข้าราชการจำนวนมากที่แสดงความคิดเห็นเรื่องการแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง อาทิ เรื่องของการมองว่าจะประสบปัญหาในเรื่องของการใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งในปัญหาของการใช้หนี้สินในแต่ละเดือน รวมทั้งความคิดเห็นบางส่วนมองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ควรเพิ่มเงินเดือนมากกว่าจะปรับการจ่ายเงินเดือน เป็นต้น ขณะที่ในโลกออนไลน์ ได้มีการแห่ติดแฮชแท็กร้อน เงินเดือนข้าราชการ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง รวมทั้งในกระแสเฟซบุ๊กได้มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือดในประเด็นดังกล่าว 

อุ๊งอิ๊งคุมซอฟต์เพาเวอร์

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติจะเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ จะทำให้บางคนได้รับผลกระทบ เพราะอาจมีความจำเป็นต้องใช้เงินช่วงต้นเดือนหรือไม่ว่า เป็นความเห็นของสื่อที่แตกต่างจากคณะกรรมการที่ดูเรื่องนี้ เพราะเขามองว่าการจ่ายครั้งเดียว 30 วันนานไป ให้จ่าย 15 วันก่อน เป็นการมองเหรียญคนละด้าน ซึ่งอาจมีความเห็นที่อยากให้จ่ายที่ละครึ่งเดือนมากกว่า โดยจะให้กรมบัญชีกลางไปดูในเรื่องนี้ โดยมาตรการที่ว่านี้เป็นเสียงเรียกร้องจากข้าราชการว่าจ่าย 30 วันเลยมานาน แต่จะนำเรื่องนี้ไปสะท้อนว่ามีคนไม่เห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม นายชัยระบุด้วยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่าซอฟต์เพาเวอร์เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน  และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ผู้ที่จะดำเนินการประสานงานคือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามถึงการตั้ง น.ส.แพทองธาร มาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ จะให้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ นายชัยกล่าวว่า คณะกรรมการนี้ น.ส.แพทองธารจะเป็นรองประธาน ที่มีนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีบทบาทกำหนดแนวทาง รูปแบบ กติกา ว่าจะส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ ดึงคนที่มีศักยภาพ มีพรสวรรค์ของแต่ละครอบครัว เราจะเฟ้นหาอย่างไร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง  นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) โดยนายกฯ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อเร่งดำเนินการแล้ว ซึ่งได้มอบหมายให้ตนไปดำเนินการ โดยในเร็วๆ นี้จะไปหารือกับผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อหาคำตอบ ก่อนจะวางไทม์ไลน์ต่างๆ ออกมาอีกครั้ง โดยเบื้องต้นจะใช้กลไกของงบประมาณประจำปีเป็นหลัก ส่วนระยะเวลานั้นยังขอดูอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวงเงินที่จะนำมาใช้ในการทำนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ขอให้รอรายละเอียดก่อน เชื่อว่าไม่นานจะได้ข้อสรุป

นายจุลพันธ์ระบุด้วยว่า  ครม.เห็นชอบการต่ออายุการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีแวต (VAT) 7% ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566-30 กันยายน 2567 การปรับลดการเก็บภาษี VAT เป็นปีต่อปีอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้ง เพราะภาระของประชาชนในเรื่องของค่าใช้จ่ายยังสูง ครม.จึงเห็นชอบการปรับลดภาษีเหลือ 7% ต่อไปอีก 1 ปี

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยด้วยว่า ครม.เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาเรื่องนโยบายพักหนี้เกษตรกร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรี ได้ให้กรอบเวลาในการดำเนินมาตรการพักหนี้ให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อสรุปกรอบการดำเนินงานทั้งหมดมาเสนอให้กับที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง โดยจะทำให้เร็วที่สุด

พาเหรดลดค่าครองชีพ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลเร่งด่วนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ประกอบกับสถานการณ์พลังงานในตลาดโลกเข้าสู่ในไตรมาสที่ 4 (ฤดูหนาว) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยกระทรวงพลังงานได้เสนอมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน 2 ด้าน ได้แก่ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง โดยราคาน้ำมันดีเซล ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.-31 ธ.ค.2566 โดยใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร และกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และหากในอนาคตราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกปรับลงอีก ก็จะปรับราคาขายปลีกลงอีก

"ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซิน กระทรวงพลังงานพิจารณารายละเอียดแนวทางการช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าให้แก่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างและแท็กซี่ และนำเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ จะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อกำกับดูแลราคาขายปลีกให้มีค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 2 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร" นายพีระพันธุ์ระบุ

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า สำหรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ 423 บาทต่อถัง ขนาด 15 กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค. 2566 ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งจะมีมาตรการช่วยเหลือส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มเป้าหมาย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายพีระพันธุ์กล่าวด้วยว่า ด้านมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ได้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 จากเดิมอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย โดยกระทรวงพลังงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะดำเนินการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการยืดชำระหนี้ กฟผ.ออกไป รวมทั้งการคิดราคาก๊าซธรรมชาติ Pool gas ให้ไม่เกินค่าประมาณการคงที่ ประมาณ 305 บาทต่อล้านบีทียู และให้นำส่วนต่างของราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงกับค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บไปทยอยเรียกเก็บคืน ซึ่งจะทำให้ปรับลดราคาค่าไฟฟ้าลงได้อีก

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า นอกจากนี้ จะมีการดำเนินมาตรการช่วยเหลือส่วนลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมให้แก่กลุ่มเปราะบาง อาทิ การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน โดยกระทรวงพลังงานจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

"มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้ง 2 ด้านนั้น ครม.ได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการต่อไป ส่วนการแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนใหม่นั้น ยังไม่ทราบ ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะต้องทำเรื่องเร่งด่วนของประชาชนก่อน" นายพีระพันธุ์กล่าว

เงินเด็กแรกเกิดถึงมือ ก.ย.

ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบงบประมาณสำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท เดือน ก.ย.2566 ประมาณ 990 ล้านบาท เชื่อว่า 10.00 น.ของวันที่ 14 ก.ย. เงินทั้งหมดจะไปอยู่ในถังของกรมบัญชีกลาง เพื่อที่จะกระจายเข้าสู่บัญชีของประชาชนแต่ละครอบครัว จำนวนกว่า 2,254,000 ราย ในวันที่ 18 ก.ย.นี้อย่างแน่นอน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดอดีตผู้ว่าฯ กทม.และผู้บริหารบีทีเอส ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะกระทบกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายหรือไม่ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวจากข่าวหนังสือพิมพ์ ยังไม่ได้รับรายงาน อย่างไรก็ตาม หากผู้บริหารบีทีเอสถูกชี้มูล ก็จะมีผู้บริหารคนอื่นมารักษาการ และเราสามารถส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมไปพูดคุยกับผู้บริหารที่เข้ามารักษาการได้

เมื่อถามว่า หากอนาคตศาลตัดสินว่าผิด จะกระทบต่อสัญญาจ้างงานบีทีเอสในการเดินรถหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่กระทรวงไปศึกษาในแง่กฎหมายก่อน แต่จากการรับรายงานเบื้องต้นไม่น่ามีปัญหา เมื่อถามย้ำว่าไม่ว่าบีทีเอสจะเจอปัญหาอะไรก็จะไม่กระทบนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า "ในเบื้องต้นฝ่ายกฎหมายบอกว่าเป็นเช่นนั้นครับ" เมื่อถามอีกว่ายังยืนยันว่าอีก 2 ปีรถไฟฟ้าจะ 20 บาทตลอดสายใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า “แน่นอนเลยครับ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาล คือ รฟท.และ รฟม. เราจะลด 20 บาทใน 3 เดือน”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ต้องนำข้อมูลมาพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด ส่วนจะกระทบกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายหรือไม่นั้น เดี๋ยวค่อยว่ากัน รอให้มีข้อมูลก่อน อย่างไรก็ตาม จะมีการเร่งหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอมิ้ง' แจงยังไม่นำรายชื่อ 'ครม.อิ๊งค์ 1' ขึ้นทูลเกล้าฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ในลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม