"ในหลวง-พระราชินี" พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกฯ นำ ครม.ใหม่เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ รับสั่งให้กำลังใจ กำลังกาย และปัญญา ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมต่อประเทศชาติและประชาชน "เศรษฐา" น้อมนำพระราชดำรัสเป็นแนวทางปฏิบัติงาน พร้อมลุยงานทันทีไม่มีฮันนีมูน มั่นใจพรรคร่วมมีจุดหมายเดียวกัน ย้ำไม่มีแบ่งก๊วน ฟิต 8 ก.ย. เตรียมลงพื้นที่ 3 จว.อีสาน วางคิว 11 ก.ย.แถลงนโยบายต่อรัฐสภา "อนุทิน" ชี้ มท.ยุคใหม่ทุกเรื่องด่วนจี๋ "สุทิน" ขอ 1 สัปดาห์จัดทีมที่ปรึกษา รมว.กลาโหม แบ่งงานรองนายกฯ "ภูมิธรรม" จ่อคุมมั่นคง ดูแล ตร. “พัชรวาท" ระบุ "พี่ป้อม" ยังไม่คิดวางมือ "ธรรมนัส" ล็อกโควตารอ "ไผ่" นั่ง รมต.
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 5 ก.ย. เวลา 10.35 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถยนต์ยี่ห้อ Lexus LM 350h Executive หมายเลขทะเบียน ถ 6506 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัวที่ซื้อเอง โดยทันทีที่มาถึงนายกฯ ได้ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะลงมาบริเวณทางเชื่อมเพื่อเดินไปถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวที่ตึกสันติไมตรี ทั้งนี้ นายกฯ ได้ทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี พร้อมหยุดให้สื่อมวลชนถ่ายภาพและเข้าตึกสันติไมตรี ก่อนจะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ
เวลา 13.53 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรีรวม 34 คน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสแก่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้พบกับคณะรัฐมนตรีซึ่งได้มาถวายสัตย์ในวันนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รู้จักกัน เพราะหลายคนก็เคยรู้จักกันแล้ว หลายคนก็ยังไม่เคยรู้จัก จะได้รู้จักกันและแสดงความยินดีที่มีความศรัทธาเข้ามาบริหารประเทศ ก็ขอถือโอกาสให้พร ให้มีกำลังใจ กำลังกาย และปัญญา ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสุข และเพื่อประโยชน์เป็นส่วนรวมต่อประเทศชาติ และประชาชน ข้าพเจ้ามีความมั่นใจว่า ท่านมีความตั้งใจดีทุกคน มีศรัทธาทุกคน ก็ขอให้พรให้ท่านมีกำลังใจต่อไปในการปฏิบัติหน้าที่
ต่อมาเวลา 14.16 น. นายเศรษฐานำ ครม.ชุดใหม่ถ่ายภาพรวมที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้นำ ครม.เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์และปฏิญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนและ ครม.จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการต่อไป
"ผมขอยืนยันรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน และทุกท่านที่มาในวันนี้ มาที่นี่ มาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนทุกคน รัฐบาลนี้เรามีความตั้งใจ เพราะปัญหามีมากมาย เราจะทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทุกวัน ทุกนาที เราจะเอาความต้องการของประชาชนทุกคนเป็นที่ตั้ง เริ่มจากวันที่ 8 ก.ย.นี้ ผมจะลงพื้นที่จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย เพื่อพูดคุยรับทราบปัญหาของประชาชนทุกคน เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป และสัปดาห์หน้าในวัน 11 ก.ย. จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา" นายเศรษฐากล่าว
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้เราจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ภายใต้หลักการที่มีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะสร้างโอกาสความเท่าเทียมให้กับประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนาคต
ถามว่า การประชุม ครม.นัดพิเศษในวันที่ 6 ก.ย. เป็นการประชุมเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องการเตรียมตัวแถลงนโยบายในวันที่ 11 ก.ย. เมื่อถามว่านายกฯ จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองหรือไม่ เพราะปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ค่อนข้างจะเยอะ นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรัฐบาลนี้ทุกท่านให้ความสำคัญ ขอไปพูดคุยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน เพราะหลายคนอาจจะมีความคิดที่ดีและจะแจ้งให้ทราบ เช่นเดียวกับการมอบรองนายกฯ ดูงานด้านความมั่นคง ก็ขอไปพูดคุยกันก่อน
'เศรษฐา' ลั่นไม่ฮันนีมูน
เมื่อถามว่า นายกฯ ให้เวลาในการประเมินผลงานของรัฐมนตรีกี่เดือน นายเศรษฐากล่าวว่า คงแล้วแต่เรื่อง เพราะบางเรื่องอาจจะใช้เวลานาน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีทุกคนด้วย ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนเข้าใจและตระหนักดีถึงปัญหาของประชาชน และในเรื่องการทำงานจนเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่ประเด็น ขอโอกาสให้รัฐมนตรีทุกท่านได้ทำงานก่อน
นายเศรษฐายังกล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทว่า ไม่เคยบอกว่าจะทำใน 100 วันแรก แต่จะพยายามทำให้ได้เร็วที่สุด คิดว่าไม่เกินไตรมาสแรกของปีหน้า ยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องทำและเป็นการจ่ายรวดเดียว หนเดียว
ถามว่า นายกฯ จะใช้หลักอะไรในการบริหาร เมื่อมีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมากเพื่อให้เป็นเอกภาพ นายเศรษฐากล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านในที่นี้เข้าใจ และตระหนักดีถึงปัญหาที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่มีการแบ่งก๊วน แบ่งพวก และแบ่งฝ่าย
นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 78 (The 78th UN General Assembly หรือ UNGA 78) ระหว่างวันที่ 18-26 ก.ย. ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่ามีหลายเรื่องที่ต้องไปพูดคุยกัน แล้วแต่เรื่องที่เราจะไปเจอกับผู้นำในหลายประเทศ ซึ่งอาจจะไปเจอกับนักธุรกิจด้วย จึงขอเตรียมงานก่อน
เมื่อถามถึงนโยบายการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายเศรษฐากล่าวว่า จะเรียนให้ทราบในการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 11 ก.ย. ซึ่งจะมีรายละเอียดตรงนั้น
ถามว่า นายกฯ เป็นผู้นำรัฐบาลความหวังของประชาชนได้ตั้งเป้าไว้หรือไม่ ภายใน 1-2 ปีประชาชนจะมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นคำถามที่ประชาชนทุกคนอยากจะทราบ วันนี้เรื่องปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ทุกวัน ตนมั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกท่านจะทำงานอย่างหนัก พยายามเข็นนโยบายออกมาเพื่อเป็นประโยชน์ให้ประชาชนทุกคน บางอย่างทำได้เร็ว บางอย่างทำได้ช้า และจะไม่เอามาเป็นข้ออ้างในการไม่ทำทั้งหมด อะไรที่ทำได้เร็วเราจะรีบทำก่อน
"ตั้งแต่เราเริ่มฟอร์มรัฐบาลชุดนี้มา เราก็ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากประชาชน เพียงแต่ว่ายังสั่งในการบริหารจัดการแผ่นดินไม่ได้ ซึ่งในวันที่ 8-9 ก.ย. จะลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลและปัญหา จะต้องรอแถลงนโยบายรัฐบาลก่อนจึงจะสั่งการได้ ย้ำว่าไม่มีฮันนีมูน เริ่มงานทันที" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้าพูดประโยคหนึ่งให้เข้าหูประชาชน อยากจะพูดว่าอะไร นายเศรษฐานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เป็นอะไรที่ยาก ถ้าจะต้องพูดประโยคเดียว ผมขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ว่าพวกเรามีความตั้งใจจริง และพวกเราตำหนักดีถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความแตกแยกทางความคิด ถ้าเรื่องนี้รัฐบาลจะให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน และพยายามเดินไปข้างหน้า รวมถึงจะพยายามจัดการปัญหาเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด”
ซักว่า หวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ด้วยกันตรงนี้จะอบอุ่นตลอดไปในรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มั่นใจๆ เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
พอถามว่า นายกฯ จะนอนทำเนียบฯ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “อันนั้นขอไปดูก่อนครับ”
รบ.รับสนองพระราชดำรัส
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ว่า ครั้งนี้เป็นการเข้าถวายสัตย์ฯ เป็นครั้งที่ 2 ของตนเอง ต้องเรียนด้วยความเคารพว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปฏิสันถารที่ทำให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจอย่างมาก มีพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจ หลังจากถวายสัตย์ฯ เสร็จสิ้นพระองค์ได้ทรงพระดำเนินเข้ามาหานายกฯ ด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม และรับสั่งให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ได้ดี พระองค์ท่านยังทรงชมนายกรัฐมนตรีว่าเชื่อมั่นว่าเป็นคนเก่งอยู่แล้ว และทรงพระสรวล เราเองก็มีความปีติ ตามที่เราได้ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง และปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการ
นพ.ชลน่านกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุขว่า กลไกในการบริหารราชการแผ่นดินของ สธ. อะไรที่ยึดโยงกับประชาชนดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อไป อะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองของประชาชนได้ดีขึ้นก็ต้องดำเนินการ ดังนั้นจึงมุ่งอยู่ที่ประชาชน ทั้งสุขภาวะร่างกาย จิตใจ รวมถึงสติปัญญา
ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นสิ่งที่งดงามและเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับ ครม. ที่พระองค์พระราชทานกำลังใจให้กับ ครม. ซึ่ง ครม.บางท่านก็เคยเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์มาแล้ว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีน้ำพระทัยที่งดงาม
ถามถึงข่าวจะไปกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์บอกว่า เรื่องนี้ก็ต้องดูไปตามสถานการณ์ ตัวเองไม่ทราบว่านายกฯ จะพิจารณาอย่างไร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พระองค์ท่านได้พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ ครม. พวกเราทุกคนต้องสำนึกและถวายชีวิต โดยทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง และเพื่อพระองค์ท่าน ซึ่งตนมองว่างานของกระทรวงมหาดไทยเป็นงานที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข และทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนได้รับการยกระดับที่ดีขึ้นและมีความสุข
"รัฐมนตรีทุกคนของพรรคภูมิใจไทยต้องทำงานอย่างหนัก ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อาทิ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ดูเรื่องการศึกษา หนี้สินครู หนี้ กยศ. ทำให้ปัญหาต่างๆ ของเยาวชน นักเรียนและนักศึกษาหายไปให้เร็วที่สุด ตอนนี้ก็ต้องถือว่า ศธ.อยู่ในความรับผิดชอบของพรรค ภท.แล้ว เราก็เตรียมการอย่างเต็มที่ เชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยกัน หวังว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้ทันที แถลงนโยบายเสร็จสิ้นแล้วยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนของพรรคมีความพร้อม มีคุณสมบัติในการทำงานอันเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน” นายอนุทินกล่าว
ถามถึงนโยบายที่จะต้องนำมาคุยกันใน ครม.ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น นายอนุทินกล่าวว่า วันที่ 6 ก.ย. นายกฯ เรียกประชุมนัดพิเศษ ให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไปเตรียมความพร้อมตอบปัญหาในสภากรณีที่ถูกพาดพิง เราก็ต้องช่วยนายกฯ ไม่ให้นายกฯ ไปตอบทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงใดกระทรวงนั้นก็ต้องไปเตรียมข้อมูลมาตอบ ชี้แจงผู้ที่ตั้งข้อสังเกตในสภาให้ได้มากที่สุด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยยุคใหม่ต้องด่วนจี๋ ทุกอย่างเป็นเรื่องด่วนจี๋
ซักว่า จะมีบทลงโทษใดในกรณีที่รัฐมนตรีแต่ละคนทำงานไม่ทันใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เอาใจทำงาน เอาใจเขา สนับสนุน กำลังใจและให้โอกาส อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องลงโทษ เราต้องได้รับความร่วมมือในการทำงาน เราให้ใจเขา เขาจึงจะให้ใจเรา
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน กล่าวว่า พวกเราจะต้องรับสนองพระบรมราโชวาทพระองค์ท่าน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าพัฒนาต่อไป พระองค์ทรงเน้นย้ำให้พวกเราปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ ทำให้บ้านเมืองเดินหน้า พี่น้องประชาชนมีความสงบร่มเย็น
'สุทิน' เร่งจัดทีมที่ปรึกษา
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า สำหรับการทำงานกระทรวงพลังงานหลังจากแถลงนโยบายเสร็จ และการประชุม ครม.นัดแรก ก็ต้องมีมาตรการออกมา ซึ่งนายกฯและกระทรวงพลังงานได้เตรียมการเรื่องนี้แล้ว ส่วนเรื่องของรูปแบบในการช่วยเหลือประชาชน อันดับแรกเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว จะใช้โครงสร้างเดิมก่อน ดูว่าส่วนไหนสามารถปรับลดลงไปได้ เพราะโครงสร้างราคาต่างๆ เหล่านี้ประกอบไปด้วยหลายส่วน ส่วนไหนที่ปรับลดได้ก็ปรับลด ปรับลดราคาสุดท้ายที่ขาย เพียงแต่รัฐก็ต้องยอมเสียสละในส่วนที่เคยได้อยู่ ต้องยอมเสียสละออกไป
ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชวาทว่า ขอให้มีสติปัญญาในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และขอให้มีความขยันทำงานเพื่อประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองความท้าทายของรัฐบาลชุดนี้อย่างไรบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ตนว่าความท้าทายคือมีปัญหาของประเทศชาติอยู่หลายมิติ ที่เป็นความคาดหวังของพี่น้องประชาชน คงจะต้องเร่งทำงานกันในทุกๆ มิติ
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวการเข้าปฏิบัติงาน รมว.กลาโหมว่า จะเข้าปฏิบัติงานวันแรกภายในกระทรวงกลาโหม วันที่ 13 ก.ย. เวลา 09.00 น. และมีทีมงานที่มาช่วยเป็นที่ปรึกษาจำนวนพอสมควร กำลังเฟ้นหาคนที่เหมาะสม ทั้งทหารที่อยู่ในราชการ ทหารที่เกษียณ และนักวิชาการ ขอเวลาหนึ่งสัปดาห์คาดว่าจะเรียบร้อย
"นายกฯ ให้แนวทางในการทำงานให้ผมทำให้ดีที่สุด และพร้อมสร้างมาตรฐานว่าพลเรือนก็สามารถบริหารงานในกระทรวงกลาโหมได้ และจะไม่ทำให้กองทัพและประชาชนผิดหวัง" นายสุทินกล่าว
ถามถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ เช่น การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ ทดแทน F-35 ของกองทัพอากาศนั้น นายสุทินกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีข้อมูลพอ แต่คิดว่าในวันที่เข้าไปทำงานทางเหล่าทัพคงมีข้อมูลมาเสนอ มาอธิบาย หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ก็ถือเป็นเรื่องที่ตนตั้งใจต้องทำให้เกิดความโปร่งใสและคุ้มค่าที่สุด การทุจริตเคลือบแคลงสงสัยของสังคม หากมีตรงจุดไหน ก็เป็นหน้าที่ของตนและรัฐบาลที่จะต้องเข้าไปดูแล
ถามถึงการตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ รมว.กลาโหมกล่าวว่า จะจัดลำดับในการตรวจเยี่ยมทุกเหล่าทัพ รวมถึงข้าราชการชั้นผู้น้อยทหารตามแนวชายแดนและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงภารกิจแรกที่จะเริ่มทำหลังเข้ากระทรวงว่า จะเร่งดำเนินการเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เฟกนิวส์ เว็บต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การหมิ่นสถาบัน เพราะกระทบกับชีวิตประชาชน สร้างความรำคาญและเสียหาย มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้
"ตอนนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดมาก ฉะนั้นอะไรที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขไม่ต้องถูกรบกวนจากภัยคุกคามเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งที่กระทรวงจะต้องดำเนินการให้ได้ เราจะดำเนินหน้าทั้งการป้องกันและปราบปราม" นายประเสริฐกล่าว
ถามว่า กรณีที่ผู้กระทำผิดอยู่ต่างประเทศ จะดำเนินการได้หรือไม่ รมว.ดีอีเอสกล่าวว่า ทำได้อาจต้องแก้กฎหมายบางฉบับ หลังจากที่แถลงนโยบายเสร็จจะดำเนินการทันที เมื่อถามถึงกรณีเว็บหมิ่นสถาบันจะดำเนินการปราบปรามอย่างไร รมว.ดีอีเอสกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการอยู่แล้ว
ป๊อดย้ำพี่ป้อมยังไม่ถอดใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลด้วยว่า ภายหลังนายเศรษฐานำ ครม.ชุดใหม่แถลงการทำงานของรัฐบาล รัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางกลับ แต่ปรากฏว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่เดินทางกลับ โดยนั่งหารือร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณะสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาทให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่าจะมาดูแลพรรคแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.หรือไม่ หลังระบุจะลาออกจาก สส.ว่า “ไม่ครับ พรรคเนี่ย ลุงป้อมคุมอยู่แล้ว”
ถามว่า พล.อ.ประวิตรจะลาออกจากสส.เมื่อไหร่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า “ไม่ได้พูดอะไรครับ” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรยังเป็นหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า “ใช่ครับ” ถามต่อว่าหาก พล.อ.ประวิตรวางมือทางการเมือง พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า “ยังไม่แหละครับ” เมื่อถามยํ้าว่า พร้อมเป็นหัวหน้าพรรคแทน พล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่ใช่ๆ พอถามว่า พล.อ.ประวิตรได้ฝากอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า “ไม่ได้ฝากครับ” เมื่อถามอีกว่า พล.อ.ประวิตรได้แนะนำอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไป
ส่วน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงกระแสว่าพล.อ.ประวิตรจะลาออกจาก สส.ว่า ยัง ใครบอกว่าลาออก ท่านยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เมื่อถามว่าแสดงว่าศูนย์รวมใจยังอยู่ที่ พล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "ใช่ครับ" ถามว่ามีการเตรียมการหรือไม่หาก พล.อ.ประวิตรลาออกจาก สส. ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เบื้องต้นได้คุยกับแกนนำ พปชร.และหารือกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว ขณะนี้ท่านยังเป็น สส.และหัวหน้าพรรคอยู่
ถามถึงกรณีนายไผ่ ลิกค์ ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต รมช.พาณิชย์ แต่ภายหลังยังไม่ได้นำชื่อทูลเกล้าฯ ถวาย โควตานี้ยังเป็นของ พปชร.อยู่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า โควตาของ พปชร. คือ 2+2 ยังคงเดิม เบื้องต้นเราต้องให้นายไผ่พิสูจน์ตัวเองก่อน ซึ่งขณะนี้นายไผ่ก็ยังอยู่ในลิสต์รายชื่อรัฐมนตรี รอการตีความข้อกฎหมายให้ชัดเจน หากตีความชัดเจนแล้วก็จะตัดสินใจอีกทีว่าเป็นอย่างไร
ซักว่า หากตีความแล้วไม่ขัดต่อกฎหมาย จะส่งให้นายกฯ ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็คงประมาณนั้น แต่ที่สุดก็อยู่ที่การตีความ ส่วนระยะเวลานั้นตนยังไม่ทราบ เมื่อถามว่าตอนนี้อยู่ในช่วงรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความอยู่ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ภายหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา จะหารือกับผู้เกี่ยวข้องอีกทีในเรื่องนี้ ถามว่ายืนยันยังเป็นชื่อนายไผ่ ไม่เปลี่ยนเป็นคนอื่นใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็ยังให้โอกาส
"หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการตีความมาไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ ทุกอย่างก็ต้องเข้าหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรค" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
มีรายงานว่า สำหรับการจัดลำดับรองนายกรัฐมนตรี และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ใน ครม.เศรษฐา 1 มีดังนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ สร.2, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ สร.3, นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ สร.4, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย สร.5, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร.6, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน สร.7 และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ สร.8
'ภูมิธรรม' จ่อคุมมั่นคงดู ตร.
ขณะที่การแบ่งงานรองนายกฯ นั้น เบื้องต้นรองนายกฯ แต่ละคนจะกำกับดูแลกระทรวงที่มีรัฐมนตรีของพรรคตัวเองนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่ โดยนายภูมิธรรมจะเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และมีแนวโน้มสูงที่จะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย, นายสมศักดิ์จะดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรม, นายปานปรีย์ดูแลกระทรวงการต่างประเทศ และบางกระทรวงที่พรรคเพื่อไทยมีรัฐมนตรีว่าการนั่งอยู่, นายอนุทิน ดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, พล.ต.อ.พัชรวาท ดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายพีระพันธุ์ ดูแลกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด เพียงคนเดียวนั้น จะกำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่เกือบทั้งหมด ยกเว้นด้านกฎหมาย ที่รองนายกรัฐมนตรีคงได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก โดยงานของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นงานสื่อ การประชาสัมพันธ์และกองงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นได้ติดต่อนายดนุพร ปุณณกันต์ แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงมีการทาบทามนายธีรัตถ์ รัตนเสวี ที่เคยเป็นพิธีกรดำเนินรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน และเคยเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้วด้วย
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 16.30 น. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รักษาการเลขาธิการพรรค เป็นประธานการประชุม สส.พรรค โดยมีนายเศรษฐาเข้าร่วมประชุม
นายชูศักดิ์กล่าวว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 8 ก.ย.นี้ เพื่อคัดเลือกตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแต่ละคณะ และหารือเกี่ยวกับการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ ภายหลัง นพ.ชลน่านได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคไปแล้ว พร้อมขอแสดงความยินดีกับนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เข้าถวายสัตย์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอถือโอกาสนี้ให้นายกฯ กล่าวกับ สส.
