ฝากขัง‘กำ นันนก’! ออกหมายจับ4ตร.

ปทุมวัน ๐ ออกหมายจับ 4 ตำรวจเอี่ยวคดีสังหารสารวัตรทางหลวง "บิ๊กโจ๊ก" เผยหลักฐานยันชัด "กำนันนก" สั่งฆ่า ยันคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนรู้ตัวหมดแล้ว ศาลอนุญาตฝากขัง ขณะที่มหาดไทยสั่งถอนใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน 

     วันที่ 9 กันยายน 2566 พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดียิงตำรวจทางหลวงที่บ้านพักนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ที่ ต.ตาก้อง อ.เมืองฯ จ.นครปฐม ว่าวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นบริเวณบ้านพักจุดเกิดเหตุทั้งหมด วันนี้สามารถแยกออกได้เป็น 3 กลุ่ม ว่าตำรวจคนไหนที่เข้าไปช่วยเหลือในการเก็บกล้องวงจรปิด ทำลายหลักฐาน ช่วยเหลือคนร้ายในการหลบหนี และกลุ่มไหนที่เกิดเหตุแล้วหนีกระเจิดกระเจิงไป  ซึ่งวันนี้จะได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 25  นายมาสอบปากคำทั้งหมด ข้อมูลจากการสืบสวนของเรามีครบทั้งหมดแล้ว วันนี้น่าจะสมบูรณ์

     รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจะให้การโกหกอย่างไร ไม่มีประโยชน์ เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วพบว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากว่ามีความเกี่ยวข้องมาก เช่น ช่วยเหลือผู้ต้องหาในการทำลายหลักฐาน พาผู้ต้องหาหลบหนี ก็จะขออนุมัติหมายจับต่อศาลวันนี้ ในส่วนของสำนวนหลักกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางหยุดดำเนินการ ส่วนสำนวนการช่วยเหลือผู้ต้องหาละทิ้งหน้าที่ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นความผิดฐาน 157 วันนี้จะสอบให้สิ้นกระแสความ ถ้าพยานหลักฐานเพียงพอก็จะไปขออนุมัติออกหมายจับ

     วันนี้เรามีหลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าคนสั่งยิงสารวัตรทางหลวงนั้นก็คือกำนันนก แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องให้ความเป็นธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ตำรวจมีหน้าที่หาพยานหลักฐานเข้าสู่ศาล วันนี้มีความก้าวหน้าไปเยอะ คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะหลักฐานพยานนิ่ง ตัวผู้ต้องหาก็นิ่ง สิ่งสำคัญต่อจากนี้คือการไล่ข้อมูลทั้งหมดว่าใครคือเครือข่ายของกำนันนกบ้าง จะได้ถอนรากถอนโคนให้สิ้นซากเสียที

     "สรุปได้ว่าวันนี้มีการช่วยเหลือกันแน่นอน แต่ใครช่วยบ้างวันนี้รู้แล้วเดี๋ยวจะดำเนินคดีให้หมด การที่คนร้ายจะหลบหนีได้คือมีการช่วยเหลือ ละทิ้งที่เกิดเหตุ  อีกส่วนหนึ่งหนีไปเลย พูดอย่างง่ายคือไม่ได้ทำหน้าที่ตำรวจ แถมยังไปช่วยเหลือผู้ต้องหา ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย" รอง ผบ.ตร.กล่าว

     ล่าสุดมีรายงานว่า จากการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่าปืนที่ หน่อง ท่าผา ใช้ยิง พ.ต.ต.ศิวกร เป็นปืนของตำรวจที่อยู่ภายในงาน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และดำเนินการยื่นขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องทางคดีเพิ่มเติม เป็นตำรวจถึง 4 นาย 

     ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้จเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง  25 นายตำรวจร่วมงานเลี้ยงกับกำนันนกว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งที่เป็นทางการ แต่ก็ได้สั่งการให้เตรียมการในเบื้องต้นไว้แล้ว โดยในส่วนการสอบสวนคดีอาญา ทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก็ได้ลงไปควบคุมสั่งการอยู่แล้ว แต่ในส่วนจเรตำรวจก็เป็นเรื่องทางวินัย ซึ่งตนจะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการของจเรตำรวจเข้าไปสอบวินัยตำรวจทั้ง 25 นาย

     โดยจะมีการประสานข้อมูลกับพนักงานสอบสวนคดีอาญาอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน โดยเฉพาะประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้คนร้ายหลบหนี ปล่อยให้มีการทำลายที่เกิดเหตุ ทำลายพยานวัตถุ ทำลายหลักฐาน ทำลายระบบการบันทึกระบบวงจรปิดในที่เกิดเหตุ

     นอกจากนั้นจะสอบสวนข้อมูลให้ละเอียดว่าตำรวจทั้ง 25 นาย มีการประพฤติตนอันไม่สมควรอื่นๆ ที่เอื้อต่อกำนันรายนี้อย่างไร เช่น การเรียกรับส่วย การรับผลประโยชน์ และการเอื้อผู้มีอิทธิพล ที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งเป็นที่มาของการกล้ากำเริบเหิมเกริมก่อเหตุสังหารตำรวจระดับสารวัตร ต่อหน้าตำรวจที่นั่งกันอยู่เต็มงาน แถมยังมีตำรวจผู้ใหญ่ระดับ ผกก.นั่งอยู่ด้วยถึง 3 นายในครั้งนี้ โดยไม่มีตำรวจคนใดกล้าจับกุม หรือขัดขวางการหลบหนี ปล่อยให้เพื่อนตำรวจถูกยิงเสียชีวิต

     "ผมยืนยันได้ว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานไม่มีการละเว้น และความผิดทางวินัยในเรื่องนี้มีโทษขั้นสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ" พล.ต.อ.วิสนุกล่าว

     ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.สุชาติ อิ่มสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม นำตัวนายประวีณ จันทร์คล้าย หรืออดีตกำนันนก ผู้ต้องหา กระทำความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น มาฝากขังเป็นครั้งแรก

     ท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นกำนัน ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม มานานประมาณ 9 ปี ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปกครองมีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิด และมีอำนาจสืบสวนเฉพาะในเขตพื้นที่ของตน แต่กลับกระทำตนเป็นผู้มีอิทธิพล มีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ สามารถโน้มน้าวชักชวนให้ข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และระดับต่างๆ รวมถึงข้าราชการอื่นมาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในโอกาสต่างๆ เพื่อเสริมสร้างบารมีของตน ซึ่งบางนายอยู่ในที่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งสนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ มีการใช้อำนาจบารมีขอให้ผู้ตายย้ายข้าราชการตำรวจที่ตนรู้จัก เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจึงมีพฤติกรรมอุกอาจใช้ให้ผู้อื่นยิงผู้ตายซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหลายนาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ภายหลังเกิดเหตุยังได้มีการสั่งให้ทำลายพยานหลักฐานโดยการล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนปืน ถอดเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดและหลบหนีไป ประกอบกับเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึงประหารชีวิต และพนักงานสอบสวนจำต้องทำการสอบสวนสอบพยานที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหลายปาก หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคหรือเกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงหรือข่มขู่พยาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น

     ศาลอนุญาตให้ฝากขังได้

     ด้านนายเชาว์ แก่นสวาท ทนายของอดีตกำนันนก เปิดเผยสั้นๆ ว่า วันนี้ไม่มีการยื่นประกันตัวกำนันนก เพราะเจ้าตัวไม่ประสงค์จะขอประกัน โดยไม่ระบุเหตุผล

     ขณะที่นายยุทธนา โพธิวิหค นายอำเภอเมืองนครปฐม ในฐานะนายทะเบียนท้องที่อำเภอเมืองนครปฐม ลงนามด่วนที่สุด ที่ นฐ 0118/4034 ในวันที่ 8 ก.ย. ถึงนายประวีณ เพิกถอนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4)  เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงแจ้งมายังท่านเพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานต่อนายทะเบียนท้องที่อำเภอเมืองนครปฐม ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงเรียนมาเพื่อทราบ

    อย่างไรก็ตาม กรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งสั่งพักหน้าที่กำนัน    เพราะเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับคดีอาญาฐานเป็นผู้ใช้ฆ่าตำรวจโดยเจตนา ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และล่าสุดยังถอนใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืนของนายประวีณหรือกำนันนกเป็นไปอย่างรวดเร็วนั้น เกิดขึ้นจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อและมอบหมายให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย และผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ตรวจสอบ ขึ้นบัญชีดำ และปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง