‘สส.ส้ม’ขอโทษรุมกระทืบ!

กรุงเทพฯ ๐ งามไส้ ส.ส.ก้าวไกลร่วมทะเลาะวิวาทกลางร้านอาหารย่านเอกมัยตอนตี 2 ไปกันใหญ่! "ไผ่ ลิกค์"  แฉคนในนั้นเป็นเพื่อนกับแก๊ง 4 บ. มาเก๊า 888 กลุ่มเดียวกับ "เอ็ดดี้" ที่หนีคดีอยู่ วอน "บิ๊กโจ๊ก" เช็กด่วน ขณะที่ "จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์" ส.ส.เลือดร้อนแจงเป็นการตอบโต้ตามสัญชาตญาณของวิญญูชน แต่ขอโทษที่ใช้ความรุนแรง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12  สิงหาคม 2566 เวลา 02.00 น. ได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกลางร้านอาหารย่านเอกมัย 12 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดของทางร้าน มีชายลักษณะคล้ายคลึงกับนายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม.เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม ของพรรคก้าวไกล และกลุ่มของชายวัยกลางคนร่วมรับประทานอาหารอยู่ภายในร้าน ซึ่งต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายได้เกิดมีปากเสียงและทำร้ายร่างกายกัน

     โดยจุดที่เกิดเหตุเริ่มต้นขึ้นจากกลางร้านอาหาร จนการ์ดของร้านอาหารได้เข้ามาห้ามปราบทั้งสองฝ่ายให้แยกย้าย  จึงพากันออกไปบริเวณหน้าร้านอาหาร  ต่อมาคนของกลุ่ม ส.ส.คนดังกล่าวได้เข้าทำร้ายชายวัยกลางคนอย่างรุนแรง จนคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายเหตุการณ์ยุติลงเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตันเข้าระงับเหตุ และเชิญตัวไปดำเนินคดีต่อที่สถานีตำรวจ

     พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผู้กำกับการ สน.คลองตัน เปิดเผยว่า ทางพนักงานของร้านโทร.มาแจ้งตำรวจให้ไประงับเหตุทะเลาะวิวาท เจ้าหน้าที่จึงจัดส่งสายตรวจรุดไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่าคู่กรณีได้มีการขอโทษและมีการปรับความเข้าใจกันแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีอาการบาดเจ็บรุนแรง และไม่ประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดี ก่อนแยกย้ายกันไป

     ผกก.สน.คลองตันกล่าวอีกว่า  ตำรวจเตรียมข้อมูลเบื้องต้นไว้แล้ว หากคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายประสงค์ที่จะแจ้งความ ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินคดี ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัยว่าทำไมร้านถึงเปิดให้ลูกค้านั่งกินได้เกินเวลาที่กำหนด ตนยืนยันว่าร้านปิดให้บริการแล้ว จะเห็นได้ว่าภายในร้านเก้าอี้ถูกยกขึ้นบนโต๊ะพร้อมปิดไฟ แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวตามภาพกล้องวงจรปิดจริง

     นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เรื่องที่เกิดขึ้น จะถูกจะผิด จะทำการป้องกันตัว หรือเกินกว่าเหตุ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยว จะร้านเลิกแล้วไม่ยอมกลับ หรือร้านเช็กบิลช้า ผมก็ไม่เกี่ยว แต่ผมอยากจะแจ้งทางเจ้าหน้าที่หน่อยครับ มีคนในนั้น ที่เป็นเพื่อนกับแก๊ง 4 บ. มาเก๊า 888 และเป็นกลุ่มเดียวกับเอ็ดดี้ที่หนีคดีอยู่"

     "แหล่งข่าววงในบอกว่า ไปด้วยแต่เพิ่งกลับมา ว่าทำงานอะไรเกี่ยวกับธุรกิจสีอะไร ฝากบิ๊กโจ๊กช่วยเช็กเพื่อความสบายใจของประชาชนหน่อยนะครับ" นายไผ่ ลิกค์ ระบุ

     ขณะที่ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ  สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ออกมาทวีตชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า "สส.จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงกับทีมงานพรรค และทีมงานตัวเองเฉกเช่นเดียวกับลูกค้าปกติทั่วไป เมื่อถึงเวลาปิดร้านก็ไม่ได้มีการข่มขู่ให้ร้านเปิดเกินเวลา ร้านได้ทำการเปิดไฟเพื่อเคลียร์แต่ละโต๊ะ ในขณะที่รอให้พนักงานเข้ามาเก็บโต๊ะ มีชายคู่กรณีเดินเข้ามาในกลุ่มเพื่อขอถ่ายรูปกับกลุ่มของ สส.ด้วยเฉกเช่นแฟนคลับปกติ แต่เมื่อเดินออกไปได้ถีบเก้าอี้จนล้มคว่ำ เหมือนคนเมาขาดสติ สส.จรยุทธเดินมาเห็นเหตุการณ์จึงจับเก้าอี้ตั้งขึ้น และได้เข้ามานั่งข้างน้องรุ้ง ทีมงานของพรรค

     จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้เดินกลับมา ยืนด้านหลังน้องรุ้ง และตั้งใจเอาเข่ากระแทกด้านหลังน้องรุ้งอย่างแรงจนเกือบตกเก้าอี้ จากนั้นเอามือมาบีบคอน้องรุ้งจากด้านหลัง จน สส.จรยุทธต้องหันไปถามน้องรุ้งว่ารู้จักกันหรือไม่ แต่น้องรุ้งปฏิเสธ สส.จรยุทธจึงเอามือไปจับที่แขนของชายคนดังกล่าวขอให้ปล่อยมือจากคอของน้องรุ้ง

     แต่ชายคนดังกล่าวกลับหันมาตบหน้า สส.จรยุทธ ทำให้ สส.จรยุทธลุกขึ้นยืนมองหน้า แต่มีคนเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน ในจังหวะนั้น ชายคนดังกล่าวอาศัยกลับเดินเข้ามาต่อยที่หน้าของ สส.จรยุทธแบบไม่มีสาเหตุ และลื่นล้มลงไปเอง ทำให้ สส.จรยุทธและคนที่มาด้วยกันใช้เท้าถีบเพื่อตอบโต้จากการที่ถูกทำร้ายร่างกาย

     จากนั้นการ์ดของทางร้านก็ได้มาแยกทั้งคู่ออกจากกัน และได้มีการนำทั้งคู่ออกมาพูดคุยกันนอกร้าน แต่ด้วยอารมณ์ที่ผ่านการถูกทำร้ายร่างกายมาทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้มีการใช้กำลังกันด้านนอกร้านอีกครั้ง การ์ดของร้านจึงได้แยกทั้ง 2 ฝ่าย และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมาระงับเหตุและไกล่เกลี่ย ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจเอาความกันและกัน และในการกล่าวอ้างถึง สส.วิโรจน์ ว่าจะมาข่มขู่ร้านก็เป็นเพียงความเชื่อของนักข่าวโดยไร้ข้อมูลรองรับ

     พรรคก้าวไกล ตระหนักถึงการเป็นตัวแทน และแบบอย่างของประชาชนทุกคน ทางพรรคและ สส.จรยุทธรู้สึกเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าทาง สส.จรยุทธจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยการถูกตบหน้าและต่อยหน้าก่อน ก็ไม่ควรใช้กำลังตอบโต้กลับ การมีสติและควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่เป็นผู้แทนของประชาชน ทางพรรคและ สส.จรยุทธ ขอน้อมรับคำตำหนิจากสังคม และพร้อมที่จะเข้ารับการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายและกรรมการวินัยของพรรคด้วยความเต็มใจ

     แต่ในกรณีสำนักข่าวใดๆ ที่เสนอข่าวเกินจริง เจือไปด้วยอคติ พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้ผู้บริหารสำนักข่าว กรุณาอบรมและมีบทลงโทษกับการสร้างความเข้าใจผิดให้แก่พรรคก้าวไกล และส.ส.ของพรรค และโปรดจงเคารพในจรรยาวิชาชีพสื่อ ที่ต้องนำเสนอแต่ข้อเท็จจริงไม่นำความเชื่อ"

     ต่อมา นายจรยุทธ หรือ สส.ต้นกล้า ทวีตแจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนให้ทุกคนได้ฟังนะครับ

     ผมได้ไปดื่มกินที่ร้านอาหารที่ซอยเอกมัย ซึ่งเป็นร้านที่ไปเป็นประจำ โดยในคืนนั้นมีเพื่อนๆ หลายคนไปร่วมด้วย หลังจากร้านปิดระหว่างรอทุกคนออกจากร้าน มีชายคนนึงได้เข้ามานั่งคุยที่โต๊ะพวกเรา หลังจากนั้นได้ลุกขึ้นและถีบเก้าอี้ก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะ หลังจากนั้นไม่นานชายคนดังกล่าวเดินกลับมาที่โต๊ะและเริ่มมีท่าทีคุกคามใส่น้องผู้หญิง จนตัวผมเองที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยกมือขึ้นเพื่อตักเตือน แต่ถูกสวนกลับด้วยการตบที่หน้าอย่างแรง พอผมลุกขึ้นยืนชายคนดังกล่าวได้ต่อยเข้าที่หน้าผมอีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นผมเลยได้ทำการตอบโต้ตามสัญชาตญาณของวิญญูชนคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกาย เรื่องราวทั้งหมดจบลงกันในคืนนั้น ไม่มีการดำเนินคดีจากทั้งสองฝ่าย

     อย่างไรก็ดี ผมต้องยอมรับว่าการกระทำของผมนั้นไม่ถูกต้อง ไม่ควรที่จะตอบโต้กลับไป ไม่ควรใช้ความรุนแรง ในกรณีนี้ผมยอมรับผิดครับ ผมต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจและเลือกผมเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร บทเรียนครั้งนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญมากครับ"

     ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณีนายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล มีส่วนร่วมกับเหตุทะเลาะวิวาทในร้านอาหารย่านเอกมัยว่า #สมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติ #ร่วมทะเลาะวิวาท #ต้องสอบจริยธรรม

     Io พรรคก้าวไกลไม่ต้องมาแก้ตัวแทน เพราะได้ตรวจดูคลิปทั้งหมดแล้ว ก่อนเกิดเหตุและที่มีตัดต่อ และทราบดีว่าเหตุเกิดจากคนเมาเริ่มต้นก่อน แต่อีกฝ่ายเมาหรือไม่เมา ไม่ทราบได้ ถ้านั่งดื่มน้ำเปล่าถึงตี 2 ครึ่ง ก็คงจะไม่เมามั้ง

     สิ่งที่ผมติติงคือ สส. ผิดกฎหมายหรือต้องตรวจสอบจริยธรรมหรือไม่ที่ไปร่วมชุลมุนทะเลาะวิวาทด้วย เพราะความเห็นน่าสรุปได้ว่าผิดทั้งคู่

     แต่ สส. อาจผิดมากกว่า เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ มีประมวลจริยธรรมกำกับตรวจสอบ! ย่อมมิใช่บุคคลที่จะดำรงตนเข้าทะเลาะวิวาทเสียเอง จึงควรผิดมากกว่า?

     ได้ตรวจสอบคลิปวิดีโอจากสื่อแล้ว https://mgronline.com/politics/detail/9660000072531...พบว่า เป็นเหตุจริงที่ถูกคู่กรณีเป็นฝ่ายผิดเริ่มต้นก่อนกับเพื่อนสาว

     แต่ สส.มิอาจอ้างเป็นเหตุป้องกันตัว เพราะมีเหตุวิวาทชกต่อยจากเพื่อน สส.ในการชกต่อยชายชุดดำแล้ว สส.ยังได้เข้าร่วมวิวาทด้วยการไปกระทืบซ้ำ จึงเป็นการสมัครใจเข้าร่วมทะเลาะวิวาท และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 ในการร่วมชุลมุนต่อสู้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง