“ประเสริฐ” โวเสียงหนุนนายกฯ จากเพื่อไทยได้เกิน 375 เสียงแล้ว เหตุ สว.ส่งสัญญาณดี ย้ำยังชงชื่อ “เศรษฐา” ไม่เปลี่ยน ปัดปมถกโควตารัฐมนตรีก่อนโหวตนายกฯ อ้างเป็นสถานการณ์พิเศษต้องคุยทีหลัง “ภูมิธรรม" ตอกฝาโลงไม่มีหวนกลับไปรักเก่า 8 พรรค 312 เสียงแน่ บอกทำงานใหญ่คิดเรื่องใหญ่ใจใหญ่ “สว.ตัวตึง” มามุกใหม่ ลั่นไม่หนุนแคนดิเดตและพรรคเพื่อไทย เพราะงานแรกจ้องรื้อรัฐธรรมนูญทั้งที่ควรดูเรื่องปากท้อง “โบว์” ข้องใจ พท.ตีปี๊บขายอุ๊งอิ๊งก่อนเลือกตั้งกระแสดี ทำไมไม่เสนอชื่อ
เมื่อวันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 ยังคงมีความต่อเนื่องในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้เรามั่นใจว่าเสียงที่จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาแล้ว ซึ่งเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เราได้รับสัญญาณจากหลายๆ ฝ่าย ก็เห็นว่าส่วนมากแสดงท่าทีโหวตสนับสนุนแคนดิเดตของพรรค พท. ซึ่งเป็นเรื่องที่เราขอขอบคุณ
เมื่อถามว่า สรุปแล้วจะเชิญพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้หากพรรคใดที่จะมาร่วมสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเราก็ไม่ได้ปิดโอกาส เหมือนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุนแคนดิเดตของพรรค แต่เรื่องนี้ยังพอมีเวลาอยู่อีกระยะ ทั้งนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ก็ยังไม่ได้มีนัดวันประชุมเพื่อโหวตนายกฯ
ถามถึงกระแสข่าวที่มีบางฝ่ายมองว่าควรดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ แทนนายเศรษฐา ทวีสินนั้น นายประเสริฐกล่าวว่า จริงๆ เราได้พูดคุยกันแล้วว่าจะเป็นนายเศรษฐา และพรรคก็พูดหลายครั้งแล้วว่าเป็นชื่อนายเศรษฐา ฉะนั้นคิดว่าไม่มีการเปลี่ยนอะไรแล้ว
ถามต่อว่า สว.อยากให้นายเศรษฐาเข้าไปชี้แจงเรื่องต่างๆ ในรัฐสภาด้วยตนเอง มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า เรื่องการชี้แจงหากดูตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา หรือเรื่องของการโหวตแคนดิเดตนายกฯ คนนอกนั้น ข้อบังคับไม่ได้กำหนดให้ผู้ถูกเสนอชื่อต้องเข้าไปในห้องประชุม ฉะนั้นเรื่องนี้ประธานรัฐสภาก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย เราจะฟังประธานรัฐสภาเป็นหลัก แต่หากยึดข้อบังคับเป็นหลัก ปกติแคนดิเดตนายกฯ ที่ไม่ได้เป็น สส.ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในสภา
นายประเสริฐกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ขอตั้งนายกฯ ให้ได้ก่อน ส่วนกรณีมองกันว่าต้องคุยเรื่องตำแหน่งให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกฯ นั้น เข้าใจว่าเป็นอย่างไร แต่การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ซึ่งเมื่อเราตั้งนายกฯ เรียบร้อยแล้ว เรื่องต่างๆ จะพูดคุยกันด้วยดี สำหรับกรณีที่พรรคเก่าจำเป็นต้องคุมกระทรวงเดิมหรือไม่นั้น เป็นเพียงแค่แนวคิด ส่วนการปฏิบัติยังไม่แสดงความคิดเห็น
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลยื่นเงื่อนไขว่า ต้องไม่ห้ามรัฐมนตรีนั่งกระทรวงเดิม และหากมีการกำหนดเรื่องดังกล่าวขอให้เปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ ว่ายังไม่ได้ยินพรรคใดประสานมาเป็นทางการ และเท่าที่ได้คุยกับหัวหน้าพรรคที่จะมาร่วมงานกับเพื่อไทย ไม่มีปัญหาที่รุนแรงแบบนี้ ประเด็นที่ว่านายเศษฐาไปพูดไม่ให้พรรคที่จะมาร่วมกับพรรค พท.ทำงานกระทรวงเดิม นายเศรษฐาไม่ได้พูดเป็นหลัก เป็นคำถามจากสื่อว่า ตามหลักการไม่ควรให้นั่งกระทรวงเดิมหรือไม่ ซึ่งนายเศรษฐาพูดเพียงว่าหลักการดูดีเห็นชอบ แต่ต้องดูว่าการเชิญพรรคต่างๆ มาร่วมต้องให้เกียรติและดูความเหมาะสม ไม่อยากให้ยึดติด อยากให้ดูนโยบาย คุณสมบัติของคนที่จะมาทำงานเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ซึ่งเราไม่มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน หน้าที่ของพวกเราต้องประสานงานตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่ประเด็นเหล่านี้ต้องไปดูความเหมาะสม นโยบายตัวบุคคล คิดว่าไม่น่ามีปัญหา
“เท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรคหลักๆ เราพูดเหมือนเดิมว่า อยู่ที่ใครร่วมและส่งสัญญาณในการเลือกนายกฯ ให้เพื่อไทยเป็นแกนนำ มีนายเศรษฐาเป็นนายกฯ หลังจากนั้นมาพูดเรื่องกระทรวงให้สังคมพอใจ และสอดรับนโยบายของแต่ละพรรคน่าจะดีกว่า ขอความกรุณาจากพรรคร่วมให้ช่วยดูตรงนี้ เอาวาระประเทศวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วดูความเหมาะสมจะแบ่งกันทำงานอย่างไร ทุกเรื่องคุยกันได้หากใช้เหตุใช้ผล อยากให้รอเวลาคุยกันอีกนิดเดียว” นายภูมิธรรมกล่าว
เมื่อถามว่า พรรคการเมืองต่างๆ อยากให้คุยก่อนโหวตนายกฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรารวมเสียงมาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีปัญหา ถึงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้มันชัด ต้องชัดเจนก่อนว่ามีคนพร้อมร่วมรัฐบาลเท่าไหร่แล้วจะจัดการอย่างไร ตอนนี้เรามี 238 เสียง พรรค พปชร.บอกจะโหวตให้โดยไม่มีเงื่อนไขก็รวมเป็น 278 เราต้องทำให้ได้ 375 เสียง และเท่าที่ฟังพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็พูดทางบวกให้ใช้นโยบายเป็นแกนกลางกำหนดนโบบายทำงาน ดูใครเหมาะสม ใครเป็นหลักเป็นรอง ถ้าคุยด้วยผลประโยชน์ประเทศชาติคุยได้หมด ตั้งใจว่าเมื่อเลือกนายกฯ แล้วรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานได้ในเดือน ก.ย. คิดว่าประเด็นกระทรวงต่างๆ จะเสร็จสิ้นใกล้เคียงกับการโหวตนายกฯ ขอดูเวลาที่เหมาะสม
ถามถึงความคืบหน้าว่า ได้ประสานพรรค รทสช.มาร่วมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหรือยัง และจะมีการประกาศชื่อพรรคร่วมอื่นอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังดำเนินการ ทราบแล้วว่าพรรค รทสช.มีแนวโน้มเป็นบวก เราคุยกันบ้างแล้วตั้งแต่เชิญมารับฟังแนวทางร่วมรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่พรรค พท. ยืนยันความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา รอหัวหน้าและเลขาฯ พรรคเตรียมการให้เรียบร้อยแล้วจะเชิญพรรค รทสช.มาพูดคุยอย่างเป็นทางการ เมื่อได้ความชัดเจนแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกันหรือไม่จะประกาศอีกครั้ง
สหายอ้วนยันไม่มีย้อนกลับ
เมื่อถามกรณี สว.อยากให้นายเศรษฐาไปแสดงวิสัยทัศน์ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องถามไปยังนายเศรษฐา แต่นายเศรษฐาไม่ใช่ สส. การเข้าไปพูดในสภาอาจลำบาก ซึ่งที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พูดในรัฐสภา เป็นการตอบคำถามแล้วแสดงวิสัยทัศน์ โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีการแสดงวิสัยทัศน์ การตรวจสอบผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ เป็นเรื่องจำเป็น ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ นายเศรษฐาก็พูดชัดเจนแล้วประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาตั้งคำถาม โดยให้บริษัทที่ถูกตั้งคำถามชี้แจง และนายเศรษฐาก็รักษาสิทธิ์โดยการฟ้องร้องนายชูวิทย์ ก็ว่าไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเลี่ยงภาษี แต่เป็นการบริหารจัดการภาษีตามกฎหมาย เป็นหลักการที่มีการสอนกันในมหาวิทยาลัย เมื่อทุกอย่างทำตามกฎหมายก็ไม่ผิดจริยธรรม มั่นใจนายเศรษฐาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติอย่างแน่นอน
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรค พท.เดินทางไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล ที่มีการออกมาระบุว่าพรรค พท.ไม่ได้บอกรายละเอียดการเดินหน้าตั้งรัฐบาลว่า ขอยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องการไปพบกับพรรค ก.ก.วันนั้น ไปในฐานะทีมเจรจา ส่วนที่มี น.ส.แพทองธารไปด้วยนั้น พรรค ก.ก.เป็นคนร้องขอมา เพื่อจะได้สบายใจกันทุกฝ่าย น.ส.แพทองธารก็เดินทางไป เราไปอย่างเปิดเผยไม่ปิดบังอะไร ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าเราไปแจ้งว่าจะเอาสองลุงมาร่วมรัฐบาลนั้น ไม่ตรงข้อเท็จจริงอาจจะคลาดเคลื่อน เราบอกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดให้เขาสนับสนุนเราเป็นรัฐบาลได้ เพื่อให้เราทำงานได้ แต่ ก.ก.อยากให้เรากลับไปเป็น 312 เหมือนเดิม ซึ่งเราบอกไปว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นใหม่ จะยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ เราอยากให้ตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อเปิดประตูแก้วิกฤ แต่เขาอยากให้เราเป็นเหมือนเดิมคือ 312 ซึ่งไม่ได้ เมื่อไปไม่ได้เราก็ต้องเลือกทางเดินอื่นที่มีไม่กี่ทาง ซึ่งอาจขัดใจประชาชนบ้าง แต่พรรคการเมืองที่จะมาร่วมกับเราก็มาจากประชาชน หากพรรคก้าวไกลโหวตให้เราก็ขอบคุณ ไม่โหวตก็ไม่ว่ากัน หากเขาเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นรัฐบาล ถ้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ เราพร้อมสนับสนุนนโยบายของเขาที่เป็นประโยชน์ แต่เราจะไม่ยอมเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน
“ส่วนที่บอกว่าผมไม่ได้ขอขมา ผมยอมรับว่าเคยพูดว่าจะไปขอโทษขอขมา แต่ที่พูดไปเป็นเพียงสร้อย เพราะไม่รู้สึกว่าผมทำผิดอะไร แต่ในการพูดคุยได้พูดไปว่า หากมีอะไรไม่สบายใจก็ขอโทษ เรามองเรื่องการร่วมมือเป็นหลักจะสามารถแก้ปัญหาได้ ยืนยันแล้วว่าถ้าทำงานใหญ่คิดเรื่องใหญ่ต้องใจใหญ่ คิดเรื่องเล็กทำงานใหญ่ไม่ได้” นายภูมิธรรมกล่าว
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "สูตรผสมสลายขั้ว" ระบุว่า ข้อเท็จจริงก็คือ พรรค พท. 141 เสียง+พรรคพันธมิตรเดิม 5 พรรค รวมกันได้ 154 เสียง ข้ามไปร่วมกับขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง กำลังจะจัดรัฐบาล ด้วยการต่อรองตำแหน่งกันก่อนถึงกำหนดวันเลือกนายกฯ ถามว่าอำนาจต่อรองขั้วไหนจะสูงกว่ากัน แม้ปากบอกสลายขั้ว ไม่มีขั้วแล้ว ใครจะเชื่อ ในที่สุดพรรคข้ามขั้วจะเสียทั้งหลักการ เสียคน เสียมวลชน และกำลังจะเสียตำแหน่งนายกฯ ที่พยายามไขว่คว้าไปอีก ภาษานักพนันเขาเรียกว่าเสียจนหมดตูด
สว.ไม่เอาเศรษฐา-เพื่อไทย
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงกระแสข่าว สว.ส่วนหนึ่งไม่ไว้วางใจให้นายเศรษฐาดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ว่า ฟันธงว่าจะไม่ใช่คนของพรรค พท. ไม่ว่าจะเป็นทั้งนายเศรษฐา, น.ส.แพทองธาร และนายชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทยต้องส่งไม้ต่อไปให้กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือพรรค พปชร. สภาพบ้านเมืองเป็นอย่างไร เราคิดว่าการจะได้นายกฯ และรัฐบาลควรแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ แต่พรรค พท.กลับต้องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วน เรามองไปในทางเดียวกันว่าแก้เพื่อใคร แก้เพื่อต้องการให้ใครกลับบ้าน ตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนอาจสร้างความขัดแย้ง จึงเห็นว่าน่าจะเป็นเงื่อนไขที่พรรค พท.จะส่งแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้ และหากเสนอชื่อนายเศรษฐา เชื่อว่าจะถูกอภิปรายแบบสนั่นลั่นทุ่ง เท่าที่ฟังข้อมูลหลายด้านค่อนข้างหนักพอสมควร
เมื่อถามว่ามี สว.ที่มีความเห็นเหมือนกันมากน้อยหรือไม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.ก็มีแนวคิดคล้ายกัน ไม่เอานายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย
ส่วนนายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวว่า สว.จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครต่อที่ประชุมรัฐสภา ทั้งนายเศรษฐา, น.ส.แพทองธาร หรือนายชัยเกษม เพราะยึดการรวมเสียงข้างมาก ไม่ใช่ประเด็นคุณสมบัติ แม้นายเศรษฐาถูกกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมเลี่ยงภาษีนั้น ขณะนี้ไม่มีคำพิพากษาหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบวินิจฉัย ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นหากนำข้อกล่าวหาเป็นเหตุไม่โหวต ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
เมื่อถามถึงความไม่ลงตัวของการแบ่งโควตารัฐมนตรี จะกระทบการโหวตสนับสนุนนายเศรษฐาหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ส่วน สว.มีหน้าที่เตรียมตัวโหวต และพร้อมจะโหวตให้เสียงข้างมากที่ไม่มีประเด็นเรื่องมาตรา 112 และไม่มีพรรค ก.ก.
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "นายเศรษฐาหรือ น.ส.แพทองธาร วัดใจพรรคเพื่อไทย" ระบุว่า คำถามพบบ่อยช่วงนี้คือ เมื่อนายพิธาเจอทางตัน แกนนำการจัดตั้งรัฐบาลกลายเป็นพรรค พท. แล้วควรส่งแคนดิเดตคนไหนมาเสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่งหากพิจารณาความนิยมของแคนดิเดตนายกฯ จากนิด้าโพล ช่วงก่อน น.ส.แพทองธารจะหยุดการเดินสายหาเสียงเพราะใกล้คลอดบุตรนั้น พบว่าความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และมีคะแนนเหนือนายเศรษฐา ซึ่งเป็นแคนดิเดตพรรคเดียวกันอย่างมากตลอดการหาเสียงเลือกตั้ง หากพรรค พท.ฟังเสียงความนิยมจากประชาชน ก็ไม่น่าต้องลังเลว่าควรส่งใครเป็นนายกฯ และ น.ส.แพทองธารเองก็ยืนยันมาตลอดการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าพร้อมที่จะรับตำแหน่งผู้นำประเทศ มิฉะนั้นก็คงไม่ยอมให้มีการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ
“บริบทการเมืองวันนี้ ใครเหมาะสมที่สุด คงต้องพิจารณาทั้งคุณสมบัติและการเป็นที่ยอมรับจากคนหมู่มาก ทั้งในสภาและนอกสภา ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณอิ๊งค์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีวุฒิภาวะในการสื่อสาร ประสานได้ทุกฝ่าย ภูมิหลังทางการศึกษา ธุรกิจ และการเกิดมาในครอบครัวนักการเมืองกับประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา พร้อมทีมงานมากประสบการณ์ น่าจะเพียงพอให้รับตำแหน่งที่เสนอตัวมาแล้วได้ไม่ยาก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คุณเศรษฐาถูกตั้งคำถามในหลายๆ ด้าน จนอาจเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย หากพรรคเพื่อไทยไม่พิจารณา น.ส.แพทองธารตามที่นำเสนอต่อประชาชนและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาตลอดการหาเสียงเลือกตั้ง ก็น่าจะต้องตอบคำถามอีกมากจากสังคมว่าเพราะอะไร” น.ส.ณัฏฐาระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ปลุกทุกภาคส่วน ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทุกรูปแบบ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านวีดิทัศน์ว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567
'ภูมิธรรม' สดุดี 'ทักษิณ' ครองใจคนอุดรฯ พา พท. ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.
'ภูมิธรรม' ฟุ้งอุดรธานีหัวใจคนเพื่อไทยโดยแท้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ยํ้า ปชช. ยังรัก 'ทักษิณ' ชอบผลงานที่ทำมา อุบ 'อิ๊งค์' ลงพื้นที่ขอบคุณ
ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)
'ทักษิณ-พท.' อย่าเพิ่งตีปีก! ชั้น 14 ป.ป.ช. ใกล้งวด คดีครอบงำยิ่งชัด รอ กกต. เคาะ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หน้าแตกกันไปตามๆ กัน เมื่อได้ทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับวินิจฉัยคำร้อง
ประกาศผลนับคะแนนเลือกตั้ง 'นายก อบจ.อุดรธานี' อย่างไม่เป็นทางการ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้