"สลค." นำรายชื่อ ครม.เศรษฐา 1 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว หลังส่งตรวจประวัติและคุณสมบัติเรียบร้อย "เศรษฐา" ลั่นทุกอย่างเสร็จสิ้นพร้อมแถลงนโยบาย ย้ำให้ความสำคัญงานสภา มีเวลาเข้าตอบกระทู้เองแน่ "วิษณุ" อำลาทำเนียบฯ ขอสื่อทำงานเป็นมิตรกับรัฐบาลใหม่ อย่ามุ่งแต่วิจารณ์ บอกไว้เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ รับเรื่องจริยธรรมเช็กยาก "บิ๊กป้อม" ปัดตอบหลัง "เสี่ยนิด" ชวนทานข้าวที่ทําเนียบฯ แย้มยังแฮปปี้ดีหลังไขก๊อก สส.
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. มีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าวัน 1 ก.ย. หลังจากก่อนหน้านี้มีการส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางรายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ
เวลา 14.09 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวมีการนำรายชื่อ ครม.ชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วว่า จากที่นายกฯ คนใหม่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา เรื่องของปัญหารัฐมนตรีใหม่ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ท่านได้สอบถามไปทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ตนให้สัมภาษณ์ไปว่ารอตรวจสอบก่อน และเรารู้แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ขอหลักฐานยืนยันบางอย่าง คือหลักฐานกฤษฎีกา ซึ่งทางกฤษฎีกาคงตอบกลับมาวันนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ตอบกลับมา
เมื่อถามว่า ณ วันนี้แปลว่ายังไม่ทูลเกล้าฯ ถวายใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ยัง นาทีนี้ยัง
เช่นเดียวกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อเวลา 13.09 น. ว่าขณะนี้ยังไม่ได้นำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเลขาธิการ ครม.จะนำรายชื่อ ครม.ทั้งหมดมาให้ตนลงนามในช่วงเวลา 17.30 น.ของวันนี้ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้านายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรีว่า ยังไม่ได้ส่งมาให้ เข้าใจว่าวันนี้น่าจะตอบกลับมา โดยตนพยายามเร่ง ซึ่งตอนนี้รอเพียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเท่านั้น และตนไม่อยากจะไปเน้นที่นายพิชิต ชื่นบาน ว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพราะดูคนอื่นด้วยเหมือนกัน รอให้แน่นอนดีกว่า
ถามว่า หากทุกอย่างเรียบร้อยจะสามารถยื่นทูลเกล้าฯ ถวายได้เลยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ครับ นั่นคือความตั้งใจครับ” เมื่อถามถึงความคืบหน้าการร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ตอนนี้เรียบร้อยแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า ยังเหลืออีกนิด โดยวันนี้จะมีการพูดคุยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งน่าจะจบได้ด้วยดี
พอถามว่า เมื่อเป็นนายกฯ แล้วจะเข้าไปตอบกระทู้ถามสดด้วยตัวเองหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องดูว่าติดภารกิจอะไรหรือไม่ เพราะอยู่ฝ่ายบริหาร แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อฝ่ายนิติบัญญัติด้วย หากฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อกังวลหรือข้อเป็นห่วง เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่จะต้องเข้าไปตอบ หรือมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยตอบ
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีการอำลาตำแหน่ง มีอะไรจะฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันที่ตนไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบฯ (24 ส.ค.) ได้ถามว่าท่านจะไปทำอะไร เพราะเข้าใจว่าชอบตีกอล์ฟ ซึ่งตนได้แนะนำว่าควรไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ซึ่งท่านได้บอกว่าลูกสาวของท่านทั้งสองคนไปเที่ยวต่างประเทศมีความสนุกดี ตนจึงบอกให้ท่านลองให้ลูกสาวพาไปเที่ยวต่างประเทศ ขอให้รักษาสุขภาพให้ดี ไปเที่ยวต่างประเทศก็ขอให้สนุก
ทูลเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายเศรษฐา กล่าวว่า เวลา 17.30 น. มีนัดกับเลขาธิการ ครม. และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย และว่าที่เลขาธิการนายกฯ ไว้ ซึ่งหากเซ็นลงนามก็สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้เลย หลังจากนั้นก็ต้องรอว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไหร่ และจะโปรดให้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากจะก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ส่วนเราก็เตรียมพร้อมรอ
ถามว่า ได้ส่งทีมงานไปเตรียมความพร้อมห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้าแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า “ยังครับ ยัง ยัง ยัง ยัง แต่ยอมรับว่ามีแนวคิดที่จะทำห้องไว้สำหรับพักผ่อนเมื่อทำงานหนัก แต่อย่างไรก็ตามต้องดูความเหมาะสมด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลอตเตอรี่ที่นายเศรษฐาซื้อระหว่างลงพื้นที่ตลาดเมืองไทยภัทร เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ในจำนวนนั้น ถูกเลขท้าย 2 ตัว คือเลข 91
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศทั่วไปว่าไม่คึกคักเท่าไหร่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้อำลาสื่อมวลชนและข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา และระบุวันที่ 1 ก.ย.จะเคลียร์งานด้านเอกสารที่บ้านพักจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ และจะไม่เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว
ส่วนนายวิษณุยังเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน ในเวลา 09.30 น. รวมทั้งได้มอบหมายให้ตำรวจติดตามนำรถประจำตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ยี่ห้อ Mercedes benz สีดำ ทะเบียน 7 กร 9301 กรุงเทพมหานคร มาคืนทำเนียบรัฐบาล
นายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ (1 ก.ย.) เป็นวันสุดท้ายที่เข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาล เอาไว้เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ ซึ่งตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ชวนตนมาร่วมรัฐบาล ก็ได้สอบถามไปว่าอยู่นานเท่าไหร่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกว่าไม่นาน แต่เหตุการณ์มันจำเป็น ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องอยู่ต่อ ถ้านายกฯ บอกตนว่าต้องอยู่นาน ตนคงไม่เอาด้วย
"ผมอยู่ทำงานกับนายกฯ มา 8 คน 12 รัฐบาล ซึ่งมีนายกฯ บางคนเป็นนายกฯ 2 สมัย ส่วนตำแหน่งรองนายกฯ ผมเป็นมาทั้งหมด 13 ปี นานที่สุดในประเทศไทย แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เป็นนายกฯ ซึ่งผมเข้ามาทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล 32 ปี ก็แก่พอกับพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนศาลตาศาลยายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล" นายวิษณุกล่าว
นอกจากนี้ นายวิษณุยังได้อวยพรสื่อมวลชนว่า ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ช่วยเป็นมิตรกับรัฐบาลใหม่ เพราะถ้าเรามุ่งไปวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำงานเขาก็หมดกำลังใจ เราก็ต้องให้กำลังใจไปสักพักแล้วค่อยวิจารณ์ และขอให้โชคดี ขอให้แข็งแรง สำหรับคนที่ทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนยืนอยู่บนภูเขาทอง ที่ได้เห็นระบบราชการ และได้เห็นการประชุม ครม.และการตัดสินใจของรัฐบาล บางครั้งรู้ด้วยซ้ำ แต่เปิดเผยไม่ได้ ว่าทำไมถึงตัดสินใจอย่างนั้น และบางอย่างตนก็คันปากอยากพูด ก็พูดไม่ได้ สื่อก็ว่าได้ เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นที่ผ่านมา ก็ขอให้เก็บความรู้เหล่านี้ไว้เป็นความทรงจำ เป็นประโยชน์เพื่อถ่ายทอดให้กันต่อไป
ถามถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่จะมาดูแลงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาลควรเป็นเช่นไร นายวิษณุกล่าวว่า ในอดีตไม่เคยบอกว่าจะต้องมีรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ดูฝ่ายกฎหมาย ซึ่งงานก็กระจัดกระจายกันไป รัฐมนตรียุติธรรมก็ดูในส่วนของท่าน ในกรณีที่เกี่ยวพันกับกระทรวงไหน กระทรวงนั้นก็ดูแลไป แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็จะช่วยดูให้
บกพร่องจริยธรรมเช็กยาก
"สมัยที่ผมเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ซึ่งเขาได้ใช้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันผมเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ช่วยดูด้วย ข้าราชการประจำก็ดูได้ ไม่แปลกอะไร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ดูได้ แต่ระยะหลังๆ มางานมากขึ้น คงคิดกันว่าถ้าทุกกระทรวงมีปัญหาแล้วต่างคนต่างคิด ซึ่งระบบราชการไทยอย่างที่ใครต่อใครเรียกตนว่าเนติบริกร พูดก็พูดก็เป็นเช่นนั่นแหละ ไม่ปฏิเสธ แต่งานที่ผมให้บริการคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี กลับน้อยกว่าที่ผมให้บริการกระทรวงต่างๆ หรือกรมต่างๆ" นายวิษณุกล่าว
ถามว่า ภาพลักษณ์หรือประวัติของรัฐมนตรีจะกระทบกับการทำงานของฝ่ายข้าราชการในเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่วิจารณ์ งานกฎหมายของรัฐบาลอยู่ในกฤษฎีกาส่วนหนึ่ง ซึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเป็นหัวหน้า และอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับผิดชอบ และอยู่ในสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ และอยู่ในสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่ง อัยการสูงสุดรับผิดชอบ แต่ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการประสานขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นกรณีปัญหากฎหมายระหว่างประเทศ กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าของเรื่อง เป็นการแบ่งกันทำอย่างนี้
เมื่อถามว่า งานด้านกฎหมายอาจารย์มีคำแนะนำอะไรให้กับรัฐมนตรีที่จะมารับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อ มีใครไม่ผ่านบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ได้รับรายงานว่าไม่มีใครมีปัญหา เพียงแต่ว่ากำลังขอหลักฐานยืนยันมาให้ชัดเจนเท่านั้น บางอย่างหลักฐานไม่ได้มีที่เรา มันอยู่ที่เจ้าตัวหรืออยู่ที่หน่วยงาน เช่น กระทรวงพาณิชย์สำหรับตรวจสอบในส่วนของ ก.ล.ต. ซึ่งแบบนี้ต้องการหลักฐานยืนยัน
"อันดับแรก รัฐมนตรีจะต้องกรอกประวัติแล้วเซ็นชื่อรับผิดชอบ มีอะไรขึ้นมาตัวเองจะต้องรับผิดชอบ ฉะนั้นเคยติดคุกหรือไม่อะไรนั้นเราไม่รู้หรอก เบื้องต้นเขาต้องเซ็นมา พอได้มาเราจึงจะเช็กกลับไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง อย่างกรณีบกพร่องทางคุณธรรม จริยธรรม มันไม่มีหน่วยงานไหนให้เช็กได้ มันเป็นนามธรรม แต่เจ้าตัวเขาเซ็นรับรองว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ประพฤติบกพร่อง ในทางศีลธรรม อะไรอย่างนี้ก็ต้องวางใจ หลังจากนั้นมีปัญหาอะไรก็ไปถอดถอนกัน เพราะเราไม่รู้จะไปถามที่ไหน ตรงนี้ถามวัดก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แต่อย่างอื่นสามารถเช็กกับตำรวจได้ แม้กระทั่งบางอย่างเช็กจากกรมควบคุมความประพฤติได้ว่าอยู่ระหว่างควบคุมความประพฤติหรือไม่ รอลงอาญาหรือเปล่า อย่างนี้เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ได้รับรายงานว่า ไม่มีปัญหา แต่กำลังอยากจะได้หลักฐานยืนยันที่ชัดเจน" นายวิษณุกล่าว
ถามว่า ถ้าตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไปพบปัญหาในภายหลัง ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า เจ้าตัวก็จะต้องรับผิดชอบไป และหากใครสงสัยก็ไปร้องตามช่องทางและขั้นตอนที่มี เมื่อถามว่ากระบวนการจะล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ ถ้าต้องรอเอกสาร ตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า คิดว่าไม่ช้า เมื่อถามว่าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ถามอีกว่าเป็นใครสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ ที่ต้องรอเอกสารเพิ่มเติมตรงนี้ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าไปเปิดเผยเลย
สภาพร้อมถลงนโยบาย รบ.
ที่รัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงถึงขั้นตอนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ยังจะต้องรอความพร้อมของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก่อนว่าจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อใด และจะต้องรอให้นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงนายกรัฐมนตรียังจะต้องประสานไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อกำหนดนโยบายและเตรียมข้อมูล เพื่อบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีความพร้อมเมื่อใด ก็จะแจ้งมายังประธานรัฐสภา ประธานรัฐสภาก็พร้อมทำหนังสือแจ้ง สส.-สว. เพื่อนัดประชุมรัฐสภาทันที
ถามว่า เป็นไปได้ที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 8 ก.ย.หรือไม่ นายคัมภีร์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า กำหนดการดังกล่าวมีที่มาจากแหล่งใด แต่เชื่อว่าคงเป็นการประเมินคร่าวๆ ซึ่งจะต้องติดตามเป็นรายวันไป เพราะจะต้องรอให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่และขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ ก่อน
ซักถึงกรณีมีการเรียกร้องไปยังประธานรัฐสภาในการจัดกิจกรรมตามธรรมเนียมประเพณีไทยของรัฐสภานั้น โฆษกประธานสภาฯ ยืนยันว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยและวัฒนธรรมต่างๆ แม้ว่าจะเป็นมุสลิม แต่มาเป็นประธานรัฐสภาในรอบที่ 2 เข้าใจดี ดังนั้นทุกกิจกรรมที่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีไทย รวมทั้งศาสนา สามารถกระทำได้ และถ้าสามารถไปร่วมโดยไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ก็พร้อมที่จะไปร่วม
"ขณะนี้ประธานฝ่ายนิติบัญญัติ นับถือศาสนาถึง 3 ศาสนา คือประธานสภาฯ เป็นมุสลิม รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 คริสต์ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นพุทธ" โฆษกประธานสภาฯ กล่าว
วันเดียวกัน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานกิจกรรมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องในวันน้ำโลกประจำปี 2566 ซึ่งเมื่อพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว พล.อ.ประวิตรจึงกล่าวว่า “ห้ามถาม” ทําให้สื่อมวลชนพากันหัวเราะ
จากนั้นขณะกําลังเดินทางกลับพล.อ.ประวิตรได้ทำท่ารูดซิปปากใส่สื่อมวลชนอีกครั้ง เพื่อปฏิเสธการตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีที่นายเศรษฐาจะชวน พล.อ.ประวิตรไปรับประทานอาหารที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ตอบรับเชิญหรือยัง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถาม แต่กล่าวว่า “ถามอยู่นั่น”
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรแฮปปี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “แฮปปี้สิ ไม่แฮปปี้ได้ไง” ก่อนจะขึ้นรถเดินทางออกจากโรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยก่อนรถจะออกนั้น พล.อ.ประวิตรได้ลดกระจกลงเพื่อโบกมือลาสื่อมวลชนด้วย
ที่ จ.สมุทรสงคราม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ปฏิเสธจะกล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวที่ พล.อ.ประวิตรจะลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ว่า วันนี้เรามาเรื่องความเดือดร้อนประชาชน อย่าไปพูดในประเด็นดังกล่าว และตนไม่ทราบในเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้เจอตัว พล.อ.ประวิตร ดังนั้นอย่าเพิ่งพูดเรื่องการเมืองเลย วันนี้เอาปัญหาพี่น้องชาวประมงก่อน
เมื่อถามว่า ฐานะที่จะรับตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เห็นภาระงานที่นายกฯ มอบให้แล้วหนักใจหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ครับ เพราะเป็นสิ่งที่ตนทำให้พี่น้องชาวประมงมาโดยตลอดอยู่แล้วในช่วงที่ตนเป็นอนุกรรมการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน
ถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เดี๋ยวทันทีที่มีการโปรดเกล้าฯ ตนจัดตั้งคณะกรรมการร่วมในทันที
พอย้อนถามว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธตอบคำถาม และเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
ด้านนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรค พปชร. และว่าที่ รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรเตรียมลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตอนนี้ยังไม่ลาออก ซึ่งต้องรอฟังจากตัว พล.อ.ประวิตรเองจะชัดเจนกว่า
ปัดแจง 'บิ๊กป้อม' ไขก๊อก สส.
ถามว่า เสียดายหรือไม่ที่ พล.อ.ประวิตรจะสละเก้าอี้ สส.บัญชีรายชื่อ นายไผ่กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น วันนี้เรามาโฟกัสเรื่องการทำงานดีกว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือการร่วมงานกัน วันนี้ไม่มีสีเสื้อ เราทำงานไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่ามีสัญญาณมาก่อนหรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตรจะลาออก นายไผ่กล่าวว่า ถ้าท่านจะลาออกคงเพราะอยากให้คนข้างหลังขึ้นมาทำงานมากกว่า ไม่มีอะไรหรอก
"ยืนยันว่าพรรค พปชร.ยังมีกำลังใจดีมากๆ และรักกัน ข่าวที่ออกมาว่ามีการแย่งกัน ยืนยันว่าไม่มีทั้งสิ้น วันนี้เรามีอยู่ 40 เสียง ต้องพยายามทำให้ครั้งหน้ามีมากขึ้นให้ได้ รักกันมากกว่าเดิม เป็นพรรค พปชร.ยุคใหม่" นายไผ่กล่าว
ถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรงอนที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี นายไผ่กล่าวว่า “ไม่มี” เมื่อถามว่าหัวเรือใหญ่ไม่อยู่แบบนี้พรรค พปชร. จะสั่นคลอนหรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่สั่นคลอน แข็งแรงเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า กรณีที่นายเศรษฐาเคยบอกว่าจะชวน พล.อ.ประวิตรมารับประทานอาหารร่วมกัน นายไผ่กล่าวว่า ตนก็เห็นจากข่าว แต่มองว่าเป็นเรื่องที่ดี วันนี้ก็เห็นชัดเจนว่าทำงานกันประสานทุกภาคส่วน ไม่มีการแบ่งแยกพรรค แม้วันนี้ตนจะใส่เสื้อพรรคมาก็ตาม
ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเข้าอำลาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวง โดยระบุว่า ก่อนอื่นผมต้องขอกราบขอบคุณพรรคพลังประชารัฐ ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นอย่างสูง ที่ไว้วางใจให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมืองในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และขอบคุณคณะรัฐมนตรีทุกคนที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน เป็นช่วงเวลา 2 ปีที่ผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิต
"ในฐานะนักการเมือง ซึ่งผมเริ่มงานการเมืองเป็น สส.สิงห์บุรี มาตั้งเเต่อายุ 29 ปี เเน่นอนครับ ผมจะมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเเละชาวสิงห์บุรีบ้านของผม ขอขอบคุณที่รักในความเป็นชัยวุฒิ ทำให้ผมมีวันนี้ วันที่ผมได้เรียนรู้ในบทบาทของผู้บริหารบ้านเมือง สิ่งสำคัญ ไม่ง่าย เพราะเราต้องทำจริง ไม่ใช่เเค่พูด และผมคงไม่สามารถทำงานได้หากขาดกลไกของการขับเคลื่อนและความร่วมมือจากทุกๆ คนที่มาทำงานร่วมกัน" นายชัยวุฒิกล่าว
รมว.ดีอีเอสระบุว่า ขอขอบคุณข้าราชการ พนักงาน ผู้บริหาร ทั้งหน่วยงานองค์กรในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงดีอีเอส อันเป็นที่รัก หลายคน เป็นเหมือนเพื่อน พี่ เเละผู้ใหญ่ ที่คอย แนะนำช่วยเหลือ ผมดีใจที่ได้ร่วมกันทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมมีความภาคภูมิใจทุกครั้งที่ภารกิจของพวกเราที่ทำร่วมกันประสบความสำเร็จ และนับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ทำงานร่วมกันกับพวกท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เราได้ทำงานร่วมกันมาจะอยู่ในความทรงจำของผมเสมอครับ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านอีกครั้ง ที่ให้โอกาสผมทำงานรับใช้ ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผมได้รับ และผมจะรักษาไว้ตลอดไป ผมขอฝากรัฐมนตรีดีอีเอสท่านใหม่ เข้ามาเเก้ไขปัญหากลโกงเเละการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ต้องรู้เท่าทัน ความเสียหายประชาชนเกิดขึ้นทุกวัน เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ สิ่งนี้คือความหวัง เป็นกำลังใจให้ครับ
"สำหรับผม ภายหลังจากนี้ ผมขอยืนยันว่าไม่ว่าจะมีตำแหน่ง หรือเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา ผมก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนต่อไป".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน