"บิ๊กตู่" ห่วงตั้งรัฐบาลช้าทำหลายโครงการสะดุด "ภูมิธรรม" มั่นใจตั้ง รบ.สำเร็จ ปัดยังไม่คุยแบ่งเก้าอี้ รมต. รอโหวตนายกฯ ชัดเจนก่อน "พท." ดาหน้าป้อง "เศรษฐา" ไม่เกี่ยวเลี่ยงภาษี 521 ล้าน "อนุสรณ์" ถาม "ชูวิทย์" ทำภารกิจ "ล้มนิดชุบชีวิตใคร" หรือไม่ "พิธา" ร่วมปฐมนิเทศเพื่อนใหม่ธรรมศาสตร์ ชู 3 หลักการ "ประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ความยุติธรรม" ปลุกจิตวิญญาณ มธ. ขอ นศ.กล้าออกนอกกรอบ "ธรรมนัส" โต้ดีลลับนำ สส.ในกลุ่มทิ้ง พปชร.โหวตนายกฯ "ปชป." แบะท่าจับมือ พท. "ชัยชนะ" บอกขอให้ละวางเรื่องในอดีตเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศ
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน ประเด็นความเป็นห่วงสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ หลังเกิดความล่าช้า โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้หันหน้าหนีออกจากวงสัมภาษณ์และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "เรื่องการเมือง ไม่เอาอะ"
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้สมการทางการเมืองปรากฏชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พี่ใหญ่ของ 3 ป. เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้วหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
ถามว่า การตั้งรัฐบาลช้าจะกระทบกับเงินเดือนข้าราชการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีพอใช้พอจ่ายอยู่แล้ว เขามีเงินสำรองที่ใช้ได้ตามกฎหมายในระดับหนึ่ง แต่คิดว่าไม่มีผลกระทบอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือว่าโครงการที่จะทำมันทำไม่ได้ เมื่อเกิดความเดือดร้อนอะไรขึ้นมาก็มีปัญหานั่นแหละ เพราะมันใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างจำกัด ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วใช่ไหม และอย่ามาถามว่านายกฯ มีความเห็นอย่างไร จะได้อะไรอย่างไรเมื่อไหร่ ตอนนี้ไม่ใช่ขั้นตอนที่นายกฯ จะไปเกี่ยวข้องใช่หรือเปล่า
ซักถึงข่าวการย้ายพรรคของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เห็นต้องคุยอะไรนี่ ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายสุชาติบอกว่ามาช่วยงานพรรค รทสช.เพราะมาช่วยงานนายกฯ และบอกด้วยว่าใจเป๋เมื่อนายกฯ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคและวางมือทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบพร้อมเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป
ส่วนนายสุชาติ ปฏิเสธข่าว พล.อ.ประยุทธ์เรียกไปพูดคุยภายหลังมีกระแสข่าวจะย้ายออกจากพรรค รทสช.ว่า ไม่มี ตอนนี้อยู่ตรงนี้ ก็ยังไม่รู้ทิศทางว่าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้การเมืองมันมั่วไปหมด แต่เราก็ต้องมีมารยาท ตนมีมารยาทพอ ยืนยันอีกครั้งว่าตนยังอยู่พรรค รทสช.ไม่ได้ไปไหน แต่มีผู้ใหญ่หลายคนหวังดีที่อยากให้ทำการเมืองไปข้างหน้า บริหารงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป
"ผมบอกตรงๆ ว่ามีคนมาชวนหลายคน แต่เราก็ยังมีมารยาท เพราะเรายังอยู่ตรงนี้ และอีกอย่างเราคิดว่าพรรค รทสช.จะได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ได้ร่วมรัฐบาลก็ไม่รู้ เราก็ต้องอยู่ตรงนี้ จะขยับอย่างไร แต่คนที่ให้ข่าวเขาก็หวังดีกับเรา เขาก็รักเรา มีหลายคนหลายกลุ่ม เห็นเราทำงานดูแลกระทรวงดี เขาเห็นฝีมือการทำงานก็อยากได้เราไปร่วมงาน เขาก็มาชวนว่าไปร่วมรัฐบาลด้วยกันไหม เพราะผมมี สส.หลายคน แต่ข่าวออกว่าผมมี สส.อยู่ 2-3 คน มันก็ดูถูกกันเกินไป ผมไม่อยากพูด" นายสุชาติกล่าว
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่มีกระแสข่าวพรรคต่างๆ เจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น เป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งเลย มีเพียงการพูดคุยว่าถ้าบรรยากาศเป็นเช่นนี้แล้วพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว การที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยมีนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านทั้งหลายเห็นอย่างไร ซึ่งก็ให้ทราบว่าหากยอมรับให้นายเศรษฐาและพรรค พท.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา และตนได้ระบุไปอย่างชัดเจนแล้วว่าวันนี้เรากำลังเลือกนายกรัฐมนตรีบนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤตมามากมายพอสมควร ยิ่งปล่อยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลช้า ก็ยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤตมากขึ้น
ภูมิธรรมมั่นใจตั้ง รบ.สำเร็จ
“ขณะนี้แบ่งกระทรวงไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าจำนวนตัวเลขที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีจำนวนที่ต้องแบ่งเฉลี่ย จนกระทั่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดจึงจะมาแบ่งกระทรวงภายหลังว่าความจำเป็นเป็นอย่างไร และเรายืนยันไปแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้พรรค พท.เป็นแกนนำ สิ่งที่สำคัญคือนโยบายของพรรคที่จะต้องนำมาปรับนโยบายในส่วนอื่นๆ อะไรที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของเราหรือไม่สามารถปรับได้ ก็จะทำให้เกิดความร่วมมือกันยาก ฉะนั้นเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นายกฯ เป็นที่ชัดเจน” นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า หากรอความชัดเจนเรื่องบุคคลที่จะเป็นนายกฯ ก่อน จะนำอะไรมาเป็นการโน้มน้าวพรรคการเมืองให้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราต้องเชื่อมั่นว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมือง ประชาชน และนักการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศที่เราเผชิญมาอย่างน้อย 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ภายนอกประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย เป็นปัญหาที่ไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมากำหนดได้ง่ายนัก ซึ่งต้องเอาปัญหาของประเทศเป็นหลัก หากประเทศรอด ทุกคนก็รอดหมด
ซักว่า ขณะนี้พรรค พท.มั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรม กล่าวว่า "ก็ต้องมั่นใจสิครับ ไม่มั่นใจเราจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้เหรอครับ เราเชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรค พท.ที่มีอยู่ และผลงานที่เคยทำมาแล้ว เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ และความขัดแย้งที่สะสมมากว่า 20 ปี เราเชื่อว่าโดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่อยู่กับความเป็นจริง และใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ละมุนละม่อม ประนีประนอม เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ และสลายความขัดแย้งไปให้ได้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ"
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ช่วงหลังนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคต่างเงียบทั้งคู่ รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ไม่ได้เงียบ ทั้งคู่ก็เดินเข้าพรรคอยู่เป็นปกติ
"เรื่องที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ก็มีการชี้แจงแล้ว ซึ่งคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีคนตรวจสอบอย่างเข้มข้น และถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการตรวจสอบเพื่อที่จะได้เกิดความสบายใจ เพราะเราไม่ได้มีอะไรที่จะปิดบังอำพราง ทุกอย่างที่เราทำไปเราก็มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเรานั้น เราได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนที่จะมีการเสนอชื่ออยู่แล้ว" รองหัวหน้าพรรค พท.ระบุ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองเปิดข้อมูลกล่าวหานายเศรษฐาทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษีว่า จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกฯ คำถามคือ ถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐามีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากรย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ “ล้มนิดชุบชีวิตใคร” หรือไม่
"พรรค พท.ยืนยันนายเศรษฐามีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าว สามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ประเทศไม่ควรขาดรัฐบาลนานเกินไป” นายอนุสรณ์กล่าว
ดาหน้าป้อง 'เสี่ยนิด' ไม่โกง
ถามว่า กลัวกรณีดังกล่าวจะซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.หรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า การนำประเด็นแต่ละประเด็นไปพิจารณามีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถนำไปเทียบได้ว่าใครเคยโดนแล้วคนอื่นจะต้องโดนเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่านายเศรษฐามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้
ซักว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาไม่น่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า พท.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมใดๆ ของแสนสิริ เพราะฉะนั้นเอกสารที่นายชูวิทย์ต้องไปตรวจสอบและไปวัดกับทีมกฎหมายของแสนสิริ รวมถึงไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่บอกได้ว่าเอกสารของนายชูวิทย์เชื่อถือได้หรือไม่ได้
"เท่าที่ติดตามการแถลงของทีมกฎหมายแสนสิริก็ไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว เราต้องคิดตามว่าบริษัทชั้นนำ การทำธุรกรรมต้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว" นายอนุสรณ์กล่าว
เช่นเดียวกับ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า การจะซื้อจะขายที่ดินถือเป็นความสมัครใจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ซื้อทำได้เท่าที่ผู้ขายจะตกลงด้วย เมื่อเป้าหมายของผู้ซื้อคือต้องการที่ดินในราคาที่ตนรับได้ และยอมรับเงื่อนไขของผู้ขาย และเป้าหมายของผู้ขายคือการขายที่ดินออกไปในราคาที่ตนต้องการ โดยยอมรับภาระทางภาษีไว้เอง ไม่เห็นมีตรงไหนที่ผู้ซื้อที่ดินจะทำผิดมาตรฐานจริยธรรม ผิดกับบางคนทำผิดจริยธรรมมาเกือบทั้งชีวิต
ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า เชื่อว่าพี่ๆน้องๆ ในวงการอสังหาฯ หรือคนที่เคยซื้อขายอสังหาฯ กับ developer ต่างๆ คงเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องปกติมากที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายจะทำสัญญาแบ่งกันรับผิดชอบค่าธรรมเนียมหรือภาษีต่างๆ ในแบบที่ตกลงกันไป สามารถแบ่งกันจ่าย หรือให้ใครจ่ายฝ่ายเดียวก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเราจะสนใจที่มูลค่าหรือค่าใช้จ่ายรวมที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว บางครั้งการทำโปรโมชันฟรีค่าใช้จ่าย หรือคือผลักให้ผู้ขายเป็นผู้จ่ายทั้งหมดก็เป็นเรื่องปกติ และอาจมีการไปบวกราคาเพื่อรับโปรโมชันนั้นไว้แล้วด้วยซ้ำ
“การซื้อที่ดินของ developer ก็เช่นกัน เรามักจะมุ่งที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนจากค่าใช้จ่ายสุทธิในการได้มาซึ่งที่ดินอยู่แล้ว ในกรณีนี้ราคาที่ผู้ขายตกลงขาย ทำสัญญาว่ารวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างไว้ที่ผู้ขายแล้ว (ผู้ขายรับผิดชอบทั้งหมด) ผมจึงมองว่าการบริหารจัดการเรื่องภาษีหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ของฝั่งผู้ขายจึงเป็นเรื่องของผู้ขายเองครับ”นายชนินทร์กล่าว
ที่หอประชุมใหญ่ อาคารกิติยาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศและเป็นวิทยากรนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประจำปีการศึกษา 2566 รวมถึงพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ กับนักศึกษาในฐานะศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งก่อนการขึ้นบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาใหม่ นายพิธาได้ร่วมเต้นแจวเรือในช่วงกิจกรรมสันทนาการอย่างสนุกสนาน ซึ่งทางกองสันทนาการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ใช้คำว่า "แจวเรือจะไปสภา ขอเชิญพิธาลุกขึ้นมาแจว"
จากนั้นนายพิธาขึ้นเวทีกล่าวตอนหนึ่งว่า ด้วยความคิดถึงและด้วยความทะนุถนอมที่ตนเคยมีสมัยเป็นนักเรียน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าผู้บริหารหรืออาจารย์จะรู้สึกรักและทะนุถนอมตนเหมือนอย่างที่ตนรักธรรมศาสตร์หรือไม่ เพราะหัวข้อที่ได้มาพูดในวันนี้คือเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ และความยุติธรรม
'พิธา' ปลุกจิตวิญญาณ มธ.
“ใจคออาจารย์จะให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. รวบรวมเสียงได้ 312 เสียง แต่รัฐสภาปัดตกไป ทำให้เข้าบ้านใหม่ที่ชื่อทำเนียบรัฐบาลไม่ได้มาพูดเรื่องนี้จริงๆ เหรอครับอาจารย์ ถ้าเป็นภาษาผม และอาจารย์จะเรียกว่า ปะเหมาะเคราะห์ดี ที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แทนที่วันนี้จะอภิปรายอยู่ในสภา กลับได้มีโอกาสมาเจอกับเพื่อนใหม่ที่ธรรมศาสตร์แห่งนี้ แต่ถ้าเป็นภาษาของเพื่อนใหม่จะใช้คำว่า จังหวะนรก จังหวะโบ๊ะบ๊ะ ที่เลือกหัวข้อให้ผมมาพูดประชาธิปไตย เสรีภาพ และความยุติธรรม” นายพิธากล่าว
หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากจะพูดเกี่ยวกับ 3 หลักสำคัญนี้ที่กลายมาเป็นวิถีก้าวไกล ตั้งแต่เขายุบอดีตอนาคตใหม่ แทบจะไม่ต่างกันเลยในวิธีการทำงานทางการเมืองกับสิ่งที่ธรรมศาสตร์ได้สอนตนมา และไม่ใช่แค่คนคนเดียว แต่คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, นายรังสิมันต์ โรม ที่รวมการตั้งพรรคการเมืองเพื่อให้ 3 คำที่ธรรมศาสตร์ปลูกฝังออกมา เหมือนเป็นธาตุธาตุหนึ่ง เป็น DNA ของพรรคก้าวไกล ซึ่งมีความใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าที่ตนได้เรียนรู้หลังออกจากธรรมศาสตร์ในช่วงเวลาที่เรียนหนังสือ 4 ปี และไปอยู่ในรัฐสภาไทยเป็นเวลา 4 ปี เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสำคัญที่ทำให้มาพบกันในวันนี้
“วันที่ผมนั่งอยู่ในที่ที่พวกคุณนั่งอยู่ ทั่วโลกประชาธิปไตยตอนนั้นเป็นประชาธิปไตยมากกว่า 50% แต่วันนี้ตัวเลขเดิม ความเป็นประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ไม่ว่าจะเป็นประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วถอยหลังหมด ตอนนี้ทั่วโลกเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้แค่ 20%” หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าว
นายพิธากล่าวอีกว่า ประชาธิปไตยที่ตนรู้จัก ระบบทุนนิยมที่รู้จัก เสรีภาพที่รู้จัก กำลังถูกทำลายลง ในขณะที่สิ่งใหม่ที่กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นยังไม่สำเร็จ ตอนนี้เราไม่มีฉันทามติในขณะที่โลกเป็นโลกใบใหม่ เป็นโลกที่เรียกว่า New Normal เป็นโลกที่มีแต่ความปกติ ถ้าเราไม่มีฉันทามติสำหรับความปกติใหม่นั้นว่าประชาธิปไตยที่จริงแล้วคืออะไร สิทธิเสรีภาพคืออะไร และความยุติธรรมคืออะไร ง่ายๆ ประชาธิปไตยคือระบบที่ทำให้ความแตกต่าง ที่ทำให้ความสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยคิดถึง 1 Man 1 Vote ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ยึดโยงกัน ประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในประเทศนี้
"การที่จะเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ เขาแค่ไม่มีเป็นองค์ประชุม คนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่คนเลือกมากที่สุด สามารถจัดตั้งรัฐบาล เป็นตัวแทนกว่า 27 ล้านเสียง เพียงแค่วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ใช่สิ ลากตั้ง แค่ไม่มาประชุม เขาสัญญากับผมว่าเขาเห็นด้วยเสียงข้างมาก และจะโหวตตาม แต่วันที่มีการโหวตจริงกลับอยู่ประเทศญี่ปุ่น อยู่ยุโรป แค่ไม่มาเป็นองค์ประชุมสามารถล้มแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากพี่น้องประชาชนได้ แล้วเราอยู่ในระบบประชาธิปไตยที่บอกว่าคนเท่ากัน” นายพิธากล่าว
หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องย้อนไปที่ความเบ่งบานของประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับทุนนิยมสมัยใหม่ ในขณะที่ประชาธิปไตยต้องการกระจายอำนาจออกให้มากที่สุด กระจายอำนาจ ให้อำนาจประชาธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ขณะเดียวกันทุนนิยมสมัยใหม่ทำให้เกิดการกระจุกตัว ความเป็นธรรมหายไป ไปกระจุกตัวอยู่กับคนไม่กี่คน แม้กระทั่งความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรมที่เข้าสู่อำนาจ ดังนั้นต้องพูดให้ชัดว่าความยุติธรรมคืออะไร ผิดจริงหรือไม่ และเป็นธรรมหรือไม่
"ตาชั่งแกว่งต้องยุติ หยุดแกว่ง หลักการต้องแม่น ทุกอย่างต้องชัด และเมื่อหยุดแล้วต้องเที่ยงธรรม ไม่เอนไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าคุกไว้เพื่อขังคนจน วงเล็บคนที่เห็นต่างกับผู้มีอำนาจ" หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าว
นายพิธาตั้งข้อสงสัยด้วยว่า จะมีศิษย์เก่าอยู่ในการเมืองน้อยเกินไปหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญ 5 ท่านก็เป็นศิษย์เก่าในธรรมศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกัน ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ที่พวกเราต้องช่วยกัน ที่จะต้องเป็นพลังงานของคนรุ่นใหม่ ถึงเวลาที่จะต้องคิดใหญ่ สิ่งที่ตนรู้สึกใช้คำว่าผิดหวังกับตัวเองก็คงไม่ถูก แต่สิ่งที่ย้อนกลับไปได้แล้วทำให้ดีกว่านี้ คือคิดให้ใหญ่กว่านี้ ทำให้ดีกว่านี้ เพราะว่าสมัยที่ตนเรียนตนก็นอนอย่างเดียวเหมือนกัน และรู้สึกว่าอยากจะเรียนให้มันจบๆ เพื่อรับปริญญา แต่สิ่งที่ขาดไปคือความสามารถที่จะคิดให้ใหญ่และคิดให้ลึก และใช้เวลา 4 ปีให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
ช่วงท้ายนายพิธาได้อวยพรให้เฟรชชีทุกคนภายในงานได้ประสบความสำเร็จ ขอให้ทุกคนกล้าคิด กล้าฝัน กล้าที่จะทำอะไรให้ออกนอกกรอบ และคุณต้องอยู่ให้เป็น เพราะถ้าทุกคนอยู่เป็น โลกไม่มีวันเปลี่ยน
ปชป.แบะท่าลืมอดีตร่วม พท.
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ทุกอย่างยังอยู่ในมือของพรรค พท. ที่จะต้องบริหารจัดการ ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็ยิ่งดี พรรค ภท.ได้แจ้งแนวทางและเงื่อนไขให้ทางพรรคพท.ทราบแล้ว ยิ่งจบได้เร็วก็ยิ่งดี ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีดีลลับปฏิบัติการลอยแพพรรค พปชร. โดยระบุชื่อตนเองจะนำ สส.ในกลุ่มไปโหวตนายกฯ ที่เป็นแคนดิเดตพรรค พท.เพื่อหวังร่วมจับขั้วรัฐบาลว่า ขอปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง และยืนยันอีกครั้งหลังจากพรรค พท.เชิญตนและคณะไปหารือเพื่อร่วมหาทางออกประเทศ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. จนถึงขณะนี้ ตนยังไม่ได้รับการติดต่อหรือประสานงานจากตัวแทนพรรค พท.ในเรื่องร่วมจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีดีลลับอะไร
"ผมยึดมั่นการทำงานของพรรคตามแนวทางของหัวหน้าพรรคและมติพรรค ขออย่าพยายามโยงหรือสร้างกระแสตีข่าวที่ไม่มีข้อเท็จจริงเลย เพราะไม่มีเรื่องงูเห่าในพรรค พปชร.เกิดขึ้นอย่างแน่นอน สส.ทุกคนมีความรักและเป็นหนึ่งเดียว" ร.อ.ธรรมนัสระบุ
ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคปชป.จะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพท.ว่า จุดยืน ปชป.ชัดเจน พรรคการเมืองใดที่สนับสนุนแก้ ม.112 เราไม่สนับสนุนเป็นนายกฯ วันนี้เมื่อการจัดตั้งรัฐบาล พรรค ก.ก.ออกมาแล้ว ก็ต้องไปดูว่าบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯมาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ หากไม่มีนโยบายเรื่องนี้ แบบนี้ก็โอเค เราก็อาจกลับมาคุยกันว่าเป้าหมายในการพัฒนาประเทศชาติเขาเป็นอย่างไร
"ลำดับแรกต้องหารือกันในที่ประชุม สส.ของพรรคก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย เราก็เดินหน้าโหวตให้เขา แต่เรื่องนี้พูดเองคนเดียวไม่ได้ แต่อย่างที่ได้บอกหลักไปแล้วข้างต้น เราก็ต้องไปหารือกันในที่ประชุม สส. แต่ส่วนตัวผมเองผมไม่ติดขัด ซึ่งก็ต้องเป็นมติพรรค ซึ่งโดยหลักการมันเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่ธรรมเนียมของปชป. เราจะมาประชุมร่วมกันหารือร่วมกันแล้วก็ไปในแนวทางเดียวกัน" นายชัยชนะกล่าว
ถามว่า ที่ผ่านมา ปชป.ต่อสู้กับ พท.มาตลอดหลายปี หากวันนี้จะไปจับมือร่วมงานการเมืองกันจะบอกกับแฟนคลับพรรคอย่างไร รักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป.กล่าวว่า หากเรายึดถือแต่เรื่องในอดีตแล้วประเทศจะมีทางออกไหม วันนี้ประเทศต้องเดินไปทางไหนก่อน เราบอกว่าเราจะลดความขัดแย้งในประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าเรานึกถึงแต่อดีต ประเทศมันเดินไปไม่ได้ แล้ววันนี้พรรค พท.ไม่ใช่ตัวคุณทักษิณ พรรคเพื่อไทยคือคุณเศรษฐา ถูกหรือไม่ แต่ พท.ไม่ใช่ตัวทักษิณที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกหรือไม่
“ผมถามกลับไปว่าเอฟซีที่บอกเป็นเอฟซี ปชป. ทำไมคะแนนพรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมาเหลือ 9 แสนคะแนน เราไม่เคยร่วมกับ พท.มาก่อนเลย ทำไมเหลือ 9 แสนคะแนน ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นเอฟซีคะแนนพรรคทั่วประเทศต้องไม่เหลือ 9 แสนคะแนน คะแนนเราเคยได้ 10 กว่าล้านเสียง ตอนเลือกตั้งปี 2562 คะแนนเหลือ 3.9 ล้านคะแนน แต่เลือกตั้งรอบนี้เหลือ 9 แสนคะแนน การตัดสินใจเรื่องนี้เราจะยืนอยู่บนหลักทางออกของประเทศ และยังสามารถตอบทุกคำถามของเอฟซีผู้สนับสนุนพรรคได้” รักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป.กล่าว
ถามว่า ในพรรค ปชป.อาจมีคนไม่เห็นด้วยถ้าไปร่วมตั้งรัฐบาลกับ พท. นายชัยชนะกล่าวว่า การเมืองมันไม่มีใครเห็นตรงกันหมด 100% มันต้องมีคนที่เห็นแตกต่าง แต่การเห็นต่างเราต้องมายอมรับและแก้ไขปัญหากันว่าความเห็นต่างมันคืออะไร คุณเห็นแบบนี้ แต่ผมเห็นแบบนี้ แล้วแบบนี้เราจะมาสงวนความเห็นและมาหาจุดร่วมด้วยกัน มาดูกันว่าจุดร่วมกันคืออะไร และเป้าหมายเราคืออะไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ตั้ง‘โต้ง’19พ.ย. ดี๊ด๊าคุมธปท.ฝ่าเสียงต้าน สถิตย์การันตีล้วงลูกไม่ได้
"กิตติรัตน์" ดี๊ด๊า! แชร์ข่าวได้นั่ง "ปธ.บอร์ด ธปท." ระบุทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ
นัดถกบอร์ดศก. ปล่อยกู้7หมื่นล. สางหนี้-ซื้อบ้าน
นายกฯ นัดถก "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ" ครั้งแรก 19 พ.ย.นี้
เรียก‘พื้นที่อ้างสิทธิ’เลิกใช้‘ทับซ้อน’
เลขาฯ กฤษฎีกาชี้ชัดยกเลิก "เอ็มโอยู" ฝ่ายเดียวได้แต่ไม่ควร
รบ.โต้ขัดแย้งเขากระโดง คลอดพรฎ.แก้พิพาทที่ดิน
แกนนำรัฐบาลประสานเสียงปมที่ดินเขากระโดง ไม่สร้างขัดแย้ง "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย"
อิ๊งค์อยู่ครบเทอม พท.ชิ่งก๊วนมาม่า
“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นกลางวงประชุมทูตภาคพื้นอเมริกา บอกรัฐบาลมั่นใจอยู่ครบเทอม
อสส.ชงศาลรธน.คดีล้มล้างฯ
อัยการสูงสุดส่งเอกสารปม “ธีรยุทธ” ร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครอบงำ-ล้มล้างให้ศาลแล้ว