"เพื่อไทย" พร้อมเสนอชื่อ "เศรษฐา" เป็นนายกฯ มั่นใจเสียงหนุนเกินครึ่ง แต่ยังไม่เคาะวันประชุม 8 พรรคร่วม คาดก่อนวันโหวตนายกฯ 4 ส.ค.นี้ เชื่อโหวตนายกฯ ม้วนเดียวจบ ใช้ 312 เสียงเดิมบวกพรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรค 2 ลุง ซัด ก.ก.อย่าสร้างปัญหาให้เพื่อน "วิโรจน์-รังสิมันต์" ไม่เชื่อข่าวลือพท.หักหลังถีบ ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน มั่นใจ 8 พรรคร่วมจับมือแน่น "ธรรมนัส" รอดู "เพื่อไทย" ติดต่อกลับมาก่อน 4 ส.ค. ยันร่วม รบ.ได้หากมีจุดยืนตรงกัน แจง
ปรับโครงสร้าง พปชร.ไม่เกี่ยวดีลตั้งรัฐบาล "เสี่ยหนู" เมินสูตรรัฐบาล 8 พรรค+ภูมิใจไทย ย้ำจุดยืนเดิมไม่จับมือก.ก. "อดุลย์" หนุนสลายขั้วสลายเสื้อสีตั้งรัฐบาลช่วยชาติ เตือน "ทักษิณ" กลับบ้านต้องเคารพกฎหมายไทย
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการนัดประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานแต่ละพรรคการเมือง เพื่อนัดประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาได้แจ้งนัดประชุมในวันดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าหรือกำหนดการชัดเจนจะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 2-3 ส.ค. เนื่องจากจะมีการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 3 ส.ค. ก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาในวันที่ 4 ส.ค.นี้
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.ว่า เชื่อว่าจะโหวตนายกฯ ได้ม้วนเดียวจบ น่าจะมีเสียง สส.สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยถึง 376 เสียงได้ คาดว่าเสียงที่มาเติมให้จาก 324 เสียงเดิมจะเป็นเสียงจาก สส.เป็นส่วนใหญ่ ส่วนพรรคขั้วรัฐบาลเดิมจะโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 ส.ค.หรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าทุกพรรคอยากแก้ปัญหาให้ประเทศเดินต่อไปได้ ส่วนที่อดีตพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังตั้งเงื่อนไข ถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมรัฐบาลจะไม่โหวตสนับสนุนให้นั้น คงต้องมีการคุยกันเพื่อหาทางออก ยังไม่รู้จะลงเอยแบบใด ดูแนวโน้มแล้วโฉมหน้ารัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน เพราะไม่มีใครได้เสียงเกินครึ่ง ไม่อยากให้แยกแยะว่า ใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรืออนุรักษนิยม เพราะทุกพรรคมาจากการเลือกตั้ง และมาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน สามารถทำงานร่วมกันได้
“ถ้าจะตั้งรัฐบาลแบบโลกสวย ก็ต้องเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมด จะมีความสุขมากที่สุด แต่ต้องมีเสียง สว.มาช่วย สว.เองก็ไม่โดนทัวร์ลง แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ จึงอาจต้องตั้งรัฐบาลแบบโลกไม่สวย มีความขรุขระ ใช้ 312 เสียงเดิม บวก สส.พรรคอื่นที่ไม่ใช่พรรค 2 ลุง เพราะถ้ามีพรรค 2 ลุงมา จะทำร้ายจิตใจประชาชนมากเกินไป แนวทางนี้เป็นการแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างในการตั้งรัฐบาลที่ต้องยึดหลักนี้ ต่างฝ่ายอาจจะต้องลดจุดยืนตัวเองลงบ้าง เอาจุดต่างมาคุยกัน ถ้าไม่เอาจุดต่างมาคุยกันก็ไปต่อไม่ได้ หรือถ้าจะเอาพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลจริงๆ ก็ต้องเป็นมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องหาเหตุผลมาตอบประชาชนให้ได้” นายอดิศรกล่าว
นายอดิศรกล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาขณะนี้ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะไปแก้ปัญหาให้พรรคก้าวไกล ทั้งที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงจะมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมให้ประชาชน ไม่ได้มาแก้ปัญหาให้พรรคก้าวไกล ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ละพรรคต้องไปแก้ไขปัญหาของตัวเอง พรรคก้าวไกลต้องไปตัดสินใจแก้ปัญหาตัวเอง อย่าโยนปัญหาให้คนอื่น เช่น กรณีมาตรา 112 ต้องไปหาวิธีจะแก้ปัญหาของตัวเองอย่างไร อย่าเป็นปัญหาให้เพื่อน
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยจะส่งชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยต่อที่ประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติจะพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ ดูแนวโน้มแล้วทิศทางเป็นบวกที่จะได้เสียงเกินครึ่ง จะลงมติจบในวันเดียว ไม่ยืดเยื้ออีก เท่าที่ฟังเสียงจากภาคธุรกิจ ก็อยากให้มีรัฐบาลมาแก้ปัญหาประเทศโดยเร็วที่สุด จะให้รอไปโหวตเลือกนายกฯ อีก 10 เดือน คงรอไม่ไหว ส่วนเสียงโหวตจะได้เพิ่มจากฝ่ายใดบ้างในวันที่ 4 ส.ค.ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้อยู่ร่วมทีมเจรจา แต่เท่าที่ฟังจากผู้ใหญ่ในพรรคบอกว่ามีทิศทางในทางที่ดี ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนโหวตนายกฯ ก็ต้องมาดูเรื่องการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล จะต้องมาพิจารณาว่าพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลมีเคมีตรงกัน ไปด้วยกันได้หรือไม่ ถ้าเอาพรรคที่มีเคมี อุดมการณ์ไม่ตรงกันมาร่วมงานคงโดนประชาชนด่า
"ปัจจัยเหล่านี้ต้องนำมาพิจารณาในการตั้งรัฐบาล ยอมรับว่าเราก็มีความหนักใจอยู่ คงจำเป็นต้องแยกแยะกันระหว่างเสียงที่โหวตให้เป็นนายกฯ กับพรรคที่จะมาเป็นรัฐบาลร่วมกัน ต้องให้ตัวนายกฯ คนใหม่พิจารณาด้วยว่าจะทำงานร่วมกับฝ่ายใดบ้าง" นายวิสุทธิ์กล่าว
กก.ไม่เชื่อข่าวลือ พท.หักหลัง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทำไมผมถึงไม่เชื่อข่าวลือ ผมยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย และ 8 พรรคร่วมอยู่เสมอ และไม่เคยเชื่อข่าวลือใดๆ เลย และการที่ผมไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าแค่รู้สึกไม่เชื่อ แต่ผมมีเหตุผลที่หนักแน่นพอ ที่จะไม่เชื่อด้วย 1.ข่าวลือที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ร่วมกับรวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐ และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเพื่อไทรวมพลัง ซึ่งมีเสียงรวมกัน 262 เสียง เพื่อให้ สว.ยอมโหวตให้ ข่าวลือนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะนอกจากรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแล้ว การที่พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอะไรที่อธิบายจ่อวีรชนคนเสื้อแดงที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนสำคัญได้ยากมากๆ อีกด้วย
2.ข่าวลือที่ว่า เพื่อไทยจะดีดพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วดึงภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ มาร่วมรัฐบาลแทน ข่าวลือนี้ยิ่งไม่เชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นพรรคที่ความโยงใยกับ คสช. และในเหตุการณ์ล้อมปราบคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ณ ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ.และกรรมการ ศอฉ. พล.อ.ประวิตรก็เป็น รมว.กลาโหม รัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยการทรยศหักหลัง และเป็นปรปักษ์กับประชาชน ไม่มีทางที่จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้เลย ยิ่งข่าวลือที่บอกว่าจะให้ภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ จากนั้นเพื่อไทยจึงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลโดยอ้างว่าจำใจร่วมรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
3.ข่าวลือที่ว่า ในการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการสลายขั้ว 8 พรรค แล้วขอให้โหวตนายกฯ ก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้ร่วมรัฐบาลบ้าง หลังจากที่ได้นายกฯ แล้ว จะให้นายกฯ ไปพูดคุยเพื่อคัดเลือกพรรคที่จะมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันอีกที ข่าวลือนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
"สรุป ผมไม่ได้สนใจข่าวลืออะไรเลย และยังคงเชื่อใจและไว้ใจในภาคี 8 พรรคร่วม ผมก็จะเชื่อใจในทีมอย่างไม่หวั่นไหว ต่อให้สุดท้ายผมจะถูกหลอก ถูกหักหลัง ถูกมองว่าโง่ และถูกแย่งชิง หลอกลวง เอาทุกสิ่งทุกอย่างไป ผมก็จะไม่รู้สึกเสียใจ การล้มเหลวเพราะถูกหักหลัง คนที่ทรยศ วันข้างหน้าก็มีแต่จะถูกผู้คนสาปแช่ง ดาวดิ้นสิ้นอนาคต ตัวผมเอง จะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ภาคี 8 พรรคร่วมเดินหน้าสานความหวังของประชาชนต่อไปอย่างมั่นคง ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเรายิ่งเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปอยู่ทุกวัน ในขณะที่ฝ่ายที่ขัดขวางเสียงของประชาชน มีแต่จะนับถอยหลังสู่วันสูญสิ้นอำนาจ" นายวิโรจน์กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการโหวตนายกฯ โดยเฉพาะ สว.ที่ไม่เอาพรรค ก.ก. ท้ายที่สุดสูตรการเมืองของพรรครัฐบาลที่ไม่มีพรรค ก.ก. มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า คิดว่าสูตรนี้ไม่ได้อยู่ที่ สว. ไม่ได้อยู่ที่พรรคขั้วรัฐบาลเดิม แต่อยู่ที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่จับมือด้วยกัน 312 เสียง ซึ่งตัวแปรสำคัญจะอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ด้วยเพราะ พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ ซึ่งหากเราทั้ง 8 พรรคร่วมจับมือกันแน่น ตัวแปรไม่ได้อยู่ที่คนอื่น แต่อยู่ที่เราที่จะสามารถกำหนดเอง
มั่นใจ 8 พรรคร่วมจับมือแน่น
"หากทั้ง 8 พรรคร่วมจับมือกันแน่น การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะจะถูกสอยโดยกลไกสภาแน่นอน ซึ่งดำเนินต่อไม่ได้เพราะขัดต่อเจตจำนงของประชาชน ดังนั้น เหตุการณ์ในวันนี้จะไม่ยากถ้าหาก 8 พรรคร่วมมือกันอย่างหนักแน่น สิ่งที่เราต้องประกาศให้ชัด คือเราต้องไม่ให้ความหวังกับพรรคการเมืองอื่นที่อยู่นอกเหนือ 8 พรรค รวมถึง ส.ว. ถ้าฝ่ายตรงข้ามยังมีความหวังว่าสามารถทำให้ 8 พรรคร่วมแตกคอกันได้ เราก็จะไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนได้ง่าย"
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับกระแสข่าวลือว่าจะให้พรรรภูมิใจไทย (ภท.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วพรรค พท.รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไปร่วมรัฐบาล โดยไม่มีพรรค ก.ก. นายรังสิมันต์กล่าวว่า ภท.ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงส่วนใหญ่ในสภา ในแง่ความชอบธรรม การที่ ภท.จะเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะต้องเป็นภาคพิสดารจริงๆ ซึ่งในระบบปกติ ภท.ไม่สามารถเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ รวมถึงการเข้ามาเป็น 1 ในพรรคร่วมยังยาก
นายกิติ วงษ์กุหลาบ รองเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในเขตหนองแขม ทวีวัฒนา ต่างสะท้อนความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า อยากเห็นรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย เข้าไปบริหารประเทศ ตามความต้องการที่สะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเห็น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจับมือกันให้แน่นเพื่อตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้สำเร็จ โดยมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ดังนั้น ในการจัดตั้งรัฐบาลจนจึงอยากเห็นพรรคแกนนำทั้ง 2 พรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเจรจากับ สว.และ สส.เพื่อหาเสียงมาเติมให้ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
บ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า อุโบสถวัดโพสพผลเจริญ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และนายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ร่วมพิธีด้วย โดยก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะเดินทางมาถึงที่วัดมีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรมาถึงฝนก็ได้หยุดตก และมีประชาชนมารอให้การต้อนรับ ขอถ่ายรูป รวมถึงนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอว พร้อมตะโกนบอกให้สู้ๆ และเรียกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าสดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้นเวลา 13.19 น. ซึ่งเป็นฤกษ์ยกช่อฟ้าที่วางไว้ พล.อ.ประวิตรพร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัสและนายสุรทินเดินไปหน้าอุโบสถเพื่อทำพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ โดยระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวสอบถาม ร.อ.ธรรมนัสว่าขอพรอะไร ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ขอให้มีความสุข หลังจากนั้น นายสุรทินเดินมาพูดข้างๆ ร.อ.ธรรมนัส ว่า "ขอให้นายป้อมได้เป็นนายกรัฐมนตรี"
พล.อ.ประวิตรยังได้ปลูกต้นพะยูงไม้มงคลและร่วมพิธีเสริมดวงชะตาโดยพระเจ้าพิธี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายพระวัดป่า ที่นิมนต์มาจากภาคอีสานได้ร่วมทำพิธี และได้ให้พระทันตธาตุหรือฟันของพระพุทธเจ้าแก่ พล.อ.ประวิตรนำมาอธิษฐานจิตให้สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา
พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า หลังถูกถามว่าได้อธิษฐานขอพรพระอย่างไรบ้าง รวมถึงในประเด็นการเมือง ทั้งเรื่องการแต่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. ว่าจะมอบหมายงานอะไรให้เป็นพิเศษหรือไม่ หรือเตรียมให้ พล.ต.อ.พัชรวาทเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่หรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าเรียบเฉย กล่าวทักทายกับประชาชนที่มาขอถ่ายรูป และเดินขึ้นรถกลับทันที
'ธรรมนัส' รอ พท.ติดต่อมา
ด้าน ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ตอนนี้มีหลายสูตรออกมาและยังมีพรรค พปชร.เข้าไปเป็นสมการตลอดว่า หลังจากที่ตัวแทนจาก พปชร.เข้าไปหารือกับผู้บริหารของพรรค พท.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีการติดต่อหรือหารืออะไรกันอีก จึงรอดูว่าก่อนวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะมีการประสานงานอะไรมาหรือไม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรค ก.ก.ยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน และพร้อมที่จะยกมือให้กับนายกฯ ของพรรค พท.แต่มีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรค พปชร.และพรรค รทสช.ร่วมรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเรามีจุดยืนชัดเจน เราอยากทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเราจะทำหน้าที่ฝ่ายไหนด้วย ทั้งนี้ วันที่ 1 ส.ค.นี้ น่าจะรู้ทิศทางการหารือ และเชื่อว่าในวันที่ 4 ส.ค. การโหวตเลือกนายกฯ น่าจะจบ หรือทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยไม่เกินวันที่ 15 ส.ค. ส่วนแนวทางโหวตนายกฯ ของพปชร.เราจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากที่พรรคมีมติแล้ว
เมื่อถามว่า การที่ พปชร.มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค โดยให้ร.อ.ธรรมนัสขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง เพื่อให้เป็นมือประสานตั้งรัฐบาลกับพรรค พท.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า การปรับโครงสร้างพรรคเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคคิดมานานแล้ว เพื่อให้พรรคกลับไปเติบโตเหมือนเดิม ไม่ใช่ตั้งตนขึ้นมาเป็นมือประสานดีลจัดตั้งรัฐบาล เพราะปกติแล้วตนกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ ก็ทำหน้าที่ร่วมกันประสานงานกับพรรคอื่นอยู่แล้ว ทั้งนี้ การปรับโครงสร้าง พปชร.ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า เห็นว่ามีการตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค เพื่อเตรียมพร้อมเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่า พล.ต.อ.พัชรวาทจะรับตำแหน่งหรือไม่ เป็นขอเสนอตั้งไปก่อน ส่วนกระแสข่าวเรื่องการรับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยนั้นมีเพียงกระแสข่าว
ส่วนหลายคนยังพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประวิตร จะขึ้นมาเป็นนายกฯ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราต้องให้พรรคเพื่อไทยจัดก่อน ส่วนจะจัดได้หรือไม่ได้อย่างไร ค่อยดูอีกที แต่พรรค พปชร.เราก็มีแค่ 40 เสียง ส่วนมีกระแสว่าพรรค พปชร.ได้ สส.จาก ก.ก. 30 ที่นั่งนั้น ไม่มี ตนเป็นเลขาธิการพรรค ยืนยันว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง
เมื่อถามว่าหาก พท.จัดตั้งไม่ได้ ทางฝั่ง พปชร.จะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรแข่งหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ถ้าเสนอแข่งเป็นไปไม่ได้ มารยาททางการเมืองเราไม่ทำ แต่เมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้ว เขาเชิญเราไปร่วมรัฐบาล ถึงจะมีโอกาสร่วมรัฐบาล และความจริงแล้ว ส.ส.ของเรา เป็น ส.ส.เก่าจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้น เรื่องการทำงานหากได้ร่วมรัฐบาล เราไม่มีปัญหา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร ดักคอเรื่องจับมือกับพรรคก้าวไกล หลังมีกระแสข่าวมีสูตร 8 พรรคเดิม รวมกับพรรคภูมิใจไทย ได้เกิน 376 เสียง ไม่ต้องง้อเสียง สว.ว่า ไม่เคยลืมสิ่งที่พูดไว้ ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามจุดยืนเดิม หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมแน่นอน MOU 8 พรรค จะไม่มีพรรคที่ 9 ที่ชื่อภูมิใจไทยแน่นอน ขอให้อาจารย์เสรีสบายใจได้
'เสี่ยหนู' เมินสูตร 9 พรรค
“ส่วนเรื่องสูตรรวมรัฐบาล 9 พรรค โดยไม่ง้อเสียง สว. ผมไม่ทราบที่มา เพราะตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย และตั้งแต่ผมไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีการติดต่อนัดพูดคุยกันอีกเลย” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่า พรรคผู้จัดตั้งรัฐบาลจะไปเคลียร์ก้าวไกลออกไปหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเราไม่ใช่ผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่เอาเป็นว่าถ้าเป็น MOU 8 พรรค แล้วยังมีก้าวไกลอยู่ ภูมิใจไทยไม่สามารถร่วมได้
ที่ จ.เชียงใหม่ ภายหลังทำบุญใหญ่ช่วงเข้าพรรษา อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ (โหร คมช.) เปิดเผยว่า เรื่องการเมืองการตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีก็คงตามเวลา เป็นหน้าที่ของผู้คนที่ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป พอทำหน้าที่เสร็จหมดหน้าที่ทุกอย่างก็จะมีกลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่ทำหน้าที่ต่อไป อย่างที่เรารู้มีกี่โครงการที่เกิดขึ้น วันนี้เป็นกรรมของประเทศ ที่มีกลุ่มคนไม่ดีคิดไม่ดีกับประเทศ ทุกคนรู้กันนะว่ามันเกิดเพราะอะไร เพราะใคร ใครอยู่เบื้องหลัง พวกเราอยู่ด้วยกัน อยู่เมืองไทยเราเป็นคนไทยเหมือนกัน เราต้องรักกัน เราต้องเดินร่วมกัน บ้านเมืองเรามีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติบ้านเมือง ฉะนั้นเราต้องช่วยกันประคับประคอง ในโลกนี้ใครบ้างจะสงบสุขเหมือนบ้านเราไม่มี เราอย่าให้คนมาจูงจมูกเด็ก เราต้องใช้สติปัญญาใช้ความคิด เฟกนิวส์มีอยู่ตลอดเวลา เราต้องเลือกเสพ ต้องดูผู้นำของชาติบ้านเมือง ท่านปฏิบัติยังไงแล้วใน 3 สถาบันหลักของชาติ ขอยืนยันเลยว่ายังอยู่คู่ฟ้าเมืองไทยเราตลอดกาลนาน
"กรณีปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลนั้นมองว่านั่นเป็นเรื่องของการจัดตั้งของทีมงานของการเมือง หรือกลุ่มคนที่เราเลือกกันมาตามกติกาก็ยังเดินต่อไปได้ มันเป็นกรรมของประเทศ ที่ทำให้ชาติบ้านเมืองของเราวุ่นวายเพราะคนคิดไม่ดี แต่จากนี้ด้วยเดชะพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยังทำบ้านเมืองของเราผ่านพ้นได้อยู่ ต่อไปคณะผู้ที่มีหน้าที่ให้กับบ้านเมืองมาช่วยกันสืบต่อไป ตอนนี้มีการเจรจาอยู่หลายฝ่าย ก็คือต้องการความสงบการขับเคลื่อนของชาติบ้านเมือง"
ถามว่า จากนิมิตหลวงปู่ คนไทยจะมีความขัดแย้งกันรุนแรงขึ้นหรือไม่ อ.วารินทร์กล่าวว่า ในภาพที่เกิดขึ้นมันไม่มีแล้วที่ว่าจะเกิดอะไรร้ายแรง มันจบไปแล้ว เพราะว่าทุกอย่างมันอย่างว่าในคำทำนายอยู่ในนี้หมดเลย อีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านพ้น องค์สมเด็จพุฒาจารย์โต หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ครูบาอาจารย์ของอาจารย์ท่านได้กล่าวไว้ว่า ช่วงกลางของรัชกาลจากนี้ไปในรัชกาลที่ 10 เป็นช่วงยุคศิวิไลซ์ ก็ต่อไปเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่าง สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่จริง สิ่งที่ทำร้ายบ้านเมือง มันก็จะจบไป 3 เดือน หรือไม่ในปีนี้ก็ดีขึ้น
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 อดีตคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่มีความยุ่งยากในขณะนี้ เป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้ว ทุกฝ่ายก็ต้องจำยอมปฏิบัติตาม ทุกฝ่ายต้องเคารพกติกา ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็ไม่สงบสุข การจัดตั้งรัฐบาลของไทยในขณะนี้ เมื่อพรรคอันดับหนึ่งคือก้าวไกลจัดตั้งไม่สำเร็จ พรรคอันดับสองคือเพื่อไทยย่อมมีสิทธิและอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาลโดยปราศจากเงื่อนไข หรือเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วม หากการเมืองยังแบ่ง 2 ขั้วเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นสูตรใด 8 พรรคร่วมหรือขั้วรัฐบาลเดิมเป็นรัฐบาล ก็จะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียประโยชน์ จะไม่ทำให้ประชาชนจากทุกฝ่ายยอมรับได้ ความขัดแย้งก็จะยังไม่ยุติ เพราะจะมีอีกฝ่ายต่อต้านอีก
"ดังนั้นการตั้งโจทก์สลับขั้วจึงไม่ถูกต้อง แต่ต้องสลายขั้ว ถึงเวลาต้องสลายเสื้อสีเพื่อให้มีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากทุกฝ่าย แล้วก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ให้อภัย อโหสิกรรมต่อกัน ก็จะได้รัฐบาลช่วยชาติ ดึงบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจากทุกพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาลโดยไม่ยึดโควตา รวมทั้งนโยบายที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติจากทุกพรรคมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล"
'ทักษิณ' กลับต้องเสียสละก่อน
ประธานญาติวีรชนฯ กล่าวถึงกรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทยว่า เป็นสิทธิของคนไทยทุกคนที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอน แต่เมื่อมีคดีติดตัว ก็ต้องแสดงความเคารพต่อกฎหมายไทย ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับการจะขอพระราชทานอภัยโทษเป็นสิทธิของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ต้องแสดงถึงความจงรักภักดีให้เป็นที่ประจักษ์ และต้องมีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองก่อน โดยรัฐบาลชุดใหม่ต้องออกกฎหมายยกเลิกคดีทางการเมืองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง รวมทั้งคดีของคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่ม 3 นิ้ว เมื่อทุกฝ่ายพ้นจากทุกข์เข็ญ บรรยากาศของการเมืองก็เกิดความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ อดีตนายกฯ ทักษิณจึงค่อยขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งท่านต้องรู้จักการให้และเสียสละก่อน แล้วจะได้รับการให้อภัย อโหสิจากทุกฝ่าย
นายอดิศร เพียงเกษ กล่าวกรณีปัญหาการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณในวันที่ 10 ส.ค.ว่า แม้จะยังไม่ทราบว่านายทักษิณจะเดินทางกลับมาจริงหรือไม่ แต่ยืนยันว่าการกลับบ้านของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 ส.ค. อย่านำมาโยงกัน นายทักษิณไม่อยู่ในสมการเกิดรัฐบาลผสม แต่ในฐานะคนที่เคารพนับถือกัน อยากให้กลับบ้านมานานแล้ว
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พูดว่ามี 1 ป. รู้ถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ทุกอย่างคนจึงตีความว่าเป็น พล.อ.ประวิตรนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการกลับบ้านของนายทักษิณ ยืนยันได้ เป็นคนละเรื่อง เป็นการเข้ามาตามกระบวนการกฎหมาย เป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นสิทธิของท่านในฐานะคนไทย แต่สื่อมวลชนชอบจะนำเรื่องไปผูกกัน ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง
ส่วนการเดินทางไปที่ฮ่องกงนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวย้ำว่า ไปดำเนินธุรกิจส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น และดีลทางการเมืองใดๆ รวมถึงกล่าวติดตลกด้วยว่า ไม่มีการไปพบกับนายทักษิณ และรอเพียงการจัดงานวันเกิดให้กับ พล.อ.ประวิตร ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ เท่านั้น
ขณะที่ อ.วารินทร์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายทักษิณจะกลับประเทศวันที่ 10 ส.ค.นี้ว่า ต้องถามว่ามาจริงไหม ดูว่าจะมาไหม แต่บุคคลหนึ่งเข้ามาแล้วจะเกิดปัญหาบ้านเมืองขนาดนั้นคงไม่ใช่ ท่านมาในฐานะอะไร เราต้องถามก่อนใช่ไหม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"