ด้านนายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้เป็นวันดีอีกวันที่ทางพรรค พท.และแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้นำ ครม.ถวายสัตย์ฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และท่านทรงมีพระเมตตา และให้กำลังใจในการบริหารราชการแผ่นดิน ตนได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรี 16 คนของพรรคถึงนโยบายโดยรวมว่า เราจะทำงานกันอย่างไร เราเป็นรัฐบาลของประชาชน ขอให้ตระหนักดีตรงนี้ เราต้องทำงานตลอดเวลา เราไม่ได้มาด้วยต้นทุนที่สูงอย่างเดียว แต่เราเทหมดหน้าตัก เราไม่มีเวลาหายใจ
นายกฯ กล่าวว่า ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน เพื่อเก็บข้อมูลมาคิดนโยบาย แล้วเมื่อแถลงนโยบายแล้วเสร็จ เราจะบริหารราชการแผ่นดินและทำงานเต็มที่เพราะเราไม่มีเวลา ซึ่งหลายเรื่องเป็นปัญหาใหญ่และใช้ระยะเวลานาน รวมทั้งต้องอาศัยหลายหน่วยงานบางเรื่องอาศัยกฏหมายด้วย แต่ความเดือดร้อนของประชาชนเรารอเวลาขนาดนั้นไม่ได้
"ระหว่างนี้ถ้าเราทำอะไรได้ หรืออะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน เราจะทำทันที ขอความกรุณา สส. ถ้ามีเรื่องแนะนำให้กับครม.หรือมีเรื่องที่อยากให้ทำก็แจ้งมาได้ เพราะเราอยากทำทันที ผมและ ครม.จะลงพื้นที่รับฟังปัญหาและจัดการบริหารทันที ขอให้ทุกคนช่วยอย่างเต็มที่ เพราะเราไม่มีเวลา อีกทั้งความคาดหวังของสังคมสูง" นายกฯ กล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อตั้งรัฐบาล 3 เดือน จะเจอภัยแล้งและเอลนีโญแน่นอน ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเลย ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในหลายเรื่องเร่งด่วนใน ครม.นัดแรก ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เราทำงานเต็มที่อยู่แล้ว และประสานกับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานเพื่อให้สามารถออกมาได้โดยเร็ว เป็นการจ่ายเงินเพียงหนเดียว ณ วันนี้เราคิดว่าจะทำให้ได้ภายในวันที่ 1 ก.พ.67 เราจะพยายามทำให้ได้ เราไม่มีเวลาฮันนีมูน พรุ่งนี้ก็ทำงานต่อ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่พรรค พท.จะมีการประชุม กลุ่มประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นหนังสือถึงนายชูศักดิ์ ผ่านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. เรื่องขอให้พิจารณาเลือกนพ.ชลน่านกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
‘18บอส’นอนตะรางยาว! สายไหมไม่รอดเจอข้อหา
18 บอสดิไอคอนนอนคุกยาว ดีเอสไอยื่นฝากขังผัด 4 พ่วงแจ้งข้อหาใหม่โทษหนักคุก 10 ปี
อิ๊งค์ข้องใจแสนชื่อเลิก‘MOU44’
“หมอวรงค์” นำกลุ่มคนคลั่งชาติยื่น 104,697 รายชื่อร้องยกเลิกเอ็มโอยู 44
ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’
“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ
ทวีโยงคาร์บ๊องป้องแม้วพักชั้น14
ตามคาด "ทักษิณ" ไม่เข้าชี้แจง กมธ.ปมนักโทษชั้น 14 "ทวี" แจงแทน
‘ทักษิณ-พท.’ยิ้มร่า ศาลยกคำร้องล้มล้างฯ เพื่อไทยเล็งฟ้องเอาคืน
ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง