คุก2อัยการคลิปตบทรัพย์ ศาลรธน.ตีตกคำร้องเนตร

ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 8 จำคุก 12 ปี คดีคลิปฉาวอดีตอัยการจังหวัดภูเก็ตกับพวกผิดต่อหน้าที่เรียกรับเงินวิ่งคดี 10 ล้าน ส่วนอดีตอัยการลูกน้องโดน 8 ปี ฐานสนับสนุน ไม่รอลงอาญา ศาล รธน.ตีตกคำร้อง "เนตร นาคสุข" ขอความเป็นธรรมถูกชี้ผิดอาญา-วินัยร้ายแรง ปมไม่สั่งฟ้องคดี "บอส อยู่วิทยา"

เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8    นครศรีธรรมราช ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 ยื่นฟ้อง นายธรรมะ หรือนายชินโชติ สอนใจ  อดีตอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 8 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดภูเก็ต, นายวันฉัตร ชุณหถนอม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด  สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเพื่อช่วยเหลือทางคดี เเละผู้สนับสนุน

ในคดีที่จำเลยทั้ง 2 กับพวก ร่วมกันเรียกรับเงินจากตัวแทนของบริษัทเอกชน เพื่อช่วยเหลือทางคดีที่เอกชนร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าและเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งภายหลังมีปรากฏคลิปเสียงสนทนาว่า มีการเรียกเอกชนเข้ามาเพื่อต่อรองวิ่งเต้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ทำความเห็นแย้งเห็นตามความเห็นของอัยการที่จะไม่สั่งฟ้องคดีนี้ ในวงเงิน 10 ล้านบาท เผยเเพร่ในหมู่อัยการจนอัยการสูงสุดในขณะนั้นสั่งตั้งกรรมการสอบ จน ก.อ.มีมติลงโทษ

โดยวันนี้จำเลยทั้ง 2 เดินทางมาศาล  ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 8 ไต่สวนพยานหลักฐานคำเบิกความคู่ความเเล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกนายธรรมะ ในความผิดต่อตำเเหน่งหน้าที่ 12 ปี เเละนายวันฉัตร ฐานสนับสนุน 8 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้จำเลยทั้ง  2 พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานอัยการตามมติ ก.อ.

ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 8 มีคำพิพากษาจำคุก 2 อดีตอัยการโดยไม่รอลงอาญาเเล้ว จำเลยทั้ง 2 ยื่นหลักทรัพย์พร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราว  ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

วันเดียวกัน เว็บไซต์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ในคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยขอให้เพิกถอนรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 225/2563 และเพิกถอนกระบวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 

ซึ่งศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่าการกระทำของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ และ ป.ป.ช. เป็นการใช้อำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ที่หากมีผลกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของตน นายเนตรสามารถใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรมต่อศาลอื่นได้ เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม  บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น นายเนตรจึงไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นที่นายเนตรยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 มีทั้งสิ้น 6 ประเด็น 1.การพิจารณาสั่งคดีของนายเนตร ในคดีจราจรที่ 632/255 เป็นความเห็นและการพิจารณาสังคดีโดยชอบด้วยกฎหมาย 2.ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของนายเนตรขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 213 และมาตรา 248 3.การกระทำของ ป.ป.ช. ที่ไต่สวนข้อเท็จจริงและแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเนตรว่าการกระทำของนายเนตรมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงซ้ำอีก เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 และมาตรา 213  4.การกระทำของ ป.ป.ช.ที่ไต่สวนข้อเท็จจริงและแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเนตรว่า  การกระทำของนายเนตรมีมูลความผิดทางอาญา เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 213 และมาตรา 248 5.ให้เพิกถอนรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ดังกล่าวทั้งหมด 6.ให้เพิกถอนกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง