‘สุทิน’ทางโล่งปฏิรูปกองทัพ

"เศรษฐา-กองทัพ” กระชับสัมพันธ์! ชื่นมื่น เปิดภารกิจแรกควง "บิ๊กออฟ” บินประชุมยูเอ็น คุยงานความมั่นคงอเมริกา “สุทิน” บุกถึงบ้าน "บิ๊กโอ๋” เพื่อนร่วมรุ่นทักษิณ  พร้อมเรียนรู้ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มตุ่ม จ่อหาช่องพบ 2 ผู้นำทหาร “ตู่-ป้อม” ย้ำยกเลิกเกณฑ์ทหารแน่ เม.ย.ปีหน้า หากรับสมัครได้ครบตามกำหนด ทางโล่งปรับขนาดกองทัพ-หั่นนายพล ทหารเกณฑ์ได้เฮ! เล็งจ่ายเงินเดือนผ่านบัญชี ล้างภาพฉาวกินหัวคิว แย้มให้คำตอบเรือดำน้ำจีนหลังแถลงนโยบาย ยันมีทางออกที่ดี "กองทัพ" ไม่เสียหาย "สังคม" รับได้

เมื่อวันจันทร์ ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับผู้บัญชาการ (ผบ.) เหล่าทัพเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ว่า ก็ดี เป็นการเก็บข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นของ ผบ.เหล่าทัพ ขาดว่าที่ ผบ.ทอ.ไปคนหนึ่ง ซึ่งท่านมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ การพูดคุยกันเป็นการรับฟังความคิดเห็นเพื่อลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน โดยได้รับการรายงานหลายเรื่องว่าทหารได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

เมื่อถามว่า เหล่าทัพมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับนโยบายสมัครใจเกณฑ์ทหารของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้แถลงการณ์ร่วมกันจะดีกว่า ขอให้เข้าบริหารราชการแล้ว เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) เป็นแค่การพูดคุยกัน ซึ่งเมื่อรัฐมนตรีได้เข้าพบกับ ผบ.ทุกเหล่าทัพอย่างเป็นทางการแล้ว ก็คงจะได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามต่อว่า ผบ.เหล่าทัพได้มีการกำชับอะไรมาบ้างหรือไม่ เกี่ยวกับงานในกองทัพหรือเรื่องงบประมาณ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้คุยไปไกลขนาดนั้น เป็นแค่การรับฟังความเห็น ตนเองก็ใหม่ ก็อยากรับฟังว่าเหล่าทัพทำงานอะไรกันบ้าง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ทำอะไรบ้าง ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่ตนยังไม่ทราบว่าขอบเขตการทำงานนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละท่านก็อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด ทั้งนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่ ผบ.ทสส.จะเดินทางร่วมกับตนไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ด้วย เพราะต้องมีการเจรจาเรื่องความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา

เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่า จะมีการปรับการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเพื่อให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น นายเศรษฐากล่าวว่า กองทัพทำอะไรดีๆ ที่เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนหลายเรื่อง รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่มีการชี้แจงกันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งก็อยากเข้าไปช่วยท่านดูว่าสามารถช่วยทำอะไรได้บ้าง ตรงนี้ก็อยากให้ความเป็นธรรมกับกองทัพด้วยเช่นกัน หากมีการปรับเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น พี่น้องประชาชนก็จะได้ทราบเรื่องดีๆ ที่กองทัพทำ

วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพรรคส่วนตัว ซ.พหลโยธิน 62/1 โดย พล.อ.อ.สุกำพลเดินออกมารับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวแสดงความยินดี ก่อนที่นายสุทินจะมอบพวงมาลัยเพื่อแสดงความเคารพ​ ระหว่างการหารือ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ๆ มาคุมกระทรวงกลาโหม

เล็งพบ 2 ผู้นำทหาร 'ตู่-ป้อม'

นายสุทินจึงตอบกลับว่า "ผมมาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ วันนี้ก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำ เพราะพลเรือนแม้จะศึกษามาเยอะ แต่ก็ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี จึงต้องมาขอคำแนะนำ" ทำให้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวรับว่า ถือเป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ เพราะบางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย ไม่บอก มันก็ไปเรื่อย

หลังใช้เวลาพูดคุยกว่า 45 นาที นายสุทินให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ยังไม่กำหนดว่าจะเข้ากระทรวงกลาโหมวันไหน ซึ่งหากไม่ต้องรอแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็อาจจะเข้ากระทรวงกลาโหมได้เร็วขึ้น แต่ถ้าต้องรอแถลงนโยบายก็คงเป็นหลังวันที่ 11 กันยายน

นายสุทินกล่าวว่า สำหรับการเข้าพบพลอากาศเอกสุกำพล ท่านให้คำแนะนำถ่ายทอดประสบการณ์ความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าต้องบริหารอะไรบ้าง อะไรเป็นความชอบธรรมอันดับแรก การวางตัวกับกองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และท่านได้ให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์ในหลายเรื่อง

เมื่อถามว่า ที่ไม่ประมาทก็คือมีบทเรียนมา 2 ครั้งในช่วงพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่คิดในประเด็นนั้น การประมาทคือเราไปคิดว่าเราชำนาญแล้ว ดีแล้ว รู้ดีแล้ว อันนี้ต้องระวัง เราขอความรู้คนที่มีประสบการณ์

 “เรายังเป็นน้ำไม่เต็มตุ่ม มีอะไรที่เราจะต้องเรียนรู้เยอะ การเดินทางไปพบก็ได้ความรู้ทั้งนั้น และหากมีโอกาสก็จะเดินทางไปพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณด้วย ไม่ได้ถือว่าเป็นฝ่ายไหนอย่างไร" นายสุทินระบุ

เมื่อถามถึงกรณีการตั้ง พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุทินกล่าวว่า ท่านก็ประสงค์ที่จะนั่งตำแหน่งนี้ คิดว่าน่าจะลงตัว ส่วนเลขาฯ ย้ำว่าเป็นทหารเช่นกัน กำลังคัดเลือก ซึ่งหลายคนมีคุณสมบัติที่ดีอยู่ คงจบภายใน 2 วันนี้

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีชื่อของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาฯ สมช.ที่จะมาช่วยงาน นายสุทินกล่าวว่า ท่านมีความปรารถนาดีอยากจะมาช่วยงาน เพียงแต่ต้องดูว่าจะให้อยู่ตรงไหนอย่างไรถึงจะเหมาะสม

ด้านพลอากาศเอกสุกำพลกล่าวว่า คุณสุทินมีประสบการณ์อยู่แล้ว เพียงแต่เป็นพลเรือนมาคุมทหารถือเป็นครั้งแรก ซึ่งคุณสุทินก็เข้าใจและรับข้อมูลได้เยอะ เมื่อพลเรือนมาคุมทหารและมีจิตใจที่ดี ทหารเองก็มีจิตใจที่ดีอยู่แล้วก็ถือว่าจบ ก็ถือว่าพบกันคนละครึ่งทาง ก็ไม่มีอะไร

เลิกเกณฑ์ทหาร-หั่นนายพล

นายสุทินกล่าวถึงนโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหาร หลังได้หารือกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า มีการพูดคุยกับ 3 เหล่าทัพ แต่ยังไม่ได้ลงลึกในเรื่องของรายละเอียด ซึ่งเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เราพบว่ากองทัพเขาดำเนินการมานานแล้วและทำมาเป็นขั้นตอน เพียงแต่หากเราอยากให้รวดเร็วและทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับสนับสนุน ก็ไม่หนักใจอะไร

เมื่อถามถึงนโยบายการปรับลดกำลังพล ที่ระบุเริ่มต้นในเดือน เม.ย.67 นั้น นายสุทินกล่าวว่า คำว่า เม.ย.ในปีหน้าหมายถึงมีการเกณฑ์ทหาร ซึ่งพลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ได้แจ้งว่าได้ศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว เราสามารถรับสมัครได้เลย และเมื่อไปถึงเมษายนปีหน้า หากมีคนสมัครเต็มเราก็ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร

 “ส่วนที่ระบุว่าจะปรับลดกำลังพล หมายถึงการปรับโครงสร้างกองทัพ ที่เราชอบพูดกันว่านายพลเยอะไป ซึ่งในส่วนนี้กองทัพก็มีแผนอยู่แล้ว ได้ทำมาเป็นขั้นตอนและมีเป้าหมายว่าปี 2570 ขนาดกองทัพจะเปลี่ยน จำนวนนายพลก็จะเปลี่ยนด้วย ซึ่งกองทัพเขาตั้งใจจะทำอยู่แล้วและมีแผน แต่รัฐบาลโดยเฉพาะในฐานะที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ต้องไปช่วยทางกองทัพให้ไปสู่เป้าหมายนั้น” นายสุทินระบุ

นายสุทินระบุว่า ในเมื่อกองทัพมีเป้าหมายว่าต้องมีทหารเกณฑ์จำนวนหนึ่ง เช่น 90,000 ถึง 100,000 คน เพราะฉะนั้นทำอย่างไรจะได้จำนวนนี้ ก็เปิดรับสมัครก่อน ส่วนการเพิ่มเงินเดือนเพื่อเป็นแรงจูงใจก็เป็นอีกทางหนึ่ง ซึ่งกองทัพเองก็ต้องการคนที่สมัครใจ เพราะมีความพร้อมได้ทหารที่ดี ในส่วนที่เกณฑ์มาถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากได้

เมื่อถามว่า ให้นโยบายพลทหารที่ไปทำหน้าที่ทหารบริการต้องปรับลดลงด้วยหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็คุยกันว่าการที่จะให้คนมาสมัครเยอะๆ จะต้องสร้างแรงจูงใจ ต้องปรับ 2 ประการ คือ 1.ปรับสวัสดิการ เพื่อเป็นแรงจูงใจ 2. ปรับทัศนคติที่สังคมมีในเชิงลบกับทหารเกณฑ์ ยังติดภาพเดิมว่าระบบการฝึกทารุณโหดร้าย เด็กเจ็บ เด็กตาย เราต้องปรับความเชื่อ ซึ่งความจริงแล้วมันมีไม่กี่กรณีแต่เป็นข่าวไปทั่ว

 “นอกจากนี้ก็ยังมีความเชื่อว่า ทหารเกณฑ์ได้เงินเดือนจริงแต่รับจริงได้ไม่ถึง เราต้องพูดให้ชัดเจนว่าคนที่มาเป็นทหารเกณฑ์จะได้รับเงินเดือนจริง ส่วนไหนที่ต้องหักต้องอธิบายได้ และเท่าที่คุย ผบ.เหล่าทัพพูดถึงขนาดว่า ต่อไปจ่ายเงินเดือนทหารเกณฑ์จะจ่ายตรงเข้าบัญชี ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใส คิดว่าหากปรับ 2 อย่างนี้รวมถึงสวัสดิการคนจะสมัครเยอะ ดีไม่ดีจะเยอะเกินกว่าความต้องการ” นายสุทินระบุ

จ่อแจงปมเรือดำน้ำจีน

นายสุทินกล่าวถึงการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำว่า ภายหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯ แล้ว ตนจะให้ความชัดเจนปัญหาเรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์ หลังกองทัพเรือเสนอให้ใช้เครื่องยนต์จากจีน ซึ่งตนมีทางออกอยู่ในใจแล้วและเป็นทางออกที่ดี ส่วนจะเดินหน้าต่อหรือไม่ขอกล่าวหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย ซึ่งคำว่าดีก็คือ 1.กองทัพต้องพอใจ 2.ประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้

เมื่อถามย้ำว่า จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ นายสุทินกล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯ จะชี้แจง และต้องพูดคุยรายละเอียดกับกองทัพ ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน

เมื่อถามว่า ยังคงเป็นเรือดำน้ำจีนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “ยังไม่ตัดสินใจว่าเป็นทางใดทางหนึ่ง” ส่วนจะมีข้อเสนอที่ดีกว่าให้กองทัพพิจารณาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า “ใช่ มีข้อเสนอที่ดีกว่า ก็อาจจะลองคุยอีกทีหนึ่งก็ได้” เมื่อถามว่าแสดงว่ายังคงเป็นประเทศจีน นายสุทินกล่าวว่า “อาจจะไม่ใช่จีน คนไทยอยากได้อะไร"

เมื่อถามถึงงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท ที่ไทยจ่ายให้จีนไปแล้วในการต่อเรือดำน้ำลำแรก จะทำอย่างไร นายสุทินนิ่งฟังคำถาม แต่ปฏิเสธที่จะตอบ

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มยกเลิกสัญญาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมและหารือหลายฝ่าย เพราะเป็นเรื่องใหญ่แต่เชื่อว่ามีทางออกที่ดี โดยต้องคุยกับ ผบ.ทร.และคณะ ต้องฟังคนที่เขาจะใช้ด้วย

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเราผ่อนจ่ายไป 7,000 ล้านบาทแล้ว และคณะเจรจาของกองทัพเรือหยั่งเชิงแล้ว ดูเหมือนจะไม่คืนเงินถ้ายกเลิกโครงการ นายสุทินกล่าวว่า ตนคิดว่าการเจรจาถ้าระดับหนึ่งก็อาจจะมีปัญหา แต่ถ้าคนอีกระดับหนึ่งไปเจรจาก็อาจจะจบ ซึ่งเรากำลังคิดอยู่ มองเห็นทางที่ดีอยู่ คือกองทัพก็ไม่เสียหาย สังคมก็รับได้ ประเทศชาติก็ไม่เสียประโยชน์.