เศรษฐาฉลุยนายกฯ โหวตท่วมท้น482เสียง สะพัด‘อนุทิน’นั่งมท.1

"เศรษฐา" ฉลุยนายกฯ คนที่ 30 รัฐสภาโหวตเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง "สว." ยกมือ 152 เสียง สายทหารฝั่งบิ๊กตู่พรึ่บ "ปชป." เสียงแตกไปคนละทิศ "เสี่ยนิด" ยิ้มแก้มปริ ขอบคุณ สส.-สว. ลั่นพร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด "อิ๊งค์" ร่วมยินดี สะพัด! โผ "ครม.เศรษฐา 1"  พท.ยึดคมนาคม แลก "ภท." คุมมหาดไทย "อนุทิน" ยังเขินรองนายกฯ ควบ มท.1 "สุริยะ-ประเสริฐ" ชิง รมว.คมนาคม "พัชรวาท" คุมกระทรวงทรัพย์  "ธรรมนัส" ลุ้นเกษตรฯ "รทสช." ได้พลังงาน "วราวุธ" นั่งพาณิชย์ "ก.ก." ประกาศเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก

ที่รัฐสภา วันที่ 22 ส.ค. เวลา 10.00   น. ในการประชุมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นทักท้วงกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่มีการบรรจุญัตติของตนเองที่ค้างอยู่ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2566 ขอให้ที่ประชุมรัฐสภาทบทวนมติวันที่ 19 ก.ค.2566 ที่ไม่ให้มีการเสนอชื่อบุคคลซ้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่

นายรังสิมันต์กล่าวว่า การตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 เพื่อให้มีการตีความให้เกิดความชัดเจน การอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 151 ว่า มติใดที่ประชุมมีความเห็นเป็นเด็ดขาดแล้ว ไม่สามารถทบทวนได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าต้องถือตามคำวินิจฉัยตลอดไป โดยไม่สามารถทบทวนได้ แต่หากรัฐสภาจะทบทวนสิ่งที่เคยวินิจฉัยไปย่อมทำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ใช้เวลาอภิปรายอยู่นาน ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ใช้ความพยายามตัดบทขอให้นายรังสิมันต์หยุดอภิปราย เพราะพูดมานานแล้ว ไม่ได้ขัดขวางการอภิปราย  แต่นายรังสิมันต์ได้พูดครบประเด็นจนสมาชิกเข้าใจแล้ว ควรพอเท่านี้ อีกทั้งในการประชุมวิป 3 ฝ่ายก็มีการรับรองความเห็นฝ่ายกฎหมายรัฐสภา บอกว่ามติที่ประชุมรัฐสภาไม่สามารถทบทวนได้ เพราะเป็นความเห็นเด็ดขาดไปแล้ว ถ้าไปทบทวนอาจเกิดความลังเลได้ ดังนั้นในฐานะประธานรัฐสภา ขอใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ใช้อำนาจวินิจฉัยไม่รับญัตติด่วนของนายรังสิมันต์ที่เสนอด้วยวาจา รวมถึงญัตตินายสมชาย แสวงการ สว. ที่เสนอญัตติคัดค้านญัตตินายรังสิมันต์ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2566 

อย่งไรก็ตาม ปรากฏว่า สส.พรรคก้าวไกลหลายคนพยายามโต้แย้งคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา เสียเวลาไปร่วม 30 นาที โดยเฉพาะนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. ที่ระบุว่าประธานรัฐสภาวางตัวไม่เป็นกลาง รู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ไม่พอใจ โดยขอให้ถอนคำพูดว่าตนรู้เห็นเป็นใจ ถ้าไม่ถอนคำพูดจะไม่อนุญาตให้พูดต่อ เพราะเป็นการกล่าวหาตนอย่างรุนแรง ยืนยันว่าตนซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แต่นายธีรัจชัยยังยืนกรานที่จะพูดต่อ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ขอให้นั่งลง คุณจะนั่งลงไหม คำสั่งประธานถือเป็นเด็ดขาด” ทำให้นายธีรัจชัยมีท่าทีอ่อนลง

 ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ขอใช้อำนาจประธานรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 80 ประกอบข้อบังคับการประชุมฯ ข้อ 5 และข้อ 151

จากนั้นได้ดำเนินการเข้าสู่ระเบียบวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นบุคคลสมควรเป็นนายกฯ ซึ่งมี สส.รับรอง 287 คน ตามรัฐธรรมนูญ

เวลา 11.05 น. นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร สว. ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ ได้จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ต่อพี่น้องประชาชน และมีจริยธรรม ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญ เราพยายามติดตามข่าว ก็มีแต่ด้านลบตลอด คือมีการกล่าวหาว่านายเศรษฐาใช้วิธีเลี่ยงภาษี ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ผิดจริยธรรม และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาชี้แจง แต่ไม่เคยส่งมาให้ สว.ทราบเลย ขณะนี้นายเศรษฐาถูกโจมตีเรื่องซื้อขายที่ดินมาตลอด ย้ำว่าเราไม่ทราบว่าประวัติของนายเศรษฐาเป็นอย่างไร เราจะเอาประเทศชาติมาเสี่ยง เอาประชาชน เศรษฐกิจ และทุกอย่างมาเป็นตัวประกันได้อย่างไร

สส.-สว.อภิปรายจี้คุณสมบัติ

 ต่อมาเวลา 11.36 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า เหตุผลที่ สส.พรรคก้าวไกลไม่สามารถเห็นชอบนายเศรษฐาได้วันนี้ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อตามที่มีการกล่าวหา แต่เหตุผลง่ายๆ เพราะเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงประชาชนที่ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

"หลายคนพูดว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักการเมือง พรรคการเมือง จำเป็นต้องกลืนเลือด จ่ายต้นทุนทางการเมืองมหาศาล โดยมีวาระประชาชน และวาระประเทศเป็นตัวตั้ง ซึ่งราคาต้นทุนที่สังคมไทยต้องจ่ายให้กับการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ" นายชัยธวัชกล่าว

เวลา 11.47 น. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว. อภิปรายว่า พรรค พท.มีแนวคิดแก้รัฐธรรมนูญทันทีที่ประชุม ครม.นัดแรก อยากถามว่ารัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหาอะไรให้เร่งแก้ไข เป็นเพราะรัฐธรรมนูญนี้มีกลไกป้องกันนักการเมืองทุจริตเข้มงวด อาทิ ตัดสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต การให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ กลไกเหล่านี้ทำให้ พท.ที่มักมีปัญหาทุจริต คนสำคัญบางคนต้องหลบหนีคดีเพราะไม่มีอายุความ จำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทยมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นหากมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กลไกขจัดนักการเมืองทุจริตจะหายไป สอดคล้องความต้องการบางพรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหมวดสถาบัน การแย่งแยกราชอาณาจักร การทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่จะยิ่งสร้างความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น

เวลา 14.30 น. นายประพันธุ์ คูณมี สว. อภิปรายว่า นายเศรษฐามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) กรณีที่บริษัท  แสนสิริฯ ไปขออนุญาต กทม.ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง เชื่อมต่อที่ดินฝั่งอ่อนนุชข้ามไปยังฝั่งพระโขนง เพื่อพัฒนาโครงการ The Base Park และ The Base Park East 3,200 ยูนิต จำนวน 3,200 ยูนิต โดยนำที่ดินถนนภาระจำยอมมายื่นร่วมในการขออนุญาตก่อสร้างสะพาน มีข้อตกลงยินยอมให้ประชาชนสามารถใช้สะพานดังกล่าวในการสัญจรได้ฟรี กทม.จึงยินยอมให้สร้าง เมื่อสร้างเสร็จไปตั้งชื่อสะพานว่า “แสนสำราญ” มีการเก็บเงินค่าผ่านทางจากผู้ใช้ทาง ไม่เป็นไปตามข้อตกลงกับ กทม. มีการเก็บเงินมาล่าสุดเดือน มี.ค.2566 จึงยอมยกเลิกเก็บค่าผ่านทางดังกล่าว ดังนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบนายเศรษฐาสมควรเป็นนายกฯ หรือไม่

ต่อมา 14.50 น. นพ.ชลน่านได้ลุกขึ้นชี้แจง และตอบข้อซักถามในนามของพรรค พท. ที่เสนอชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ในนามพรรค พท.และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค ต้องขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่มีความเห็น และข้อห่วงใย โดยซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวบุคคลและลักษณะต้องห้ามของบุคคล เพื่อตัดสินใจเลือกผู้นำประเทศไปเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน ตนมี 3 ประเด็นที่จะชี้แจงในฐานะพรรคการเมืองที่เสนอชื่อผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ

ประเด็นที่ 1 ข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ จากการประกอบกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี การซื้อขายที่ดินที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการแต่งตั้งบุคคล ตัวแทน นอมินี มารองรับนั้น เราตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่าง ล่วงเลยไปถึงจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โดยยืนยันว่าไม่มีเรื่องใดที่ผิดกฎหมาย ไม่มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ หลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่านายเศรษฐาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีแต่ข้อกล่าวหาที่โน้มเอียงเป็นลักษณะการเชื่อมโยงหลักฐาน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงยังถือว่านายเศรษฐาเป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์

ประเด็นที่ 2 เรื่องของจุดยืนทางการเมืองและพฤติกรรมการจัดตั้งรัฐบาล ขอชี้แจงว่า พรรค พท.อาสาเข้ามาสลายความขัดแย้งตรงนี้ จัดตั้งรัฐบาลในนามของทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันได้ วันนี้เราได้ 11 พรรค และมั่นใจว่าพรรคอื่นๆ จะตามมาอีก เพื่อสร้างความเข้มแข็งของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน นี่คือจุดยืนของพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เราเชื่อมั่นว่าแนวทางจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้วิกฤตของประเทศ และถ้าจะสลายความขัดแย้งได้ต้องอาศัยกลไกนี้เท่านั้น

เศรษฐาฉลุย 482:165 เสียง

ประเด็นที่ 3 ข้อห่วงใยเรื่องนโยบายโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เป็นเพียงนโยบายที่เราใช้รณรงค์หาเสียง ส่วนนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ตรงนั้นท่านวิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่ เพราะจะถูกนำไปใช้ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็น เราแก้เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งการที่จะทำแบบนี้ได้ต้องผ่านกระบวนการทำประชามติ เราจึงประกาศว่าถ้าเราเป็นรัฐบาล เรื่องที่จะทำเร่งด่วนคือแก้ปัญหาปากท้อง

กระทั่งเวลา 15.10 น. นายวันมูหะมัดนอร์ได้ปิดการอภิปรายและเข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนนโหวตเลือกนายกฯแบบเปิดเผย โดยวิธีการเรียกชื่อสมาชิกรัฐสภาตามลำดับอักษร และออกเสียงลงคะแนนเป็นรายบุคคล ซึ่งที่ประชุมเริ่มลงมติโหวตนายเศรษฐา เวลา 15.25 น. และสิ้นเสร็จในเวลา 17.30 น.

ต่อมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งผลการนับคะแนน ปรากฏว่านายเศรษฐาได้คะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง และงดออกเสียง 81 เสียง จึงถือว่านายเศรษฐาได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภา เท่ากับว่ามติที่ประชุมเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ทำให้สมาชิกภายในที่ประชุมปรบมือแสดงความยินดีลั่นห้องที่ได้นายกฯ คนที่ 30  จากนั้นนายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า วาระอื่นๆ ของเลื่อนออกไปก่อน และสั่งปิดการประชุมในเวลา 17.40 น.  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคะแนนเสียงเห็นชอบ 482 เสียง ที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ เป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค ที่ลงมติไปในแนวทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครแตกแถว ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมโหวตในรอบนี้ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่แจ้งขอลาป่วย รวมถึงกลุ่ม สว.อีก 152คน ก็เห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ  ส่วนกลุ่มไม่เห็นชอบให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็น สส.ก้าวไกล สำหรับคะแนนงดออกเสียง 81 เสียง ส่วนใหญ่เป็นของ สว.บางส่วน และพรรคไทยสร้างไทย

 ในส่วนของ สว.ที่ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ 152 เสียงนั้น พบว่า ส่วนใหญ่เป็น สว.สายทหารในฝั่งของพล.อ.ประยุทธ์ อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงบรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลงคะแนนหนุนนายเศรษฐา อาทิ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์, พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร, พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์, พล.ท.จเรศักณิ์ อานุภาพ, พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร, พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ, พล.อ.ดนัย มีชูเวท, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร, พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร

ขณะที่ สว.ในสายของ พล.อ.ประวิตร ส่วนใหญ่ลงมติงดออกเสียงให้นายเศรษฐา เช่น พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์, พล.อ.อู้ด เบื้องบน, พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ขณะที่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร ไม่มาร่วมประชุม นอกจากนี้ยังมี สว.สายวิชาการ สายอดีตข้าราชการ นักธุรกิจบางส่วน ลงมติงดออกเสียงนายเศรษฐา อาทิ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล,  นายบุญส่ง ไข่เกษ, น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม, นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ,  นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์, นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, นายพีระศักดิ์ พอจิต,  พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส่วน สว.ที่ลงมติไม่สนับสนุนนายเศรษฐา 13 คน ส่วนใหญ่เป็นสายตัวตึงที่แสดงเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกไม่สนับสนุนนายเศรษฐา อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม,  นายสมชาย แสวงการ และนายเสรี สุวรรณภานนท์

มีรายงานว่า ในส่วนการโหวตของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้น เนื่องจากพบว่าเสียงโหวตแตกเป็นหลายทาง โดยนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ลงมติ ไม่เห็นชอบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ลงมติงดออกเสียง ส่วน สส.กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค 21 คน มีเพียงนายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์, นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง, น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง, นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา ที่ลงมติงดออกเสียง ตามมติพรรคที่เหลือต่างโหวตเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ประกอบด้วย นายกาญจน์ ตั้งปอง สส.ตรัง, นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์, นายทรงศักดิ์ มุสิกอง สส.นครศรีธรรมราช,  นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช, ว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ สส.นครศรีธรรมราช, นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช, นางอวยพรศรี เชาวลิต สส.นครศรีธรรมราช, นายชาตรี หล้าพรหม สส.สกลนคร, นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา, น.ส.สุภาพร กำเนิดผล สส.สงขลา, พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา, นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา, นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี, น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี, นายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน ขณะที่นายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช แจ้งลาประชุม

'เสี่ยนิด' พร้อมเป็นนายกฯ

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ในช่วงที่มีการนับคะแนนโหวตในสภา นายเศรษฐาซึ่งอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสตั้งเแต่เข้าที่ทำการพรรค พท.ช่วงบ่าย ภายหลังผลการโหวตนายกฯ ปรากฏว่านายเศรษฐาได้รับความเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุม 375 เสียง ทำให้ผู้สนับสนุนและมวลชนเสื้อแดงส่งเสียงโห่ร้องเฮดังสนั่นที่ทำการพรรค และได้เดินออกไปบริเวณด้านหน้าของอาคารโอเอไอเพื่อไปเต้นฟ้อนรำแสดงถึงความดีใจที่นายเศรษฐา จะได้เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 กันอย่างสนุนสนาน พร้อมทั้งเดินเท้าไปยังทางเข้าตึกไทยซัมมิทที่อยู่ข้างกัน

ต่อมาเวลา 18.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรถของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งรถยนต์ รถตู้ รถหกล้อ มายังพรรค พท. โดยเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ และนำพุ่มเงินพุ่มทอง โต๊ะในการทำพิธี ธงชาติไทย ธงประจำนายกรัฐมนตรี พร้อมดอกไม้สดที่กองพิธีการจัดเตรียมมา เพื่อรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี 

 นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ คนที่ 30 อยากขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคน พรรคร่วมรัฐบาล สส. สว. ทุกท่าน ที่ร่วมในการโหวตในวันนี้

"ผมพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะลืมความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีพรรคร่วมรัฐบาลโทรศัพท์มาแสดงความยินดีแล้ว" นายเศรษฐากล่าว 

 ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายเศรษฐาอีกหลายคำถาม แต่นายเศรษฐาระบุว่า เพื่อความเหมาะสมให้รอหลังโปรดเกล้าฯ เมื่อถามว่าพร้อมลุยงานใช่หรือไม่ นายเศรษฐายกกำปั้นแล้วบอกว่า “พร้อม” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงเสร็จสิ้น นายเศรษฐาได้เดินทางไปพบมวลชนที่มากำลังใจ โดยมวลชนต่างตะโกน “นายกฯ เศรษฐา” อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้เดินทางมายังพรรค พท. พร้อมเข้าไปแสดงความยินดีกับนายเศรษฐาที่อยู่ระหว่างขอบคุณมวลชนคนเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศตลอดช่วงเย็นจนถึงค่ำเป็นไปอย่างคึกคัก 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงโควตารัฐมนตรีว่า คุยแล้ว แต่ต้องรอนายกฯ คนใหม่พิจารณา เมื่อถามย้ำว่า โควตารัฐมนตรีมีความคงเดิมมากน้อยแค่ไหน นายอนุทินกล่าวว่า เราคุยกันอย่างสร้างสรรค์ เมื่อถามอีกว่าตามกระทรวงที่คาดหวังว่าจะได้ ตามนั้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องของกระทรวงได้มีการหารือกับพรรคแกนนำ ตนคิดว่าวันนี้พอเรามีนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ท่านก็คงจะต้องร่วมพิจารณาด้วย เราต้องรอว่าท่านจะมีความเห็นอย่างไร ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

อนุทินรองนายกฯ ควบ มท.1
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าภูมิใจไทยจะได้โควตากระทรวงมหาดไทย  นายอนุทินกล่าวสั้นๆ ว่า ต้องรอโปรดเกล้าฯ ถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะเป็นดรีมทีมเหมือนกับการร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องมั่นใจ เพราะถ้าเราทำงานร่วมกันแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ พรรคภูมิใจไทยมีเท่าไหร่ก็ให้หมด ไม่มีกั๊กในการทำงาน ให้ใจ ให้แรง ให้ความรู้ ให้ความสามารถ และให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ขณะที่ความคืบหน้าในการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐบาลมีมติเห็นชอบให้นายเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพรรค พท.นำรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ให้นายเศรษฐาพิจารณา โดยคาดว่าจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเร็วที่สุด

สำหรับโควตารัฐมนตรี เบื้องต้นทางพรรค พท.ได้แจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบในช่วงดึกวันที่ 21 ส.ค. โดยคาดว่านายเศรษฐาจะนั่งนายกฯ ควบ รมว.การคลัง เพื่อผลักดันนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เนื่องจากเป็นนโยบายหลักของพรรค และเป็นนโยบายที่นายเศรษฐานำเสนอด้วยตัวเอง ส่วน นพ.ชลน่านดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. มีโอกาสดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยนายสุริยะแสดงเจตจำนงขอนั่ง รมว.คมนาคมมานานตั้งแต่ต้น ทำให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกวางตัวให้นั่ง รมว.คมนาคมก่อนหน้านี้ อาจจะต้องไปนั่ง รมว.ดีอีเอสแทน

พรรคภูมิใจไทยยื่นความจำนงขอ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม  กระทรวงมหาดไทย โดยมีกระแสข่าวว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีโอกาสดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย เนื่องจากพรรค พท.ต้องยอมแลกกับกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้ พรรค ภท.จะได้เก้าอี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา   กระทรวงวัฒนธรรม 

พรรครวมไทยสร้างชาติ คาดว่าจะเป็นนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อาจจะดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน อีกโควตาจะเป็นของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งอาจจะดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม หรือ รมว.แรงงาน

พรรคพลังประชารัฐ มีแนวโน้มให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค ดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอาจจะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปด้วย พร้อมกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์

ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มี 10 เสียง แม้ต้องการนั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามเดิม แต่มีโอกาสสูงที่จะถูกโยกไปนั่งกระทรวงอื่น โดยมีโอกาสดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์  สำหรับพรรคประชาชาติ เตรียมส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่ง รมว.ยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าภายหลังการโหวตนายเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาจจะมีการเกลี่ยโควตารัฐมนตรีใหม่กันอีกรอบ เนื่องจากการต่อรองเก้าอี้ในหลายกระทรวงยังต้องหาข้อสรุปอีกครั้ง

ด้านพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค ก.ก. พร้อมด้วย สส.ก้าวไกล แถลงถึงทิศทางของพรรค ก.ก.หลังจากนี้ว่า ต่อจากนี้ไปพรรค ก.ก.จะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทุกเสียงของประชาชนที่มอบให้กับพรรคต้องมีความหมาย สส.ทุกคนจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชน ผ่านกลไกต่างๆ ของสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล มีรายงานข่าวว่า หลังการโหวตนายกฯ คนที่ 30 เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกเลิกภารกิจเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเช้าของวันที่ 24 ส.ค. ส่วนการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 8/2566 ในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ยังไม่ได้มีการแจ้งยกเลิก เช่นเดียวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ส.ค. ยังคงมีประชุม ครม.ตามเดิม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"

‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก

นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ”