รับคดีพิเศษกำนันฮั้วประมูล

ชัย วัชรงค์
ชัย วัชรงค์

ว้าวุ่นกันใหญ่!   "เศรษฐา" ลั่น สั่งไปหลายรอบแล้วไม่เอาอิทธิพล มาเฟีย ถ้าเอาไม่อยู่ ผู้ว่าฯ   ตำรวจ กอ.รมน. ต้องรับผิดชอบ ถ้าอยากจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ต้องตอบสนองนโยบาย ให้ราบคาบรวดเร็ว ตร.เปิดปฏิบัติการบุกค้น 15 เป้าหมายเครือข่าย “กำนันนก” ทั่วนครปฐม “บิ๊กโจ๊ก”  เผยได้หลักฐานเอกสารเพียบ เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดหลักฐานชิ้นสำคัญกู้ได้แล้ว  ส่วน “ดีเอสไอ” จ่อรับคดีฮั้วประมูลเป็นคดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีนายรังสิมันต์   โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล   อภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาล ประเด็นผู้มีอิทธิพลที่มีคลิปเสียง สว.ทรงเอ ว่าใครมีเรื่องนี้ต้องยื่นไปที่ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายตำรวจเลย จะไปข้ามขั้นตอนไม่ได้ ถ้าคลิปเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์จริงๆ ก็สามารถยื่นได้เลย

นายกฯ  ยืนยันว่า เรื่องผู้มีอิทธิพล มาเฟีย และเส้นสาย ตนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ และก็ได้พูดไปหลายหนแล้ว รวมถึงกรณีตำรวจเสียชีวิตที่จังหวัดนครปฐม ก็ได้สั่งการไปหลายกรณี และมีการติดตามสืบสวนอย่างใกล้ชิด โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะต้องมีการดำเนินการที่เด็ดขาด

ด้าน นสพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วยและปืนเถื่อนว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กวาดล้างผู้มีอิทธิพล สีดำ สีเทาทั้งหลาย เนื่องจากนายกฯ ระบุว่าที่ผ่านมามีคำสั่งไปหลายรอบ แต่ไม่เคยได้ผลเป็นรูปธรรม รวมถึงการดำเนินการดังกล่าวจะถือเป็น KPI (ตัวชี้วัดผลการทำงาน) ของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจในจังหวัดนั้นๆ กอ.รมน.จังหวัด ด้วย

"ท่านบอกว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไม่อยู่ 3  ท่านนี้ต้องรับผิดชอบ ถ้าอยากจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ ต้องตอบสนองนโยบายนี้ ต้องให้ราบคาบรวดเร็ว รวมถึงยาเสพติดด้วย" โฆษกรัฐบาลกล่าว

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีได้รับมอบหมายให้ขึ้นทะเบียนกลุ่มผู้มีอิทธิพลว่า  ทางจังหวัดจะต้องทำรายงานเข้ามา ซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายว่าเมื่อรายงานขึ้นมาแล้วเข้าข่ายหรือไม่ จากนั้นก็ต้องว่ากันไป ไม่หนักใจเรื่องนี้

เวลา 06.00 น. วันเดียวกันนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และตำรวจกองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมายบริษัทและกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เชื่อมโยงกับคดีนายประวีณ  จันทร์คล้าย หรือกำนันนก กำนันตำบลตาก้อง ทั้งหมด 15 จุด ใน จ.นครปฐม  แบ่งเป็นอำเภอกำแพงแสน 2 จุด และ  อำเภอเมืองฯ 13 จุด

โดยหนึ่งในเป้าหมายเป็นบ้านเลขที่ 50 หมู่ 2 ซอยวัดทุ่งรี ต.ทัพหลวง อ.เมืองฯ จ.นครปฐม ของนายศักรินทร์ ท้วมสุข หรือกำนันเต้ง คนสนิทของกำนันนก ลักษณะเป็นบ้านทรงโมเดิร์น 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ติดตั้งกล้องวงจรปิด 2 ตัวหน้าบ้าน ชานบ้านและหลังคาบ้านอีกจุดละ 1 ตัว รวมทั้งหมด 4 ตัว  ภายในแบ่งพื้นที่เปิดเป็นร้านรับ-ส่งพัสดุเอกชน มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวป้ายแดงจอดอยู่ที่โรงรถ 1 คัน และรถจักรยานยนต์จอดอยู่อีก 1 คัน โดยมีชายคนหนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นลูกน้องของเจ้าของบ้านแสดงตัวเป็นผู้นำเจ้าหน้าที่ตรวจค้น พบปืนสั้นอัตโนมัติ 3 กระบอกในตัวบ้าน มีทะเบียนและใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

สอบถามชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า   บ้านดังกล่าวพอตกค่ำมืดก็เงียบ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาหาหรือจัดปาร์ตี้อะไร โดยตัวเจ้าของบ้านก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ต่างคนต่างอยู่ ช่วงเช้าเห็นว่าจะส่งลูกไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนอาชีพอื่นนอกจากเปิดกิจการรับ-ส่งพัสดุนั้นไม่ทราบ แต่ถือว่าค่อนข้างมีฐานะดีกว่าชาวบ้านในพื้นที่เดียวกัน

เจอหลักฐานเพียบ

น.ส.สุกัญญา บุตตะ อายุ 39 ปี ลูกพี่ลูกน้องนายศักรินทร์ หรือกำนันเต้ง   เดินทางเข้ามาตรวจสอบพร้อมเผยว่า  กำนันเต้งไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้นานแล้ว เพราะเขามีภรรยาหลายคน เลยซื้อบ้านไว้หลายหลัง และเปิดทำธุรกิจหลายประเภท ยืนยันว่าเจ้าตัวไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้จักกับกำนันนก เพราะไม่ได้ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหรือเป็นนายหน้าที่ดิน แต่ทำธุรกิจรถสไลด์ เคยเปิดให้บูชาไอ้ไข่ โดยตอนนี้ค้าขายอาหารอยู่ต่างจังหวัด

ขณะที่นายศักรินทร์ หรือกำนันเต้ง  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านโทรศัพท์ โดยยืนยันว่าไม่รู้จักกับกำนันนก ไม่เคยฮั้วประมูลอะไรด้วย ตอนนี้เปิดร้านอาหารอยู่ประเทศกัมพูชา ยอมรับว่าเคยมีคดีฆ่าคนตายเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วพ้นโทษได้ 5 ปี ถึงมาครอบครองปืนที่ตำรวจพบ  ทั่วไปคนอาจจะมองว่าตนไม่ดี แต่ถ้าไปถามชาวบ้านก็น่าจะทราบว่าตนเป็นคนดี ส่วนคำว่ากำนัน ตนไม่ได้รับราชการ  แต่เคยติดคุกมาก่อน และคนในคุกก็เรียกกันเอง เพราะว่ามักดูแลช่วยเหลือผู้อื่น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)  เผยว่า เมื่อศาลอนุมัติจึงเข้าปิดล้อมตรวจค้นทั้ง 15 จุด โดยใช้กำลังหลักคือกองปราบปราม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งดีเอสไอ, สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน, กรมบัญชีกลาง และสำนักงาน ป.ป.ท., ป.ป.ช. ได้เอกสารข้อมูลจำนวนมาก แล้วจะมาไล่ดูเอกสาร การค้นทั้งหมด 15 จุดดังกล่าวเพื่อตรวจยึดเอกสาร แต่สิ่งสำคัญพบรถยนต์ของกำนันนกที่ใช้ในการหลบหนี ได้สั่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บดีเอ็นเอทั้งหมดเพื่อให้ได้ดีเอ็นเอระบุตัวตรงกับบุคคลที่อยู่ในรถ

 “ส่วนเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดบ้านกำนันนกที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เมื่อสักครู่บริษัทเอกชนที่ตรวจให้ได้รายงานมาแล้วว่าสามารถกู้ได้ ทราบผลอย่างช้าวันพรุ่งนี้ และจะทราบว่าจะสามารถออกหมายจับใครได้เพิ่มเติม วันนี้ก้าวหน้าไปเยอะ” รอง ผบ.ตร.กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในการทำคดีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการขยายผลตรวจค้นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพล และอีกส่วนคือคดียิงสารวัตรศิวกร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับกำนันนกและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนให้ได้  รวมถึงความเกี่ยวเนื่องที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการกู้ข้อมูลเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดจากบ้านกำนันนก

ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

ส่วนเรื่องการเยียวยา พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือกองบังคับการตำรวจทางหลวง และเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ได้รวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวแล้ว รวมถึงกรณีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงนั้น ผู้บังคับบัญชาก็ได้รวบรวมเงินเพื่อให้การช่วยเหลือแล้วเช่นกัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เผยต่อว่า ในความคิดเห็นส่วนบุคคลนั้นเชื่อว่าตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจที่ดีและไม่อิงกับผู้มีอิทธิพล อยากขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจส่วนใหญ่ด้วย แม้แต่ตำรวจที่ไปร่วมงานเลี้ยงก็ใช่ว่าจะมีความผิดทุกคน ขอให้รอผลการสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน

ส่วน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กองคดีฮั้วประมูลฯ ร่วมกันแถลงรายละเอียดการสืบสวนเครือข่ายบริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก  ผู้ต้องหาในคดีสั่งยิงสารวัตรทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงก์  ที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูล

ร.ต.อ.สุรวุฒิเผยว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น อธิบดีดีเอสไอได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และเนื่องด้วยประชาชนให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ตนได้ทำคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2547 แต่อาจไม่เป็นที่สาธารณะรู้จัก และดำเนินการสืบสวนกำหนดเครือข่ายดังกล่าวจนพบว่ามีการประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจของรัฐ โดยรับโครงการจากภาครัฐ จำนวน 1,544 โครงการ มูลค่า ณ ตอนนี้ งบประมาณ 7,500 ล้านบาท ราคารวมทุกสัญญา 6,900 ล้านบาท อีกทั้งดีเอสไอมีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องฮั้วประมูลสำหรับโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการของกำนันนกจำนวน 1,544 โครงการ (จำนวนโครงการที่รับงานจากภาครัฐ) และหลังจากดีเอสไอตรวจสอบก็พบว่าโครงการของ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด มี 2 โครงการ ส่วนของ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มี 18 โครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท

เขากล่าวว่า ที่ดีเอสไอเห็นข้อพิรุธคือ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมทางหลวง และดีเอสไอได้รับเอกสารข้อมูลโครงการจากกรมทางหลวงเรียบร้อยแล้ว

พี่ชายผมเขาเป็นนักรบ

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวอีกว่า จากการสืบสวนต่อเนื่อง มีข้อมูลระดับค่อนข้างดี ล่าสุดมีชาวบ้านซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อซองจากทั้งสองโครงการดังกล่าวได้แจ้งข้อมูลทางลับมาที่ดีเอสไอ และดีเอสไอมองว่าอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์สมยอมราคากัน กรอบของดีเอสไอคือดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 20 โครงการนี้ก่อนตามที่ได้รับข้อมูล โดยจะทำให้เป็นโครงการตัวอย่างก่อน 2 โครงการตามที่เรียนข้างต้น และอาทิตย์หน้าเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเรื่องโครงการใดที่เห็นความผิดชัดเจนแล้วนั้น ยังไม่เรียกว่ามีความผิด แต่เรียกว่ามีข้อพิรุธ คือมีการประมูลในราคาต่ำ หรือเรียกว่าฟันราคา และทั้งสองโครงการนี้ใกล้เคียงกัน คือกลุ่มได้งานคือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มซื้อซองก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเมื่อเช้านี้จากการที่มีการเข้าตรวจค้น ก็พบว่าในกลุ่มผู้ซื้อซองอาจเป็นคนได้รับผลประโยชน์ได้

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวถึงลักษณะผู้จัดฮั้วประมูลว่า มีการแตกสาขา กลุ่มใครกลุ่มมัน อาจมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรืออาจเกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากำนันนกคงมีลูกมือลูกไม้คอยทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามไม่ให้คนเข้ามาเปิดซื้อซอง

"มีพยานบางส่วนแจ้งเรื่องข่มขู่มาแล้ว โดยมีพฤติกรรมไม่ให้พยานไปยื่นซองประมูล อ้างว่าโครงการนี้เป็นของผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่ถูกข่มขู่นั้น ถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ สำหรับการออกหมายเรียกนายประโยชน์ จันทร์คล้าย และนางสุวีณา จันทร์คล้าย (บิดา-มารดากำนันนก) ดีเอสไออาจจะไม่ได้ออกหมายเรียกพยาน แต่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนมีความชัดเจน ซึ่งหากพบความผิด หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฮั้วประมูล  โครงการของภาครัฐ ดีเอสไอก็จะดำเนินการออกหมายผู้ต้องหาได้ทันที" ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าว

ที่ศาลา 5 วัดตรีทศเทพ ครอบครัว "ยาวไทยสงค์" ประสงค์ให้นำศพของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดใหญ่ท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ของวัดตรีทศเทพ และตำรวจ บก.ทล.ได้ทำการขนย้ายพวงหรีดขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดใหญ่ท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ จากนั้นได้มีการตั้งรูป พ.ต.อ.วชิรา หมวกขาวและกระบี่ไว้หน้าโลงศพ

โดยน้องชายของ พ.ต.อ.วชิราได้เดินเข้าไปพูดกับร่างของ พ.ต.อ.วชิราในโลงศพ ก่อนจะเดินมาหอมรูปหน้าศพ หันไปกอดเพื่อนที่ติดตามมาด้วย ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามว่าได้พูดคุยอะไรกับ พ.ต.อ.วชิรา น้องชายที่น้ำตาคลอเบ้า เอามือทุบที่หน้าอกซ้ายพร้อมบอกว่า "ผมรักพี่ชายผม ผมรู้เขาเป็นนักรบ ต้องรับผิดชอบ" ก่อนปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ต่อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.

'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