ยธ.เชื่อ “ทักษิณ” มีลุ้นได้รับโทษ 1 ใน 3 ของโทษ หาก 13 ต.ค.หรือ 5 ธ.ค. พระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ เชื่ออาจไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม เพราะอายุเยอะและมีโรครุมเร้า “พิภพ” ฟันธงติดไม่เกิน 3 เดือน ส่วน “จตุพร” แนะรัฐบาลบิ๊กตู่เสนอพักโทษให้สิ้นเรื่อง อดีตรองอธิการบดี มธ.ชี้ต้องมองภาพรวม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ย.2566 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษเด็ดขาดชาย จากโทษจำคุกใน 3 คดี 8 ปี ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี
โดยแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า นายทักษิณเป็นผู้ต้องขังสูงวัย และมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังถึง 4 โรค ประกอบด้วย โรคหัวใจ ปัญหาทางปอด ความดันโลหิตสูง และภาวะกระดูกเสื่อม อาจเข้าเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎกระทรวงแห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ที่ต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 ซึ่งหากนายทักษิณผ่านหลักเกณฑ์ ก็จะเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษ ก็จะเป็นไปตามขั้นตอนคือ กรมราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการติดหรือไม่ได้ติดกำไลอีเอ็มว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ สำนึกในการกระทำความผิด เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไลอีเอ็ม แต่อาจพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใดๆ
“ความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันทีคือ กรณีมีพระราชกฤษฎีกาประกาศลงราชกิจจานุเบกษา โดยพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค. หรือวันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้น ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดแนบท้ายด้วยว่ามีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ”
ด้านนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีพูดดักไว้ ตามสิทธิกฎหมายอภัยโทษจะมีออกมาเป็นระยะๆ สรุปนายทักษิณจะติดไม่เกิน 3 เดือน โดยจะมี พ.ร.บ.อภัยโทษทั่วไปออกมาตอน 5 ธ.ค.หรือวาระสำคัญอื่นๆ คนที่มีโทษน้อยจะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 ทุกคน เหมือนพวกแกนนำ พธม.ก็ได้รับมาแล้ว โทษ 8 เดือน ลดหย่อนเหลือ 3 เดือน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ระบุเช่นกันว่า เมื่อนายทักษิณได้รับการลดโทษเหลือติดคุก 1 ปีแล้ว ย่อมเข้าเงื่อนไขได้รับพิจารณาให้พักโทษได้โดยทันที ซึ่งนายทักษิณได้ลดโทษจาก 8 ปี เหลือติดคุก 1 ปี มาเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ถ้าในปีนี้มีการอภัยโทษอีกครั้ง จะเข้าข่ายได้รับการพ้นโทษโดยอัตโนมัติ เพราะเหลือโทษติดคุกต่ำกว่า 1 ปี เข้าตามหลักเกณฑ์พิจารณาให้พักโทษได้ อีกทั้งเมื่อการพักโทษของนายทักษิณ และขณะนี้เข้าเงื่อนไขแล้ว คงไม่มีคณะกรรมการพักโทษคนใดมีความเห็นคัดค้านเป็นอย่างอื่น อีกทั้งไม่ต้องเป็นภาระต่อรัฐบาลใหม่ด้วย
“ในวันจันทร์ที่ 4 ก.ย.ที่จะถึงนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำหน้าที่อยู่ ก็ควรทบทวนความคิด แล้วเสนอปล่อยตัวให้นายทักษิณได้รับสิทธิ์พักโทษได้เลยจะดีกว่า ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาติดใจเรื่องว่าป่วยจริงหรือไม่จริง ประชาชนจะไม่ต้องมาจับตาเฝ้าดูว่าเป็นนักโทษอภิสิทธิ์หรือไม่ จะได้จบเรื่องนี้กัน จะได้ไปคิดเรื่องชาติบ้านเมืองอย่างอื่นกันต่อ” นายจตุพรกล่าว
ขณะที่ นอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566คงมีความต่อเนื่องในกรณีรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการพระราชทานอภัยโทษนายทักษิณว่า ต้องมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยใจเป็นธรรม และต้องยอมรับว่าขบวนการพยายามเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์จนอาจถึงขั้นล้มล้างในปัจจุบันนั้นมีอยู่จริง ซึ่งในทางการเมือง การเจรจาต่อรองยอมเสียบางอย่างเพื่อได้สิ่งที่เป็นภาพใหญ่กว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา หากต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองอย่างแท้จริง ก็ต้องไม่พยายามไปคุกคามจนถึงขั้นล้มล้าง โดยอ้างว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงสง่างาม เพราะการกระทำที่เราได้เห็นมาโดยตลอดไม่เคยเป็นการกระทำที่สร้างความสง่างามให้สถาบันแต่อย่างใดเลย
“พระองค์ท่านได้มีพระบรมราชวินิจฉัยโดยรอบคอบเพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวมแล้ว จึงได้ทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะมีพระราชประสงค์ให้ระบอบทักษิณกลับมาครอบงำประเทศอีกครั้ง แต่เป็นเพราะนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์การปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางเลือกใดที่ดีพร้อมจนไม่มีผลลบแต่อย่างใดเลย เพราะนี่คือโลกแห่งความเป็นจริง”
รศ.หริรักษ์ระบุอีกว่า เมื่อนายทักษิณได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้ จากนี้ไปควรต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษอื่นๆ คือต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำเท่าเทียมกับนักโทษอื่นๆ ทันทีที่สุขภาพอำนวยให้ทำได้ และควรอยู่ในเรือนจำจนครบ 1 ปี โดยไม่ได้รับการลดโทษลงมากกว่านี้อีกไม่ว่าโอกาสใดก็ตาม และมีแต่นายทักษิณยอมอยู่ในคุกอย่างเท่าเทียมกับนักโทษคนอื่นๆ เท่านั้น ที่จะทำให้บ้านเมืองไม่วุ่นวาย ไม่มีเลือดตกยางออก และไม่นำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ณัฐชา’จวก‘ชัย’ จ่อปลุกผีอวนรุน จับ‘หมอคางดำ’
“ณัฐชา” ซัดโฆษกรัฐบาลแบกปลาหมอคางดำ โยนบาปให้เกษตรกร
18สินค้าห้ามใช้ดิจิทัล ‘มือถือ-อุปกรณ์ไฟฟ้า’
จบข่าว! ภูมิธรรมเปิด 18 รายการห้ามใช้เงินหมื่น “มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า”
ตร.84%ภูมิใจ ใส่เครื่องแบบ ปูน‘บำเหน็จ’ รองหรั่ง6ขั้น
ตำรวจ 84% ภูมิใจในเครื่องแบบ สายงานสืบสวนพอใจน้อยที่สุด
แหยงขับเหลิม/โพลยกนิด!
"เพื่อไทย" ยังไม่ขับ "เฉลิม" พ้นพรรค โยนเป็นเรื่อง กก.จริยธรรม
ชงเด็กเนวินขึ้นแท่น สีนํ้าเงินเคาะชื่อ‘มงคล’นั่งปธ.เจียดเก้าอี้รองฯคนที่2ให้‘บุญส่ง’
"บ้านใหญ่บุรีรัมย์" เคาะแล้ว! สว.สีน้ำเงิน 150 คน เปิดเซฟเฮาส์โรงแรมพูลแมน
นายกฯเชิญชวนปชช. น้อมนำ‘พระราชดำริ’
“คุยกับเศรษฐา” เทป 2 ย้ำรัฐบาลน้อมนำโครงการพระราชดำริ ร.9-ร.10 แก้ไขปัญหา