ฝ่ายค้าน-สว. รอชำแหละรบ. กังขาไร้ค่าแรง

ฉับไว! ก้าวไกลชำแหละคำแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่มีการตั้ง ส.ส.ร.   ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่มีค่าแรงขั้นต่ำ ไม่มีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย "ไอติม" สงสัยเลิกเกณฑ์ทหาร เพื่อไทยคลุมเครือไม่พูดถึงการแก้กฎหมาย ด้าน "คำนูณ" คาด "แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น-แก้รธน.ฉบับใหม่" ถกเข้มข้น "สว.วันชัย" แนะเลิกดู "แผลเก่า" ต้องดู "มนต์รักสีชมพู "

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 พรรคก้าวไกลเผยแพร่เอกสารแถลงนโยบายรัฐบาล   พร้อมทวีตข้อความว่า “ด่วน! ช่วยกันตรวจคำสัญญาหาเสียงจากเอกสารที่ถูกคาดการณ์ว่าเป็นคำแถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐา 1 ไม่มีเรื่องให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีร่างใหม่ทั้งฉบับ?   ไม่มีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ? ไม่มีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย? คำสัญญาหาเสียงหายไปเยอะขนาดนี้ เราหวังว่าเอกสารนี้จะยังไม่ใช่ฉบับจริง มารอลุ้นเอกสารทางการอีกครั้ง พร้อมจับตาในการแถลงนโยบายรัฐบาลและติดตามการอภิปรายของพรรคก้าวไกลเร็วๆ นี้”

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนโยบายการเกณฑ์ทหารของกระทรวงกลาโหมว่า   หากจะยกเลิกเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยที่ไม่กระทบต่อภารกิจในการรักษาความมั่นคง ต้องพยายามปรับตัวเลข ยอดกำลังพลที่กองทัพขอ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป

เขาเชื่อว่าการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร จะเป็นแรงกระเพื่อมสำคัญให้กองทัพต้องปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิต เพราะตราบใดที่มีกฎหมายเปิดช่องให้กองทัพสามารถบังคับได้ ก็อาจเกิดความชะล่าใจได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณภาพชีวิตของกำลังพลจะไม่ดีแค่ไหน แต่เขาก็สามารถบังคับคนมาเป็นทหารได้ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสามารถแก้ไขกฎหมายดังกล่าวได้ กองทัพจะต้องเอาจริงเอาจังในการยกระดับคุณภาพชีวิตของกำลังพล

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า จากเอกสารที่ออกมา ตนเห็นประโยคสั้นๆ ว่าเปลี่ยนจากรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ซึ่งตนมองว่าตีความยังไง แต่ในมุมของตนมองว่าเป็นการเปลี่ยนระบบ คือการยกเลิกการอนุญาตให้เกณฑ์ทหาร  แต่ก็ยังไม่อยากด่วนสรุปว่าจะเป็นแบบไหน พรรค ก.ก.ยืนยันว่าควรจะยกเลิกเป็นแบบที่ 2 คือการแก้กฎหมายเพื่อรับประกันว่าจะไม่มีการบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วหวังว่าทางรัฐบาลจะเห็นตรงกัน

เมื่อถามว่า ในการวางกรอบการอภิปราย ได้มีการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ที่ผ่านมาเรามีการพูดคุยกันภายในพรรคเป็นหลักว่า ปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่มีอะไรบ้าง ส่วนเรื่องกรอบเวลาต้องมีการพูดคุยกันใน สส.อยู่แล้ว

ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวภายหลังการประชุมวิปวุฒิสภาว่า ได้หารือกันในเรื่องหลัก คือการเตรียมการเพื่อประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 11 และ 12 ก.ย.นี้ โดยมีวาระสำคัญคือการแถลงนโยบายของครม.ชุดใหม่ เบื้องต้นที่ประชุมให้ยึดถือแนวปฏิบัติ ซึ่งทางประธานวุฒิสภาได้ตกลงกับประธานรัฐสภาแล้วว่า ในวันที่จันทร์ที่ 11 ก.ย. จะไม่มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อเปิดทางให้มีการประชุมรัฐสภา ขณะที่กรอบระยะเวลาในการอภิปรายของฝ่ายต่างๆ จะมีการหารือในการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 7 ก.ย. เวลา 10.00 น. ผลจะออกมาเป็นอย่างไรทางวุฒิสภารับได้ทั้งสิ้น

 “ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า แน่นอนว่าเป็นการประชุม 2 วัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการแถลงนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2562 ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 วัน 30 ชั่วโมง ทำให้การประชุมเลิกถึงตี 2 ตี 3 ผมคิดว่าการใช้เวลาถึงขนาดนั้นมันเกินไป ถ้าเป็นไปได้อยากให้เวลาในการประชุมแต่ละวันสิ้นสุดที่เวลา 3 ทุ่มบวกลบ แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการหารือในวิป 3 ฝ่ายพรุ่งนี้” นายคำนูณกล่าว

นายคำนูณกล่าวต่อว่า หากสรุปกรอบเวลาได้แล้ว ทาง สว.จะมาจัดสรรเวลาอภิปราย เบื้องต้นได้มอบหมาย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ดำเนินการในเรื่องนี้ โดยจะมีการแจ้งให้สมาชิกสามารถแจ้งความจำนงขออภิปรายเข้ามาได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 8 ก.ย. ส่วนที่จะได้เวลาคนละกี่นาที  ขึ้นอยู่กับภาพรวมการจัดสรรเวลาและจำนวนผู้อภิปราย เบื้องต้นอยากได้คนละไม่ต่ำกว่า 10 นาทีในการอภิปราย

เมื่อถามว่า มีประเด็นใดที่ สว.จะเน้นเป็นพิเศษในการอภิปราย อย่างเช่นประเด็นเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท  โฆษกวิปวุฒิสภาตอบว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้ แต่ขณะนี้เราได้รับคำแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการมาแล้ว เบื้องต้นได้จัดส่งสำเนาเอกสารให้สมาชิกทุกคนตามช่องทางต่างๆ จากคำแถลงนโยบายดังกล่าวพบว่าเนื้อหามีจำนวนประมาณ 14 หน้า ถือว่าไม่หนามากนัก มีความกระชับ มีประเด็นสำคัญต่างๆ ที่จะสามารถมองภาพรวมได้ง่ายพอสมควร แต่จะเน้นไปที่ประเด็นใด ส่วนตัวตนในนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ขึ้นต้นมาคือการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เป็นส่วนพิเศษที่นโยบายของ ครม.ขึ้นต้นไว้แบบนี้ แล้วตามด้วยนโยบายเร่งด่วน 4 ประการ

 “เป็นที่คาดหมายได้ว่าทิศทางการอภิปรายเริ่มจากเงิน 10,000 บาท เป็นนโยบายที่แปลกใหม่ ไม่เคยทำมาก่อน ยังมีข้อสงสัยในหลายแง่มุม คงจะมีการอภิปรายตั้งข้อสังเกตค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับนโยบายเร่งด่วนในประการที่ 4  คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถือว่าเขียนไว้ได้ดีพอสมควร ตรงหมวด 2 ที่หลายคนเป็นห่วงก็ชัดเจนว่าไม่มีการแก้ไข รวมถึงการจัดทำประชามติ ก็เขียนว่าจะมีการปรึกษาหารือให้เกิดความสบายใจทุกฝ่าย แต่ก็คงจะมีการอภิปรายซักถามในเรื่องนี้มากเช่นกัน” นายคำนูณ กล่าว

 ด้านนายวันชัย สอนศิริ สว. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภา กล่าวว่า คำแถลงนโยบายรัฐบาลชุดนี้ต่างจากนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะมีความกระชับ สั้น เอาเนื้อหานโยบายทุกพรรคมาใส่ไว้ ไม่ได้พูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยมาก ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปต่างๆ อะไรที่เป็นตัวบทกฎหมายอยู่แล้วถือว่าไปตามบทกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และยุทธศาสตร์ชาติ แต่รายละเอียดจะทำอะไรบ้าง จะพูดกว้างๆ ไม่เขียนผูกมัดชัดเจนเกินไป พร้อมยืดหยุ่นปรับตัวให้เข้าสถานการณ์

เมื่อถามว่า ประเมินรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะอยู่ได้นานหรือไม่ นายวันชัยตอบว่า ต้องอยู่ให้ได้ และอยู่ให้นาน  ถ้าแตกกันก็แพ้ตั้งแต่ตอนนี้ รัฐบาลต้องตั้งใจทำงานให้มีผลงานมากที่สุด เพื่อลดข้อครหาและใช้ต่อสู้กับฝ่ายค้าน ถ้ายุบสภาเร็วก็เสร็จฝ่ายค้าน รัฐบาลก็รู้เรื่องนี้ดี

"เชื่อว่าปลายปีนี้บ้านเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เป็นความศิวิไลซ์ของประเทศ จะเกิดความรัก ความปรองดองมากขึ้นในสังคม ใครที่ติดหล่มเก่าๆ ดูแต่หนัง แผลเก่า ต้องเลิกดูได้แล้ว ตกยุค ต้องหันมาดูหนังมนต์รักสีชมพู ที่อำนวยการสร้างโดยหลายฝ่าย มีผู้อำนวยการสร้าง ผู้แสดง ผู้กำกับประกอบกันหลายคน ผมก็เป็นส่วนแสดงนิดๆ เป็นตัวประกอบเล็กๆ เพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่"

ถามว่า จากคำแถลงนโยบายรัฐบาล มั่นใจได้อย่างไรว่าการทำงานของรัฐบาลจะไม่ซ้ำรอยปมปัญหาทุจริตเชิงนโยบายเหมือนสมัยนายทักษิณ ชินวัตร หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ  นายวันชัยตอบว่า บาดเจ็บลึก สาหัส 20 ปี มีคนบาดเจ็บล้มตาย ติดคุก มีคนหนีไปจากประเทศ หากไม่สำนึก ไม่เอาบทเรียนในอดีตมาใช้ แปลว่าไม่ต้องผุดต้องเกิด เชื่อว่าความสาหัสจบแล้ว ไม่มีใครเอาเรื่องในอดีตทำให้เกิดปัญหา เพราะเจ็บทั้งตัว แตกแยกทั้งแผ่นดิน สร้างรอยร้าวลึกให้สังคมไม่ควรมีอีก เท่าที่ทราบเหตุที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 ส.ค. คือปฐมบทของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ปัญหาจะจบไปจากประเทศไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง