ตั้งชัยโฆษกรัฐบาล หนูโวป้องสถาบัน!

“เศรษฐา” รับตั้ง “นสพ.ชัย” นั่งโทรโข่งรัฐบาล แต่รองโฆษกต้องว่าไปตามโควตา “สุทิน” เตรียมชงที่ปรึกษาเข้า ครม.ทันที พร้อมคุยหลังทำงานอาจไปขอคำปรึกษา “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ระบุ “สุรชาติ” เมินนั่งที่ปรึกษา “อนุทิน” ลั่นภารกิจสำคัญที่สุดของมหาดไทยคือปกป้องสถาบัน ชี้ มท.ยุคใหม่ต้อง “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที”

เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ก.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีชื่อ นสพ.ชัย วัชรงค์ คณะทำงานด้านนโยบายการเกษตร พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายเศรษฐาย้อนถามกับว่า “ตั้งแล้วหรือครับ ขอดูขั้นตอนอีกครั้ง รู้สึกประหม่านิดหน่อย ไม่รู้ว่าอะไรพูดได้-พูดไม่ได้ ก็เป็นรายชื่อนั้น แต่ขอดูรายละเอียดก่อน ส่วนเรื่องรองโฆษกรัฐบาลนั้น ไม่แน่ใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะมีโควตาด้วยหรือไม่ แต่ก็ต้องว่าไปตามกฎ และเราต้องให้เกียรติด้วย

“ยังไม่มีการแต่งตั้งและชื่อของใครแทนนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนใครจะดูฝ่ายกฎหมายให้รัฐบาลนั้น ยืนยันว่ามีคนดูเรื่องกฎหมายให้หลายคน รัฐบาลมีคนที่มีความสามารถเยอะ” นายเศรษฐากล่าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตำแหน่งโฆษกเป็นของพรรค พท. และรองโฆษกเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่ได้คุยรายละเอียดงานในกระทรวงที่รับผิดชอบ รวมถึงนายกฯ ยังไม่ได้แบ่งงานให้กับรองนายกฯ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองว่า ยังไม่เห็นวาระในการประชุมครั้งต่อไป หรือในวันที่ 13 ก.ย.นี้ แต่เข้าใจว่าคงต้องทยอยแต่งตั้ง

ขณะที่ นสพ.ชัยระบุว่า ตอบรับด้วยวาจาแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องการแต่งตั้ง โดยได้หารือกับนายเศรษฐาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 

นสพ.ชัยยังกล่าวว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำนโยบายพรรค พท.มาตั้งแต่ต้น โดยเน้นหนักที่นโยบายด้านการเกษตร แต่นโยบายอื่นๆ ก็ได้ร่วมถกร่วมคิดมาตลอด จึงมีพื้นฐานความเข้าใจในเชิงลึกของที่มาที่ไปของนโยบายพรรค ทั้งปรัชญา รวมทั้งเป้าหมายค่อนข้างดี ข้างนอกอาจไม่ค่อยรู้จัก แต่ได้คลุกวงในมาตั้งแต่การเขียนนโยบายพรรค

 “โฆษกรัฐบาลมีบทบาทหน้าที่สำคัญมากในเรื่องของการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบอย่างถูกต้องและแม่นยำ และสร้างสรรค์ ผมมาจากภาคธุรกิจ ถ้าการสื่อสารไม่ดี ประสิทธิภาพการทำภารกิจอะไรก็ตามมันจะดร็อปไป 30-40% เพราะฉะนั้นหน้าที่การสื่อสารในทางหนึ่งคือการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล ส่วนการตอบโต้ทางการเมือง คงไม่ใช่แนวนั้น ไม่ถนัดการตอบโต้กันไปมาว่ากันไปมา ในทางการเมืองชอบในแนวทางสร้างสรรค์” นสพ.ชัยระบุ

‘สุรชาติ’ ไม่นั่งที่ปรึกษา

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 14.10 น. นสพ.ชัยเดินทางเข้ามาพบ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นผู้บริหารระดับสูงของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) นำชมห้องทำงานของโฆษกประจำสำนักนายกฯ ที่ชั้น 4 ตึกบัญชาการ 2 และถ่ายรูปติดบัตรสำหรับข้าราชการการเมือง จากนั้นได้ชมตึกนารีสโมสรที่เป็นศูนย์แถลงข่าวของรัฐบาล ก่อนเดินทางกลับ

ด้านนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการพูดคุยกับนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการรัฐศาสตร์อาวุโส ว่าได้ฟังข้อแนะนำเสนอแนะอย่างที่นายสุรชาติเคยเขียนหนังสือเป็นบทความ และเคยเสนอแนะผ่านสื่อมวลชน ซึ่งก็เป็นประโยชน์มาก ส่วนการทาบทามนายสุรชาติมาเป็นที่ปรึกษาใน กห.นั้น นายสุรชาติขอพักผ่อนมากกว่า ซึ่งยินดีให้คำแนะนำตลอด แต่ขอไม่รับตำแหน่ง

เมื่อถามถึงการปฏิรูปกองทัพที่นายสุรชาติเคยให้ความเห็นจะถูกนำมาเป็นแนวทางในการทำงานหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็นำมามีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์มาก ประกอบกับความเห็นของฝ่ายทหารที่ไปเดินสายพูดคุยนำมาประกอบกันจะเป็นแนวทางที่ดี

เมื่อถามว่า มีโอกาสเดินทางไปหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และ รมว.กลาโหมหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า คงทำงานไปสักระยะหนึ่ง แล้วก็จะหาเวลา ซึ่งไปพบคนจำนวนมาก ตอนนี้ต้องเป็นเวลาของการไปทำงานแล้ว หากทำงานไปสักระยะหนึ่งแล้วมีปัญหา ก็อาจขอคำปรึกษาหลายๆ  ฝ่ายที่เคยมีประสบการณ์ในกองทัพ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.กลาโหมทุกคน

ถามถึงการเข้าพบกับ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม  แนวทางการดำเนินกองทัพสมัยใหม่มีความชัดเจนหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ชัดเจนนะ แล้วก็ชัดเจนที่สุดคือ เขาก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงถ้าหากจะมี ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เขามองว่าเป็นการพัฒนากองทัพไปสู่กองทัพที่ดีมีประสิทธิภาพก็ไม่ขัดข้อง โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยี เขาก็ตกลง เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องต้องการในฝ่ายโครงสร้าง องค์กรและยุทธศาสตร์ แต่เรื่องยุทธการ จะไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องโครงสร้างองค์กรทุกคนก็ไม่ขัดข้อง

เมื่อถามถึงการประชุม ครม.ในวันที่ 13 ก.ย.นี้ จะเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมืองได้ทาบทามใครไว้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็มีหลายคนเสนอ ก็ดูสัปดาห์หน้า หากลงตัวก็จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. แต่หากยังไม่ลงตัว ก็อาจไม่เกินสัปดาห์หนึ่ง เพราะจะรีบทำงาน ซึ่งขณะนี้มี พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัด กห.ได้เข้ามาช่วยทำงานแล้ว และยังมีอีกหลายท่าน

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พบปะกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยในการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลพลาซา โดยนายอนุทินกล่าวว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป้าหมายที่มีอยู่เดิมของหน่วยงานต่างๆ อาจถูกปรับปรุงพัฒนาไปตามแนวทางในคำแถลงนโยบายของ ครม. หมายความว่า ผู้บริหารของมหาดไทยต้องมีความพร้อมยืดหยุ่น ปรับตัวให้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งไม่ว่าเป้าหมายหรือแผนงานของกระทรวงมหาดไทยจะถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร DNA ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยในยุคนี้ คือต้องทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที

“สี่ปีนับจากนี้ ทุกคนจะคุ้นชินกับคำว่ารัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญ ไม่ต่างจากเครือข่ายคมนาคม น้ำ ไฟ ต่างๆ และจะช่วยให้ข้าราชการทำงานสนุกขึ้น เกิดพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน” นายอนุทินกล่าว

ลั่นภารกิจ มท.ปกป้องสถาบัน

นายอนุทินกล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยดูแลประชาชนตั้งแต่เกิด ทำงาน และสิ้นอายุขัย เราต้องแปรสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ โดยเน้นภารกิจที่เป็นดีเอ็นเอของข้าราชการยุคนี้ คือต้องทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที แต่ขณะเดียวกันภารกิจสำคัญที่สุดคือการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของในฐานะ รมว.มหาดไทย และทีมงาน รมช.มหาดไทยทั้ง 3 คน ภารกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน หรือเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการถวายงานของพระราชกรณียกิจ ที่ก่อเกิดคุณประโยชน์ต่อประเทศและพสกนิกร ขอเรียนตรงๆ ไปที่ผู้ว่าฯ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ไม่ต้องถาม ให้ทำทันทีด้วยความทุ่มเทสุดความสามารถที่สุดที่เราจะทำได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน ถือเป็นภารกิจยิ่งยวดของกระทรวงมหาดไทย

“เรื่องนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท ขอให้ผู้ว่าฯ ช่วยสนับสนุน และผลักดันให้ประชาชนสร้างผลิตภันฑ์สินค้าที่มีคุณภาพขึ้นมาเป็นของตัวเอง และก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย สิ่งสำคัญที่สุดอย่าปล่อยให้มีโกง เพราะมันจะมีเกิดขึ้นแน่ เช่น การขอโควตาเงินดิจิทัล 1 หมื่น เอาไปก่อน 3 พันเพื่อขอโควตา รวมถึงต้องหาวิธีปกป้องไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ ให้ได้ใช้เงินก้อนนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่าให้มีการดักขอโควตา อย่าให้มีนายหน้านายทุนมาซื้อโควตาเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนคนเดียว เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดความอับอายแก่พวกเราไปจนวันตาย” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินย้ำอีกว่า สไตล์การทำงานของพวกตน มีความเชื่อมั่นว่า ถ้าให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้คำว่าเส้นสายจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าทุกคนมีผลงาน ใครรักประชาชน ได้รับความชื่นชอบจากประชาชนอย่างไร ก็เข้าตาผู้บริหารและเข้าตารัฐมนตรี จากนี้ต่อไปจะไม่มีคำว่าสิงห์เหลือง สิงห์แดง หรือสิงห์อะไรทั้งสิ้น พิสูจน์ได้ตั้งแต่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย สมัยผู้เป็นพ่อของตน เราเอาผลงานเป็นที่ตั้ง เรื่องของเส้นสายมันควรจะหมดไปตั้งนานแล้ว จะพยายามทำงานโดยไม่มีเรื่องการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ  และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการเดินทางเข้ากระทรวงเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ข้าราชการให้การต้อนรับอบอุ่น ยังไม่ได้เข้าไปสั่งการ หรือให้นโยบายอะไร เชื่อมั่นว่าข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ทุกคนเป็นมืออาชีพ และได้บอกผู้บริหารกระทรวงว่าตนพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง อะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วนให้มาบอกได้เลย ที่สำคัญคือ อยากให้พูดความจริง ถ้าพูดความจริงแล้วไม่ต้องกังวลว่าพอใจหรือไม่พอใจ เพราะความจริงเท่านั้นที่จะทำให้จัดการและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด

“วันที่ 14 ก.ย.นี้ หลังแถลงนโยบายจะเข้ากระทรวงเพื่อมอบนโยบาย” นายภูมิธรรมระบุ

ส่วนสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่องประชาชนอยากบอกอะไร ครม.เศรษฐา 1 จำนวน 1,042 คน  (สำรวจทางภาคสนามและออนไลน์) ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2566 สรุปผลได้ ดังนี้ 45.99% บริหารประเทศด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน, 31.02% ใช้ความสามารถในการเป็นผู้บริหารธุรกิจมาใช้ในการบริหารประเทศ และ 28.10 ทำตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท.         

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง