แบ่งชามข้าวลงตัว! ‘เศรษฐา’คาด3-4วันจบ/‘เพื่อไทย’เริ่มงอแงทวงก.เกษตรฯ

“เศรษฐา” แย้ม ครม.เป็นรูปเป็นร่าง 3-4 วันน่าจะจบ อยากเข้าทำงานเร็วกว่าไทม์ไลน์ “สุทิน” บอกรับคนนอกนั่งกลาโหมได้ “วิสุทธิ์” ผวาเสีย ก.เกษตรฯ “พิธา” ต่อสายยินดี “เสี่ยนิด”  นั่งนายกฯ พร้อมฟันธงทำงานยากแน่  เหตุมีหลายขั้ว “เรืองไกร” ตามจิกปมที่ดินแสนสิริ

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่พรรคเพื่อไทยจะดูแลเรื่องเศรษฐกิจว่า มีความเป็นรูปร่างมากขึ้น ขอให้อดใจอีก 3-4 วัน คาดว่าน่าจะจบได้ ขอให้อดใจรออีกสักนิดนึง และต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีหลายพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยลงตัวแล้วหรือยัง นายเศรษฐา ตอบว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยลงตัวหมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะนั่งควบตำแหน่ง รมว.การคลังด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คงอยู่ในพรรคเพื่อไทย ขอเวลานิดนึง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวระบุว่ารายชื่อ ครม.ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในไม่กี่วันนี้ นายเศรษฐาตอบสั้นๆ ว่า ใช่ครับ ต่อข้อถามว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถตรวจสอบประวัติได้เลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า นั่นเป็นความคาดหวัง หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะเราอยากให้มีการนับหนึ่งได้แล้ว แต่ความเป็นจริงนับหนึ่งไปแล้ว เนื่องจากมีการรับสนองพระบรมราชโองการ ต่อไปคงเป็นเรื่องการตรวจสอบรายชื่อ การเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ รวมถึงแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และจะได้มีการประชุม ครม. นัดแรก ตนอยากให้เร็วที่สุด เพราะเรามีภาระเร่งด่วน และครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เดือดร้อน

 เมื่อถามอีกว่า การประชุม ครม.นัดแรกจะมีวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอรวบรวมทั้งหมดก่อน และจะแถลงให้ทราบ เพราะเป็นหลายๆ เรื่องที่เร่งด่วน รวมถึงการรับฟังกรณีภาคประชาชนอย่างไอลอว์ที่มีการรวบรวมรายชื่อ

เมื่อถามถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ วางไทม์ไลน์ว่ารัฐบาลใหม่จะเริ่มทำงานได้ช่วงปลายเดือน ก.ย. นายเศรษฐาตอบว่า จะพยายามครับ ส่วนตัวอยากให้เร็วกว่านั้น เพราะมีหลายเรื่องเร่งด่วน เช่น เรื่องท่องเที่ยว ซักว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการควงว่าที่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม บอกว่า “พูดเองเออเอง” ก่อนที่จะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ที่มีชื่อเป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ก็ยิ้มหัวเราะชอบใจด้วยเช่นกัน รวมทั้งมีอาการเขินเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐา ได้ถ่ายรูปร่วมกับ น.ส.สุดาวรรณ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่มีกระแสข่าวจะเป็นเลขาธิการนายกฯ พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และทั้งสองคนไม่มีใครปฏิเสธเรื่องตำแหน่ง จากนั้นนายเศรษฐาจึงบอกว่า "ทั้งสองคนอยู่ในการดูแลของผม ถูกห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้”

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เชื่อว่า โผ ครม.จะเสร็จสัปดาห์หน้า ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตนจะไปนั่งเป็น รมว.ศึกษาธิการนั้น ก็ยังไม่ชัดเจน ไม่มีการยืนยัน แต่หากได้ตำแหน่งดังกล่าวจริง ก็พร้อมทำหน้าที่  ตนเป็นครูมาทุกสังกัด

เมื่อถามว่า ส่วนตัวอยากได้กระทรวงนี้หรือไม่ นายสุทินหัวเราะและกล่าวว่า อยากได้กระทรวงที่เราถนัดอยู่แล้ว เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าก่อนหน้านี้มีชื่ออยู่ในโผ รมว.กลาโหม นายสุทินปฏิเสธว่า  ไม่เคยคิด แต่ก็มีโผออกมา ในส่วนของโควตานั้นเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่จะเป็นคนในพรรคหรือคนนอกนั้น สุดท้ายอาจจะเป็นไปได้ทุกอย่าง อาจจะปรับเปลี่ยนเป็นคนนอกก็ได้ แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลเราจะเอาอย่างไร เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวอยากได้กระทรวงกลาโหมหรือกระทรวงศึกษาธิการ นายสุทินบอกว่า “ได้ทั้ง 2 กระทรวง”

พท.กลัวเสียเกษตรฯ

วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร กลุ่มพวกเราชาวหมู หรือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย เดินทางมาเพื่อสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายเกษตร พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ลงมารับหนังสือ

โดยตัวแทนกลุ่มระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ดูแล พวกเราเกษตรกรและพรรคเพื่อไทยก็ขาดกัน ไม่สนับสนุนกันอีกต่อไป ด้านนายวิสุทธิ์กล่าวยอมรับว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเรื่องลำบากที่จะชี้แจงประชาชน เพราะก็รู้ว่ามีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและเกษตรกรทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่จะชี้แจงอย่างไรเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ต้องรอฟัง

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันเดียวกัน  เพจเฟซบุ๊กของพรรคได้มีการโพสต์ข้อความว่า ประกาศพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับเชิญให้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล และได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการรวม 4 ตำแหน่ง พรรคขอเชิญชวนสมาชิกพรรคเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมในการเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดังกล่าว

โดยยื่นหนังสือเสนอชื่อและประวัติบุคคลดังกล่าว และลงนามด้วยตัวท่าน ถึงหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ เลขที่ 35 /3 ซอยอารีย์ 5 เขตพญาไท แขวงพญาไท กทม. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2566 เวลา 16.30 น. เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาตามข้อบังคับพรรคข้อ 89 ต่อไป แต่ปรากฏว่าในเวลาต่อมาพรรคได้มีการลบโพสต์ดังกล่าวออกแล้ว

จากนั้น นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรค รทสช. ออกมาชี้แจงว่า ข้อความที่โพสต์ออกไปในเพจของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เป็นการที่เจ้าหน้าที่พรรคโพสต์ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่ให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่เมื่อผู้บริหารพรรคมาเห็น ได้แจ้งให้ทราบว่าเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคได้มีการประชุมกันไปแล้วและได้มอบอำนาจให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้ไปดำเนินการแล้ว ทางเพจจึงได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพิจารณาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของ รทสช. นายอัครเดช เปิดเผยว่า ที่ได้พูดคุยกับเลขาธิการพรรคล่าสุด คือทาง รทสช.ยังไม่ได้ทราบเลยว่าจะได้รับผิดชอบกระทรวงใดบ้าง เข้าใจว่าภายใน 1-2 วันนี้น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องกระทรวงจากพรรคเพื่อไทย และหลังจากนั้นทางหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคงจะหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของ รทสช. เชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ  นี้

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กระแสข่าวที่มีชื่อนั่งในตำแหน่งนายกฯ ได้แต่ยิ้มเท่านั้น ส่วนเรื่องการพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น จะพยายามพิจารณาให้เร็วที่สุด

‘พิธา’ ยินดี ‘เศรษฐา’

เมื่อวันศุกร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายเศรษฐาที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ แต่ต้องยืนยันว่าวิกฤตของบ้านเมืองครั้งนี้อาจไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ใช่วิกฤตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและวิกฤตการศึกษา แต่เป็นวิกฤตศรัทธาของประชาชนในชาติ ในฐานะผู้นำ จึงต้องรวมความคิดของคนในชาติให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน โดยได้ยินว่านายเศรษฐาเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะเป็นนายกฯ ของประชาชน ขออวยพรให้ทำได้ และทำได้จริงๆ

นายพิธายังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลว่า จากการจับขั้วหลายขั้วของพรรคการเมือง คิดว่าการทำงานน่าจะยากเป็นพิเศษ ส่วนกรณีที่มีการจดพรรคการเมืองในชื่อพรรคอนาคตไกลนั้น ยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล เพิ่งได้ยินจากสื่อเช่นกัน

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 2 นายกฯ  คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายเศรษฐาพบปะกัน ถือเป็นเรื่องประวัติศาสตร์หรือไม่ว่า อย่าให้ถึงขั้นเป็นประวัติศาสตร์เลย หมายความว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลก และเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จริงนายกฯ ในอดีตหลายคนพยายามที่จะทำอย่างเดียวกันทุกสมัย แต่ว่าทำไม่ได้ เพราะไม่สะดวกหรือบางทีเคอะเขินกันบ้าง

"การที่เคยหาเสียงแข่งกัน วันนี้พอถึงเวลาฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาล อาจจะยังเคอะเขินด้วยกันทั้งสองฝ่าย พยายามจะให้ทำกันอยู่ แต่ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์อะไร จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ถ้าทำก็เป็นนิมิตหมายที่ดี ข้าราชการทั้งหลายจะได้สงบ สบายอกสบายใจ จริงๆ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านไม่ได้มีอะไรหรอก ท่านก็ยินดี" นายวิษณุระบุ

นายวิษณุยังประเมินรัฐบาลที่กำลังตั้งว่า ยังไม่เห็นหน้าตา แต่การที่นายเศรษฐาได้คะแนนเสียงในสภามาก น่าเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลที่แข็งแกร่ง ตอนนั้นตนเคยพูดว่าที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลรวมกันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเรือเหล็ก แต่มาบัดนี้พรรคก้าวไกลออกไป แต่พรรคเพื่อไทยได้พรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลจนได้ 314 เสียง ก็มั่นคงแน่นอน แต่การที่มีพรรคสนับสนุน 11 พรรค แต่อยู่ในรัฐบาล 6 พรรค โอกาสที่จะกระทบกระแทกกันเป็นเรื่องธรรมดา และก่อนหน้ามาเป็นรัฐบาลก็เคยขัดแย้งกันมาก่อน ถ้าเรารับหลักการที่ว่าก้าวข้ามขั้ว สลายความขัดแย้ง มันดีทั้งในรัฐบาลและประเทศ แต่จะทำได้หรือเปล่า ตนไม่ทราบ

เขายังเปิดเผยว่า ได้เริ่มทยอยเก็บของจากห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบฯ ไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่หมด คงเก็บอีกหลายรอบ โดยหลังพ้นตำแหน่ง จะอยู่บ้านพักผ่อน เล่นกับหลานด้วยความสุขมาก ตนเคยเว้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นยังไม่มีความสุขมาก เพราะไม่มีหลาน นอกจากนี้ จะเขียนหนังสือและสอนหนังสือ อาจเป็นประธานหรือคณะกรรมการในบริษัทต่างๆ ที่พอจะมีรายได้บ้าง สำหรับคณะกรรมการกฤษฎีกาและราชบัณฑิต ยังทำหน้าที่อยู่ ส่วนงานในทางการเมืองไม่มีอะไรทำ ถือว่าจบแล้ว และตนคิดแบบนี้มาตั้งแต่ปี 49 แต่อีก 8 ปีต่อมามีเหตุได้กลับมาอีก แต่ครั้งนี้หวังว่าไม่มีแล้ว เพราะตนมีปัญหาสุขภาพแทรกเข้ามา 

ให้รักษาคำพูด ม.112

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิเสธที่ให้ความเห็นกรณีนายเศรษฐา มาดำรงตำแหน่งนายกฯ ระบุแค่เพียงว่า   ทหารเราปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ทหารเองก็เตรียมการปฏิบัติหน้าที่ในปีต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง

เมื่อถามว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทุกสีมาจับมือกันหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ระบุว่า บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็เป็นเรื่องที่ดี ประชาชนทั่วไปได้ทำมาค้าขาย อยู่อย่างไม่มีปัญหาอะไร ก็มีความสุข  ทุกอย่างก็ดีหมด ประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณรงค์พันธ์ไม่ตอบหรือให้ความเห็นในเรื่อง รมว.กลาโหมคนต่อไป ที่จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพ แต่ยิ้มอารมณ์ดี

ส่วนความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา เมื่อวันศุกร์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวถึงการพบกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายเศรษฐาว่า ดูเป็นบรรยากาศที่ดี ที่เป็นการพูดคุยกัน ไม่ใช่การเผชิญหน้ากัน ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าภาพการพบกันของบุคคลทั้งสองอาจเป็นนัยทางการเมืองหรือสืบทอดทางการเมืองนั้น ตนเห็นว่าเรื่องของการสืบทอดอำนาจไม่น่าจะมี มองว่าเป็นการส่งต่ออำนาจมากกว่า หากเป็นการสืบทอดอำนาจไม่รู้ว่าจะสืบกันอย่างไร อยากให้มองในแง่ดีก่อน เพราะการจะปรับเปลี่ยนรัฐบาลก็เป็นมารยาทอยู่แล้วที่แสดงออกในการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ตอนนี้ให้ประเทศเดินหน้าไปก่อน เพราะประชาชนอยากจะเห็นรัฐบาลที่สามารถทำงานได้ บางทีอะไรที่อยู่ในใจอยากให้เก็บกันไว้ก่อน อย่าเพิ่งแสดงออกมาตอนนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารัฐบาลใหม่ทำงานไม่ได้ เพราะมีแต่เรื่องขัดแย้ง ต้องให้โอกาสกัน

เมื่อถามว่า นาทีนี้มองว่าเป็นทางลงจากหลังเสือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้วหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า เป็นประชาธิปไตยที่ดีที่สุดในขณะนี้ แล้วแต่จะเป็นระดับไหน เต็มใบหรือครึ่งใบ ก็ตามนั้นมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนตัดสินใจเลือกตัวแทนมาบริหารจัดการประเทศ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นประชาธิปไตยอย่างที่ต้องการ

ส่วนในอนาคตจะเป็นปัญหาอุปสรรคต่อทำงานหลังจากนี้หรือไม่นั้น นายเสรีมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลมาจากหลายพรรคการเมือง อาจมองว่าเป็นจุดอ่อนส่วนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะการมีเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นความเห็นที่แตกต่างและการทำงานจะได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการร่วมแรงร่วมใจกัน

ทั้งนี้ นายเสรีได้ระบุว่า ที่รับปากว่าจะไม่แก้ ม.112 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะไม่ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาแก้รัฐธรรมนูญด้วยก็จะสามารถทำให้ประเทศเดินต่อไปได้  หากผิดคำพูดหรือสนับสนุนกลุ่มที่จะแก้ไข รัฐบาลใหม่ต้องคำนึงถึงจุดเปราะบางในส่วนนี้ด้วย

ตามจิกที่ดินแสนสิริ

วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 25 ส.ค. ตนในฐานะผู้ถือหุ้นแสนสิริคนหนึ่ง ได้ทำหนังสือส่งทางไปรษณีย์ EMS ถึงประธานกรรมการ บมจ.แสนสิริ เพื่อขอข้อมูลการซื้อที่ดินจาก บ.ศิวะแลนด์ มาตรวจสอบว่าธุรกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ จริงหรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ส่งข้อมูลมาให้ตนภายใน  7 วันด้วย

นายเรืองไกรกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ส.ค.66 แสนสิริได้ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเพื่อให้คำแถลงการณ์ดังกล่าวตรวจสอบได้ ตนจึงขอให้แสนสิริจัดส่งสำเนาเอกสารเกี่ยวกับการลงบัญชีซื้อที่ดินดังกล่าว สำเนาเช็คที่สั่งจ่ายตามคำสั่งของผู้ขายว่ามีกี่ใบ สั่งจ่ายใครบ้าง ผู้ขายสั่งว่าอย่างไร คำสั่งของผู้ขายมีการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และส่วนต่าง 1,235,065,000 บาท คือค่าอะไร สำเนาสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าว สัญญาจำนองที่ดิน มาให้ตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าแสนสิริได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ความแตกต่างระหว่างตัวเลขในสัญญาซื้อขายที่ดิน ตัวเลขการลงบัญชี ตัวเลขการจำนองในช่วงปี 2559 นายเศรษฐามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ในขั้นตอนใด

มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการโผ ครม. โดยมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า ในสัดส่วนพรรค พท.ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง นายเศรษฐา จะนั่งนายกฯ ควบ รมว.การคลัง, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค รมว.สาธารณสุข, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ รมว.คมนาคม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ รมว.การต่างประเทศ, นายสุทิน คลังแสง รมว.ศึกษาธิการ

ขณะที่โควตาของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ที่มีผลงานโดดเด่นกวาด สส.นครราชสีมาได้ตามเป้า แถมมีอีก 2 สส.จากพรรคเพื่อไทรวมพลัง ผลักดัน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.บัญชีรายชื่อ เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ รมต.สำนักนายกฯ ขณะที่เก้าอี้รองนายกฯ จะเป็นนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค จะเข้ามาดูเรื่องกฎหมาย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้เพียงตำแหน่งเดียว และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่จะมาเป็นมือเป็นไม้ให้กับนายกฯ ช่วยงานด้านเศรษฐกิจ รวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะนั่งที่กระทรวงใด

ส่วนในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงนั้น เริ่มมีความชัดเจนแล้วในบางกระทรวง อาทิ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ อดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี ได้ รมช.คมนาคม เป็นโควตาของ จ.กาญจนบุรี ที่ได้ สส.ถึง 5 คน, นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม ได้ รมช.คมนาคม หลังจากชวดเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ รมช.การคลัง เพราะจะเกษียณอายุราชการในปีนี้ และมีความคุ้นเคยในงานภายในกระทรวงเป็นอย่างดี, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช แกนนำพรรค จะได้กลับมารับตำแหน่งเดิมในเก้าอี้ รมช.มหาดไทย นอกจากนี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายพรรค พท. จะได้เก้าอี้เลขาธิการนายกฯ ด้วย

ด้านโควตารัฐมนตรีในส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ได้สูตร 4+4 นั้น มีรายงานว่าล่าสุดมีการจัดสรรกระทรวงหลัก 4 กระทรวงเรียบร้อยแล้ว คือ  กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคจะดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ พรรคจะคัดสรรบุคคลให้เหมาะกับกระทรวงอีกครั้ง รวมถึงตำแหน่ง 4 รัฐมนตรีช่วยฯ ซึ่งมีรายชื่อบุคคลที่คาดว่าจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อาทิ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ,  นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ, นายชาดา ไทยเศรษฐ์, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา เป็นต้น

สำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ในส่วนของกระทรวงหลักยังคงเป็นตามโผเดิมคือ พล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค นั่งรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แม้จะมีกระแสข่าวมีความพยายามจะเอา รมว.แรงงานมาแลกก็ตาม ขณะที่เก้าอี้ รมช. 2 ตำแหน่ง ล่าสุดมีการสลับกระทรวง โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค จะไปเป็น รมช.สาธารณสุข ส่วนนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และกรรมการบริหารพรรค มีชื่อไปเป็น รมช.การคลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโควตารัฐมนตรีในส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการ 2 เก้าอี้ และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 เก้าอี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จะนั่งรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร สส. บัญชีรายชื่อ มีชื่อนั่งเก้าอี้ รมว. อุตสาหกรรม, นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร  มีชื่อนั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย และนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท นั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เรืองไกร' ท้า 'นายกฯอิ๊งค์' โชว์ใบลาออก พ้นกรรมการ 20 บริษัท

ายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท

'นายกฯอิ๊งค์' อยู่ได้เกิน 6 เดือนไหม! ขึ้นอยู่กับ 2 ทางรอด

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อุ๊งอิ๊งจะอยู่เกิน 6 เดือนไหม

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง