เสี่ยนิดลงภูเก็ต จ่อลุยโครงการ สมัย‘นายกฯปู’

“เศรษฐา” ขนคณะนำร่องลงพื้นที่ภูเก็ต บอกวันนี้ต้องลืมเรื่องพรรคการเมือง แม้เพื่อไทยไม่มี สส.แม้คนเดียว ชี้เป็นจังหวัดสร้างรายได้ใหม่และใหญ่สุดของประเทศ เตรียมคลอดแพ็กเกจดึงนักท่องเที่ยวรับไฮซีซั่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องวีซ่า อายุการอยู่ในประเทศ ขยายเวลาสถานบันเทิง พร้อมฟื้นโครงการยุคยิ่งลักษณ์ต่อ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยเวลา 11.30 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า มารับฟังข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการท่องเที่ยว เพราะสนามบินคือจุดแรกที่รับนักท่องเที่ยว อยากรับฟังปัญหา และดูว่าอนาคตอยากจะทำอะไร เพื่อไปร่างนโยบายตอบสนองความต้องการของท่าอากาศยาน รวมถึงเรื่องของนักท่องเที่ยว ซึ่งพรรค พท.เชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในระยะสั้นคือการท่องเที่ยว ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ต้องมีการรับฟังข้อมูลไปก่อนเพื่อเตรียมวางแผน

“ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยเพียง 30% ขณะที่จีนเองเผชิญสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย จึงไม่สนับสนุนนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่เราต้องพยายามทำให้ง่ายต่อการเข้ามาในประเทศ สำหรับจังหวัดภูเก็ตที่เป็นพื้นที่แรกในการลงพื้นที่นั้นปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากภูเก็ตเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงมาดูพื้นที่ก่อน และจะไปดูพื้นที่อื่นต่อไป และจะพูดคุยเรื่องการขยายท่าอากาศยานทั้งภูเก็ต สุวรรณภูมิ และเชียงใหม่ต่อไป”

เมื่อถามว่า เมื่อคราวลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.พังงา มีการสอบถามถึงเรื่องการสร้างสนามบิน การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเห็นเป็นรูปเป็นร่างหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องปรึกษาสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อน เรื่องอยู่ในแม่แบบอยู่แล้วให้ติดตามกันต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากสนามบินภูเก็ตใกล้จะถึงจุดที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ของนายเศรษฐาครั้งนี้ ได้นั่งรถยนต์หมายเลขทะเบียน ขง 4477 ภูเก็ต

ต่อมาเวลา 14.10 น. คณะนายเศรษฐาเดินทางมาพบปะผู้ประกอบการ ที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า เจ้าฟ้า โดยนายเศรษฐาย้ำว่า เลือกมาภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว วันนี้เราต้องลืมเรื่องพรรคการเมือง เราต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง พรรค พท.ไม่มี สส.แม้แต่คนเดียวในภูเก็ต แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ตกต่ำมาก และประเทศอื่นเจริญเติบโตไปเยอะมาก ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด ซึ่งไตรมาสที่ 4 เป็นไตรมาสที่สำคัญอย่างยิ่งของการท่องเที่ยวในประเทศไทย และการท่องเที่ยวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ดีที่สุดให้กับเราในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ กันเยอะ รวมถึงได้พูดถึงแผนการขยายงาน ยืนยันว่าวันนี้ไม่ได้มาสั่งการ แต่มารับฟังความคิดเห็น แล้วจะรวบรวมทุกความคิดเห็นไปประกอบการตั้งนโยบายที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ ทั้งนี้ อยากจะให้ทุกคนทราบว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรค พท. เราจะขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวในทุกๆ มิติ ไม่ใช่เรื่องสายการบินอากาศยาน แต่เรื่องความปลอดภัย ความมั่นคงและการทำวีซ่าของประเทศต่างๆ ที่เราคาดว่าจะยกเว้น และบางประเทศก็อาจยืดเวลาการอยู่ได้ด้วย

ต่อมานายเศรษฐาได้ลงมารับช่อดอกไม้จากประชาชนที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม โดยนายสุรศักดิ์ ไถนาเพรียว ประธานชุมชนประชาสามัคคี หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะแก้ว อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต ได้นำประชาชนมายื่นหนังสือร้องทุกข์ของชุมชนประชาสามัคคี เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือกรณีถูกฟ้องร้องจากนายทุน  และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการอ้างเอกสารสิทธิในพื้นที่ชุมชนประชาสามัคคี

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายเศรษฐาพร้อมคณะ เดินทางต่อมายังย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อมาดูบรรยากาศการค้าขายในพื้นที่ รวมทั้งรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการ ซึ่งระหว่างการเดินในพื้นที่ ได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยได้ขอถ่ายภาพเซลฟีตลอดเส้นทาง รวมถึงร้านค้าต่างๆ ที่ยื่นขนมให้นายเศรษฐาทดลองชิม อาทิ ไอศกรีมรสกาแฟ มัฟฟิน รวมถึงได้เข้าไปดูของเก่าที่ร้าน โดยนายเศรษฐาได้แวะร้านบ้าน 92 ภูเก็ตโอลด์ทาวน์ โดยได้แวะชมและชิมผัดหมี่ฮกเกี้ยน รวมถึงได้ทดลองปั้นขนมอั่งกู๊เตาแดง ขนมมงคลที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีน ไหว้เทวดา และงานแต่งงานของชาวบาบ๋าภูเก็ต ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งมีผู้ปกครองพาลูกชายซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม  3 ได้มายืนดักรอเพราะอยากเห็นหน้านายกฯ โดยนายกฯ ได้เข้ามาทักทายพร้อมกับจับมือและโอบไหล่ถ่ายรูปด้วย เด็กชายคนดังกล่าวได้แอบอมยิ้มอย่างมีความสุข

จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่า เป็นการรับฟังความคิดเห็นและรับฟังปัญหา เพื่อที่จะไปประกอบการทำนโยบายโดยรวม เริ่มตั้งแต่ความแออัดของสนามบิน การจราจร ระบบกำจัดขยะ ซึ่งมีแค่ตอนล่างของเกาะที่ใช้เวลาเดินทางนาน ซึ่งต้องดูว่าตอนเหนือของเกาะจะมีเพิ่มได้หรือไม่ นอกจากนี้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนเรื่องน้ำ เรื่องของโซนนิ่ง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เรื่องการขยายเวลาการทำงานของสถานบันเทิง แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความมั่นคง และอีกหลายเรื่องที่ได้รับฟังปัญหามา แต่ยังไม่ลงรายละเอียด

“ภูเก็ตเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของประเทศ บางโครงการอาจจะมีการขาดทุน แต่เมื่อมีการดำเนินการไปแล้วทำให้ภูเก็ตโดยรวมดีขึ้น ก่อให้เกิดรายได้ นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นเราคงต้องรับฟังข้อมูลนำไปพิจารณาและเขียนแผนแม่บทอีกครั้งหนึ่ง”

เมื่อถามว่า สิ่งที่ต้องเร่งเพื่อรองรับไตรมาส 4 ที่จะมาถึงในเรื่องของการท่องเที่ยวคืออะไร นายเศรษฐากล่าวว่า หลายเรื่อง หลายอย่าง ทั้งเรื่องของการเพิ่มบุคลากรของการตรวจคนเข้าเมือง วีซ่าของนักท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศ ที่อาจต้องยกเว้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ฉะนั้นจึงอยากให้มีการฟอร์มรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว และมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกนโยบายมาโดยเร็ว ทั้งนี้ เรื่องของวีซ่าเป็นเรื่องสำคัญ มีของหลายประเทศ ซึ่งต้องปรึกษากับกระทรวงการต่างประเทศอีกครั้งว่าจะมีประเทศใดบ้าง

“ต้องดูแบบองค์รวมทั้งหมด และถ้าทำแล้วภูเก็ตทั้งจังหวัดดีขึ้น ก็ไปหารายได้เสริมจากทางอื่นเข้ามา และอาจมีอีกหลายโครงการที่ไม่เกี่ยวกับตัวเลขการเงิน แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย เช่น อุโมงค์ของทางด้านป่าตอง ซึ่งตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็มีงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นหลักหมื่นล้านแล้ว ในตอนนี้ก็ต้องดูให้ดีอีกที” นายเศรษฐากล่าว

จากนั้นในช่วงค่ำ นายเศรษฐาและคณะมีกำหนดการพบปะผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวที่ ถ.บางลา หาดป่าตอง เพื่อหารือถึงการจัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดสถานประกอบการบันเทิงในพื้นที่หาดป่าตอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุดสับสน! ปรากฏการณ์การเมืองไทย ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเฉพาะกลุ่ม สส. แต่หัวหน้าพรรคกลับถูกไล่ออกไม่ให้ร่วมด้วย

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม