สว.ไล่บี้‘เศรษฐา’ กังขาแก้112-เลี่ยงภาษี/ดักคอพท.ทิ้งก.ก.ปล้นอำนาจปชช.

ประชุม 8 พรรคโอละพ่อ!   ภูมิธรรมพลิกลิ้นบอกยังไม่รู้นัดวันไหน   ส่วนบิ๊กก้าวไกลสุดมึนรู้ผ่านข่าว ท่องคาถา 8 พรรคจับมือแน่นไม่มีโอกาสพลิกขั้ว “วิโรจน์” ตีกัน พท.หากไฮแจ็กเสียงประชาชน กำแพงคนเสื้อแดงจะพังครืน “ศิธา” ขย่มซ้ำจับมือพรรค 2 ลุงจะหนักกว่า พ.ร.บ.สุดซอย “สุทิน” รีบแก้ตัวแทนพ่อค้าขายบ้านปม 112 บอกมีจุดยืนเหมือนพรรคเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “ประภัตร” ชี้การเมืองเรื่องเจรจาผลประโยชน์เป็นไปได้ทุกสูตร “วราวุธ” แย้มสูตร 265 กระหึ่ม! ไร้ก้าวไกล-ไร้ 2 ลุง สว.แบะท่าให้พรรคที่ 3 จัดตั้งหรือนายกฯ คนนอก

เมื่อวันอังคารที่ 1 ส.ค.2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า ยังอยู่ในกระบวนการนัดหมาย ทางผู้ประสานงานยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบ จึงยังไม่รู้ว่า 8 พรรคจะประชุมกันวันไหน หากทราบแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป  

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายภูมิธรรมได้ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นจะนัดประชุม 8 พรรคร่วม วันที่ 2 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล  (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม 8 ร่วมในวันพุธที่ 2 ส.ค.ว่า ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน รอพรรค พท.แจ้งมา ทราบจากข่าวว่ามีการประชุมจากสื่อมวลชน แต่ยังไม่ได้นัดหมายหรือเชิญเป็นทางการ และได้สอบถามกับทางพรรคเพื่อไทย ก็ได้รับการแจ้งกลับว่าจะมีการประชุม แต่ยังไม่ได้ระบุเวลาเช่นกัน

เมื่อถามถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.มีการเปรียบเทียบเหมือนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค ก.ก. เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่ง สว.หลายคนระบุว่าจะไม่โหวตให้จะกลับมาวนลูปเดิมหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า สว.อาจมีหลายเหตุผลที่ยกมาเป็นข้ออ้าง แต่ต้องเรียนว่าเรายังเชื่อมั่นว่าหาก 8 พรรคการเมืองจับมือกันแน่น การพลิกขั้วรัฐบาลคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ

ถามย้ำว่า กระแสตอนนี้ การมองว่าจะพลิกขั้วรัฐบาลให้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน นายชัยธวัชกล่าวว่า รอคุยดีกว่า ตอนนี้คิดว่าพรรค พท.ก็แค่รอให้นัดเวลาหารือชัดเจนเท่านั้น  

 นายชัยธวัชยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่าพรรค ก.ก.จะโหวตนายกฯ ให้พรรค พท.และถอยมาเป็นฝ่ายค้านว่า ยังไม่เคยมีการคุยกัน รอให้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะมีข้อเสนออะไรเราคงต้องไปหารือกันในที่ประชุม สส.ของพรรค  

เมื่อถามถึงการโหวตนายกฯ จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 ส.ค.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า วันที่ 4 ส.ค. มีการนัดประชุมไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจะส่งผลกระทบหรือไม่ แต่วันที่ 4 ส.ค.ไม่ได้มีการเลือกนายกฯ อย่างเดียว แต่มีวาระการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ สว.ในการเลือกนายกฯ ที่พรรคเสนอด้วย

ขณะที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก.ก้าวไกล ในฐานะคณะเจรจาเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เดินทางเข้ามาทำการที่พรรคในเวลา 12.00 น. โดยได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการนัดประชุม 8 พรรคด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ยังไม่ได้รับแจ้ง  พร้อมกับเดินเข้าอาคารทันที

ส่วนนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ยืนยันว่า หากพรรค พท.กับพรรค ก.ก.แพ็กกันแน่น การจัดตั้งรัฐบาลสูตรอื่น หรือการไฮแจ็กหรือการปล้นอำนาจประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือข่าวลือว่าจะทรยศหักหลังประชาชน เป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก

ก้าวไกลแบะท่ายื้อยาว

 “มันยากแบบเป็นไปไม่ได้เลย เพื่อไทยก้าวไกลจับกัน 290 เสียง พรรคอื่นได้เท่าไร สว.ก็มาโหวตงบประมาณไม่ได้ รัฐบาล 260 เสียงจะอยู่อย่างไร คุณจะได้กระทรวงอะไร ภายใต้รัฐบาล 260 เสียง การเจรจาถูกต่อรองหนักอยู่แล้ว จะได้กระทรวงที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริงหรือ เผลอๆ เศรษฐกิจแย่กว่านี้อีก ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่พาตัวเองไปสู่มุมอับทางการเมืองแบบนั้น” นายวิโรจน์กล่าว

เมื่อถามว่า มีการมองว่าพรรคเพื่อไทยใช้วิธีการนัดประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกระชั้นชิด เป็นการมัดมือชกหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ทุกอย่างก็กระชั้นชิด จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ทุกคนทำงานแข่งกับเวลาหมด จึงบอกว่าทุกวันนี้อย่าเร่งตัวเองจนเกินไป ฝ่ายขัดขวางยังไม่เห็นจะเร่งตัวเองเลย เวลาเดินหน้า มันก็หมดอำนาจไปเรื่อยๆ เขายังไม่เห็นเร่งเลย ดูอย่างประเทศสเปน เยอรมนี และเบลเยียม เชื่อว่า 8 พรรคร่วม เวลาผ่านไปอำนาจต่อรองเพื่อขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกฝ่ายก็ลดลงเรื่อยๆ รอวันสูญสิ้นอำนาจ

ถามถึงกรณี สว.มีการหารือกับเรื่องไม่โหวตให้นายเศรษฐา เพราะไปหาเสียงว่าจะแก้ไขมาตรา 112 เช่นเดียวกับนายพิธาเช่นกัน นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องปล่อยวาง คนเหล่านี้ขัดขวางเสียงของประชาชน พออ้างเรื่องหนึ่งแล้วก็อ้างเรื่องสองไม่รู้จักจบจักสิ้น อย่าไปหวังพึ่งใคร หวังพึ่งพ่อตนเองดีกว่า ง่ายกว่า จุดธูปอธิษฐานถึงพ่อเยอะๆ เดี๋ยวพ่อก็ช่วย

เมื่อถามย้ำว่า นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ออกมาระบุว่าคนที่จะเป็นนายกฯ มี 2 คนคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าเพื่อไทยจะทำแบบนั้น สมมติว่าพรรค พท.ให้ ภท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ พปชร.มาร่วม โดยสบโอกาสอ้างว่าจำใจต้องร่วม อย่างไรก็โดนด่าอยู่ดี ประชาชนดูออกว่ามีการเตรียมการและไหลไปรวมกันภายหลัง สุดท้ายพรรค พท.จะไม่ได้นายกฯ กระทรวงสำคัญก็ไม่ได้ และโดนประชาชนด่าหนักกว่าเดิม

 “ถ้าทำแบบนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วดึง 2 ลุงมาร่วมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า แต่ผมเชื่อว่าไม่ทำ ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับว่าทิ้งคนเสื้อแดงที่เป็นเพื่อนแท้ เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับคุณมานับสิบปี ไม่มีใครรักพรรคเพื่อไทยเหนียวแน่นเท่ากับคนเสื้อแดงอีกแล้ว  ยากมาก คุณเฉือนเพื่อนคุณเพื่อเข้าสู่อำนาจ จะอ้างว่าเพื่อชาติอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว” นายวิโรจน์กล่าว

เมื่อถามว่า หากพรรค พท.ดึงพรรค ภท., พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมรัฐบาล แต่ไม่มีพรรค 2 ลุง พรรค ก.ก.จะร่วมได้หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องมาพูดคุยเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ซึ่งเราก็ต้องยอมรับอย่างใน MOU ต้องตัดบางเรื่องออกไปเลย มันก็ต้องยืดหยุ่นกัน

ถามต่อว่า หากไม่มีพรรคลุง พรรคก้าวไกลพร้อมโหวตให้และไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เป็นหลักการที่บอกว่าปิดสวิตช์ สว. แต่การปิดสวิตช์ สว.เป็นการเชิญชวน สส.ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลมาโหวต ไม่ให้ สว.เข้ามาแทรกแซง ซึ่งกระแสที่เกิดขึ้นคือยอมให้ สว.แทรกแซง ยอมจำนนต่อ สว.แบบนี้เรียกว่าปิดสวิตช์พรรคก้าวไกล ใครจะไปโหวตให้ไม่มีทาง จะหักหลังพรรคก้าวไกลแล้วให้ไปโหวตให้เป็นไปไม่ได้ พรรคการเมืองที่อาวุโสขนาดพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไรที่มันลับๆ ล่อๆ แบบนี้

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณี สว.ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ในเรื่องมาตรา 112 ว่า เท่าที่จำได้คือนายเศรษฐามีจุดยืนเดียวกับพรรค พท.ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอะไรกับมาตรา 112 เพราะเวลานี้ต้องมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจประชาชนฟื้นฟูฐานะของประเทศ การจะทำเช่นนี้ได้ต้องสร้างบรรยากาศความสามัคคีของคนในชาติ ลดความขัดแย้งให้สถานการณ์นิ่งพอสมควร ดังนั้นยืนยันว่านายเศรษฐาไม่มีจุดยืนที่แตกต่างไปจากพรรค

ชี้เศรษฐาพร้อมโชว์วิสัยทัศน์

เมื่อถามว่า สว.อยากให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์ก่อนโหวต นายสุทินกล่าวว่า อยู่ที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาตหรือไม่ แต่ตามข้อบังคับการประชุไม่ได้มีกำหนดไว้ว่าต้องแสดงวิสัยทัศน์ และนายเศรษฐามีความต่างจากแคนดิเดตคนอื่น เพราะไม่ได้เป็น สส. ในวันโหวตเขาอาจไม่อยู่ในสภา การให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์จึงต้องขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภา และมั่นใจว่าหากต้องแสดงวิสัยทัศน์นายเศรษฐาสามารถทำได้ดี

เมื่อถามถึงดีลตั้งรัฐบาลที่ออกมาต่างๆ นานา มองอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา จึงไม่ทราบเรื่องดีล แต่จากการถามความคืบหน้าของทีมเจรจา ทราบเพียงว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ภายใต้ข้อจำกัดที่แต่ละฝ่ายมี ไม่ว่าจะเป็น สส.และ สว.ที่ต่างแสดงท่าทีของตัวเองออกมา มั่นใจว่าพรรค พท.ประสานทุกอย่างได้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่มีและสามารถเดินหน้าประเทศได้

นายสุทินยอมรับว่า กังวลเรื่องศาลรัฐธรรมนูญว่าจะพิจารณารับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยหรือไม่ และจะมีคำสั่งให้ชะลอกระบวนการเลือกนายกฯ หรือไม่ หรือว่าจะชี้ไปทางไหนมากกว่า ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าสามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซ้ำได้ ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม 8 พรรคจะมีความเห็นอย่างไร แต่หากไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ พรรค พท.ก็พร้อมดำเนินการต่อ คือเสนอชื่อนายเศรษฐา 

ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. และรองเลขาธิการพรรค ก.ก. ระบุพรรคก้าวไกลไม่โง่ตามเกมสกปรกลักหลับบีบ 151 เสียงโหวตว่า น่าเสียดายที่นายพิธาไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกิน 376 เสียง ถ้าทำได้ตั้งแต่ครั้งแรกป่านนี้ประเทศไทยคงได้คณะรัฐมนตรีมาบริหารประเทศแล้ว ใครจะพูดอะไรก็เป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ลืมว่า 141 เสียงของพรรค พท.โหวตให้นายพิธา 100% เต็ม ไม่มีแตกแถวแม้แต่เสียงเดียวทุกครั้ง แม้ถึงวันนี้พรรค พท.มีที่นั่งห่างจากพรรค ก.ก.เพียง 8 ที่นั่ง และมีแนวโน้มห่างใกล้เข้ามาอีก แต่พรรค พท.ก็สนับสนุน ก.ก.ด้วยดีมาตลอด แม้แต่กรณีโหวตรองประธานสภาฯ จากพรรค ก.ก.ก็ 141 เสียงเต็มพิกัด

“ความกลัวทำให้เสื่อม อย่ามัวแต่ฟาดงวงฟาดงา ถ้าพอมีเวลาลองไปถอดบทเรียนจากผลนิด้าโพลที่ชี้ประชาชนมองพรรค ก.ก.ผิดพลาด เพราะไม่ยอมยกเลิกบางนโยบาย ไม่ใช่ไปโทษทุกคน แล้วตัวเองไม่ยอมปรับตัว สิ่งใดทำผิดก็ปรับแก้ทำใหม่ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหาเลย เพียงแต่จะนำข้อหารือจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุม 8 พรรคให้ได้ร่วมกันตัดสินใจ ไม่ควรมีใครใช้วิธีขอเสียงสนับสนุนไปด่าไป เราจะขอเสียงจากเขา โดยไม่คุยกับใครเขาเลยได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์ที่มีข้อจำกัด ขอให้เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ” นายอนุสรณ์กล่าว

ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี สส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ฉากทัศน์ที่ผู้บริหารพรรค พท.พยายามเขียนเสือให้วัวกลัวจนขี้หดตดหาย คือ 188 เสียงจะซื้องูเห่า,  ประชาชนจะอดตายอยู่แล้ว, ถ้าตั้งรัฐบาลช้าลุงจะกลับมา ฯลฯ แต่ประชาชนไม่ได้กินหญ้า จึงรู้ว่า 14 พ.ค. ฝ่ายประชาธิปไตยชนะอย่างราบคาบ ผลโหวตที่ออกมาคือการจับเผด็จการลงหลุมปิดผ้ายันต์บังสุกุลเรียบร้อยแล้ว แต่คนที่ไปปลุกผีให้คืนชืพ กลับมาหลอกหลอนได้อีก กลับกลายเป็นพรรคเพื่อไทย พี่ใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่แกว่งมัดรวมกันไว้ 312 เสียง ดังที่เคยเสนอให้ทำ Advance MOU ย่อมเหมือนเราได้มากกว่าเป้าแลนด์สไลด์ 310 ถึง 2 เสียง ประชาธิปไตยแข็งแรงเกินคาด ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ก็อยู่ได้อีกไม่ถึง 1 ปี เพราะเกินวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ต้องเลือกนายกฯ ใหม่ เผด็จการก็แพ้ราบคาบ เลือกนายกฯ ใหม่ สว.ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว เพราะเกินวาระ ที่เหลืออายุอีกแค่ 10 เดือนก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านเก่ากันหมดแล้ว 188 เสียง ก็แพ้ราบคาบอีก

หนักกว่า พ.ร.บ.สุดซอย

“ถ้าเพื่อไทยนำคะแนนเสียงของประชาชนที่ออกไปโหวตลงคะแนนให้เพื่อไปไล่เผด็จการ กลับไปทูนหัวใส่พานมอบคืนให้พรรค 2 ลุง มันเหมือนการปลุกผีขึ้นมาจากหลุมอีกครั้ง ประชาชนไม่มีสิทธิ์รู้เลยว่าพรรคที่กลายพันธุ์ไขว้ข้ามขั้วจะเป็นซอมบี้ไปด้วยหรือไม่ อำนาจเผด็จการที่เดิมอยู่ได้ไม่ถึง 10 เดือน เมื่อได้กำลังเสริมอีก 141 เสียง จะได้ต่ออายุออกไปอีก 4 ปี  8 ปี 16 ปี หรือตลอดไป ไม่มีใครรู้ที่สิ้นสุดว่าเผด็จการครองเมืองไปอีกนานแค่ไหน เดิมพันนี้สูงยิ่งนัก สูงกว่า พ.ร.บ.สุดซอย เพราะมันไม่ใช่ทางตัน แต่มันจะทะลุลงถนน โดยศรัทธาประชาชนที่เคยรักเคยเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กคุ้มครองให้อาจหายวับไปในชั่วพริบตา” น.ต.ศิธาระบุ

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พท.เตรียมตั้งรัฐบาล 265 เสียง โดยไม่มีพรรคก้าวไกล และพรรค 2 ลุง ว่าสูตรการเมืองมีได้หลายสูตร เกิดได้จากหลายกลุ่มหลายคน และเกิดได้ทุกสูตร เพราะเป็นเรื่องของตัวเลข แต่ต้องรอดูว่าพรรค พท.ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะสรุปออกมาอย่างไร และเวลานี้ยังไม่รู้จะชัดเจนอย่างไร ยังตอบไม่ได้ว่าสูตรดังกล่าวจะเกิดได้หรือไม่

วันเดียวกัน ที่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดบ้านทรงไทย จัดงานวันเกิดเนื่องในวันครบ 74 ปี วันที่ 1 ส.ค. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายประภัตรกล่าวถึงการขอพรวันเกิดว่า ได้ขอ 3 ข้อคือ 1.ขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง 2.ในทางการเมืองขอให้ยิ่งใหญ่สมหวัง และ 3.ขอให้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราอยากเห็นน้ำต้องพอให้พี่น้องทำเกษตรกรรมได้ และขอให้ราคาพืชผลทางการเกษตรขึ้น

เมื่อถามว่า แล้วไม่ขอเป็นรัฐบาลหรือ  นายประภัตรกล่าวว่า ก็ต้องสอดคล้อง เพราะการเป็นรัฐบาล น้ำก็มาเยอะขึ้น ก่อนหัวเราะลั่น

นายประภัตรยังกล่าวถึงการไปร่วมงานวันเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกงว่า ไปในฐานะเพื่อนเก่าที่ผูกพัน ไปให้กำลังใจในฐานะเพื่อน ซึ่งนายทักษิณพูดถึงสถานการณ์ที่จะกลับมาเยี่ยมหลาน ส่วนแนวทางการกลับบ้านนั้น นายทักษิณบอกว่าจะมาเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และลงที่สนามบินดอนเมือง หลังจากนั้นไปศาล และหากจะไปเข้าคุกยินดีปฏิบัติ ซึ่งการไปพบนายทักษิณนั้นไม่มีการพูดถึงดีลการเมืองใดๆ เป็นการเล่าความหลังมากกว่า เพราะต่างคนต่างอายุเยอะแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองนั้นในวันที่ 4 ส.ค.จะรู้ว่าการเมืองเป็นอย่างไร

 “ทุกวันนี้ ถามใครก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ถึงความชัดเจนว่าใครจะรวมตัวเป็นรัฐบาล แม้แต่ผมยังตอบไม่ได้ เพราะไม่มีการประชุมพรรค จึงไม่ทราบว่านายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ชทพ.มีแนวทางอย่างไร” นายประภัตรกล่าว

เมื่อถามว่า ล่าสุดที่คุยกับพรรค พท.สัญญาณทิศทางการเมืองเป็นไปในทิศทางบวกระดับใด นายประภัตรกล่าวว่า เป็นไปในทิศทางบวก พรรค ชทพ.เป็นพรรคเล็ก ไม่มีปัญหากับใคร ไม่มีศัตรู หรือเป็นอริกับใคร ส่วนจะเป็นพรรคเนื้อหอมหรือไม่ ไม่ทราบ แต่วันนี้กลิ่นตัวแรง รับแขกเยอะ

ชี้การเมืองเรื่องผลประโยชน์!

เมื่อถามถึงกรณีที่คลิปของนายเศรษฐาระบุหนุนแก้มาตรา 112 หากเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกฯ พรรค ชทพ.จะยอมรับได้หรือไม่ นายประภัตรกล่าวว่า ไม่ได้พูดกันถึงจุดนั้น รอฟังพรรค พท.และพรรค ก.ก. ที่จะประชุมร่วมกัน 8 พรรคเสียก่อนว่ามีแนวทางอย่างไร แล้วจะรอรับฟังประชุมภายในพรรค ชทพ. ส่วนสูตร 8+2 ที่ออกมาจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น การเมืองอะไรเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง จากประสบการณ์ที่มีมา การเมืองเป็นเรื่องการเจรจาตกลง เรื่องผลประโยชน์ว่าใครจะทำงานอะไรได้ ดังนั้นไม่ต้องสนใจว่าสูตรนั้นจะมีหรือสูตรนั้นจะมา ซึ่งไม่มีใครรู้จริง เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.จะฉลุยหรือไม่ ไม่แน่ใจ พรรค ชทพ.เป็นพรรคเล็ก แค่ 10 เสียง ดังนั้นต้องฟังพรรคใหญ่ก่อนว่าตกลงกันอย่างไร

 “เรา 10 เสียง เป็นตัวไปร่วมกับเขา หากนโยบายไปกันได้ ส่วนจะได้โควตารัฐมนตรีถึง 2 ที่หรือไม่นั้น ยังไม่เคยคุยกันเพราะไม่รู้ว่าจะโหวตนายกฯ กันกี่ร้อยเสียง ทั้งนี้ สูตร 8+2 ผมไม่รู้ เห็นเขาเชิญไปคุยทุกพรรค เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเขาจะเอาแค่ 2 พรรค ดังนั้นเป็นไปไม่ได้” นายประภัตรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคก้าวไกลไปด้วยกันได้หรือไม่ นายประภัตรกล่าวว่า หัวหน้าพรรคพูดชัดเจนว่าไม่มีการแก้มาตรา 112  หากพรรคก้าวไกลยืนกรานว่าจะแก้ ปรับปรุง ปฏิรูป มาตรา 112 ชัดเจนว่าไปด้วยกันไม่ได้

ขณะที่นายวราวุธกล่าวถึงความคืบหน้าในการพูดคุยกับพรรค พท.ว่า ยังรอฟังข่าวและความชัดเจนจากพรรค พท.อีกครั้ง ซึ่งเห็นใจพรรค พท.ในภารกิจสำคัญ ที่ต้องรับฟังเสียงทุกฝ่าย และหาเสียงเพิ่มเติมเพื่อให้การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.ผ่านไปได้ด้วยดี แต่พรรคขอย้ำจุดยืนด้วยว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกฯ ยินดีสนับสนุน หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้พูดคุยเมื่อ 23 ก.ค. พรรคไม่เกี่ยงที่จะได้ทำงานเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่การทำงานต้องมีทัศนคติและนโยบายที่ตรงกัน

เมื่อถามถึงสูตรตั้งรัฐบาล 8+2 ที่มีชื่อพรรค ชทพ.เข้าร่วม ล่าสุดถูกทาบทามแล้วหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ไม่ว่าจะสูตรใด ขอย้ำจุดยืนของพรรคที่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะแนวทางการทำงานและนโยบาย ทัศนคติ อุดมการณ์ต้องทิศทางเดียวกัน และพรรคยืนยันในจุดยืนเรื่องไม่แตะต้องการแก้ไขมาตรา 112 เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนสูตรที่ระบุว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านนั้น ผมมองว่าการเมืองอาจจะเปลี่ยนแนวความคิดได้ แต่พรรคการเมืองไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงแนวคิด แนวทางหรือไม่ หากเปลี่ยนแนวคิดก็ทำงานกันได้  แต่หากยึดแนวทางเดิมก็ยาก อย่างไรก็ดีสูตรตั้งรัฐบาลในความเห็นของพรรคชาติไทยพัฒนา คือไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนที่ใครจะเอาใคร ไม่เอาใคร นั้น ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลด้วย เพราะการลงคะแนนเลือกนายกฯ  นั้นต้องใช้เสียง 750 เสียงไม่ใช่ 500 เสียง ดังนั้นต้องคำนวณว่าหากไม่มีลุงหรือไม่มีเรา การลงคะแนนโหวตนายกฯ เป็นอย่างไร” นายวราวุธกล่าว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณีที่มีคลิปของนายเศรษฐาระบุแนวคิดแก้มาตรา 112 นายวราวุธกล่าวว่า ต้องรอฟังความชัดเจนจากพรรค พท.ในวันโหวตนายกฯ  ว่าจะเสนอชื่อบุคคลใดเป็นนายกฯ และมีแนวทางร่วมรัฐบาลกับจับมืออย่างไร ซึ่งขอให้พรรค พท.ชัดเจนก่อน จนถึงขณะนี้พรรคยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะโหวตอย่างไร เพราะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยมี 3 คน ดังนั้นคนที่จะเสนอชื่อต่อรัฐสภาต้องชี้แจงกับสังคม แต่เมื่อยังไม่ถึงจุดยืน ก็ไม่ตีตนก่อนไข้

เมื่อถามว่า มั่นใจว่า 4 ส.ค.จะได้นายกฯ คนใหม่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ยังเชื่อมั่นเช่นนั้น แต่ขณะนี้ยังมีเวลาอีก 2-3 วัน ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป แต่หากไม่ได้นายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค. ต้องพิจารณาว่าจะแก้ไขเยียวยาอย่างไร เพราะหากพูดไปตอนนี้ ประชาชนอาจตกใจและกระทบต่อภาคเอกชนหรือนักลงทุนได้

ท็อปบอกสูตร 265 หนาหู

นายวราวุธยังกล่าวถึงสูตรตั้งรัฐบาล 265 เสียง โดยไม่มีพรรค ก.ก., พปชร.และ รทสช. ว่าได้ยินสูตรดังกล่าวมาเหมือนกัน มีข่าวลือมาเข้าหู ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ เท่ากับว่ารัฐบาล 265 ฝ่ายค้าน 235 ซึ่งหมายความว่าเสียงข้างมากในสภาต้องยึดมั่นกันทำงานให้ดี เพราะจะมีความอ่อนไหวพอสมควร และการที่จะให้เสียงมาได้ครบ 376 ที่นั่ง เป็นการบ้านของพรรค พท.ว่าจะหาเสียงมาเติมได้อย่างไร เพราะไม่มั่นใจว่า สว.ให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร

“ยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่ผมได้ยินข่าวลือลอยมาเหมือนกัน เพราะมีคนนั้นคนนี้เริ่มมีพูดถึง แต่ยังไม่ได้รับการพูดคุยอย่างเป็นทางการจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง” นายวราวุธกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อเสียงหมิ่นเหม่เช่นนี้ มองว่าความเป็นไปได้มีมากน้อยเพียงใด นายวราวุธกล่าวว่า ย้อนกลับไปการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 รัฐบาลก็เสียงปริ่มน้ำเช่นกัน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความเข้มแข็งมากขึ้นจนจบสมัย

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ.ย้ำว่า พรรค ชทพ.จะไม่ทำงานกับพรรคใดที่มีแนวคิด ลบหลู่ ดูหมิ่น หรือด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนโยบายที่พูดคือการกระทำและเจตนารมณ์ที่พรรคและสมาชิกแสดงออกมาสม่ำเสมอ ซึ่งนโยบายหรือแนวคิด อุดมการณ์ ต้องไม่บั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะที่ผ่านมา ปัจจุบัน หรืออนาคต แม้จะพูด แต่ต้องดูการกระทำด้วย

เมื่อถามว่า รับได้หรือไม่ที่นายเศรษฐาพูดว่าสนับสนุนแก้ไขมาตรา 112 น.ส.กัญจนากล่าวว่า หากนายเศรษฐาพูดต้องชี้แจง แต่ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอแคนดิเดตนายกฯ ชื่ออะไร ดังนั้นหากเป็นนายเศรษฐา ต้องชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อไป

นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 4 ส.ค.ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายสร้างสตอรีแทงข้างหลัง ถีบพรรคนั้นพรรคนี้ แต่ สว.มีหน้าที่ต้องโหวตเลือกนายกฯ โดยยึดรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ที่ผู้ถูกเสนอชื่อต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ที่จะถูกเสนอชื่อนั้น ยังมีข้อน่าสงสัยตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองระบุเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี ถ้าเป็นเช่นนี้ สว.จะรับรองได้อย่างไร ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ได้เสียงข้างมากแล้ว สว.ต้องเลือก แต่ สว.ต้องเลือกนายกฯ ที่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นในวันดังกล่าวประธานรัฐสภาต้องให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภามีโอกาสซักถาม จะให้ สว.เลือกโดยไม่แสดงวิสัยทัศน์ไม่ได้ ถ้านายเศรษฐาไม่แสดงวิสัยทัศน์ใดๆ สว.จะถามเองถึงแนวคิดการบริหารประเทศ ทั้งเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้มีความชัดเจนประเด็นเหล่านี้ก่อนตัดสินใจลงมติ เพราะ สว.มีหน้าที่ต้องเลือกคนดีที่ไม่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160

 “การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. ไม่น่าเรียบร้อย จะมีปัญหาถกเถียงพิจารณาเรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา160 หนักเข้าอาจต้องส่งไม้ต่อไปที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคอันดับ 3 ในที่สุดอาจนำไปสู่การโหวตนายกฯ ตามมาตรา 272 วรรคสอง หรือนายกฯ คนนอก เพราะพรรคก้าวไกลยังเกาะพรรคเพื่อไทยอยู่ แม้ยอมไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ถ้าทำได้ก็ทำไปเลย แหกตา สว.ไม่เป็นไร แต่อย่าแหกตาประชาชน”นายจเด็จกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' รับลูก 'เศรษฐา' ดึงเจ้าสัวช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่าย

“ภูมิธรรม”รับลูก “เศรษฐา” ดึงเจ้าสัว ปตท. ซีพี ไทยเบฟ ห้าง ปั๊มน้ำมัน ช่วยซื้อผลผลิตทางการเกษตรไปจำหน่ายหรือนำไปทำตลาด เพื่อดูแลเกษตรกร 

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป