“ภูมิธรรม” เล็งนัด 8 พรรคร่วมต้น ส.ค. รายงานผลหารือ สส.-สว. ก่อนโยนให้ “ก้าวไกล” ตัดสินใจ “โรม” โยน “เพื่อไทย” เคลียร์มวลชนเองหากทิ้ง ก.ก. “วิโรจน์” ขู่ คนทรยศจะสิ้นอนาคต “ธนกร” บอก รทสช.ทำงานร่วม พท.ได้ ด้าน สว.ไม่การันตียกมือให้ “เศรษฐา” ขอดูองค์ประกอบก่อน
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการนัดประชุม 8 พรรคร่วม ภายหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เตรียมออกวาระการประชุมรัฐสภา เพื่อเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.ว่า เบื้องต้นจะนัดประชุม 8 พรรคร่วมประมาณต้นเดือน ส.ค. โดยจะได้ประสานแต่ละพรรคก่อนว่าว่างตรงกันวันไหน ช่วงเวลาใด จากนั้นจะได้ประสานเพื่อนัดประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทาง พท.จะรายงานข้อมูลที่ได้ไปพูดคุยเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากทั้ง สว.และ สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งทั้ง สส.และ สว.ต่างมีปัญหาที่ตรงกัน คือห้ามแก้ไขมาตรา 112 รวมถึงหากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยังอยู่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล พวกเขาก็จะไม่ให้เสียงสนับสนุน นี่คือสิ่งที่เราไปรับฟังมา และจะได้นำไปรายงานต่อที่ประชุม 8 พรรคร่วม ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทางพรรคร่วม โดยเฉพาะ ก.ก. จะหาทางออกให้เราอย่างไร ซึ่งเราอยากให้ ก.ก.ได้ตัดสินใจในส่วนนี้
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. กล่าวถึงแนวทางการโหวตนายกฯ ว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ต้องรอการประชุมพรรคสัปดาห์หน้า และหลังจากที่ยกเลิกประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังไม่ได้มีการหารือกันใหม่ ส่วนกระแสข่าวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อขอเจรจา และ ก.ก. ยอมถอยเป็นฝ่ายค้านนั้น นายธนาธรไม่ได้มีตำแหน่งใน ก.ก. ไม่สามารถตอบได้ แต่ในส่วนของพรรค ต้องรอ พท.ว่าจะมาคุยกับเราอย่างไร
เขากล่าวอีกว่า แนวโน้มที่ ก.ก.จะไปเป็นฝ่ายค้านนั้น เชื่อว่าหลายคนพยายามประเมิน แต่ยังไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ยอมรับว่าเกิดการตั้งคำถามว่า การจะจับขั้วตั้งรัฐบาลต้องเกิดจาก 2 ส่วน คือ อุดมการณ์ ความคิดความเชื่อ ที่ ก.ก. ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย รวมถึงแนวทางการทำงานที่มองว่าพรรคขั้วรัฐบาลเดิมไม่ได้มีแนวทางเดียวกัน หากจะมีการจับขั้วตั้งรัฐบาลที่ไม่มี ก.ก. ต้องถามว่า พท.มีอุดมการณ์ ความเชื่อตรงกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิมมากกว่าตรงกับ ก.ก. และต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจหากมีเหตุการณ์ลักษณะนั้นเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเตรียมเดินทางกลับไทยของนายทักษิณ จะมีผลต่อการตัดสินใจของ พท.หรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า เพราะไม่เคยอยู่ในพรรค แต่ยอมรับว่า ช่วงนี้บรรยากาศทางการเมืองค่อนข้างประหลาด เพราะตนก็ถูกโจมตีทางการเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เรื่องบัญชีทรัพย์สิน ที่ไม่เคยมีการทุจริต ใช้ชีวิตปกติตามปุถุชนทั่วไป ยังมีการกล่าวอ้างว่าต้องไปรับงานปารีส-ฝรั่งเศส ขอถามว่าการรับงานมีที่ไหนที่ยังเป็นหนี้ ผ่อนบ้านผ่อนรถ จะเห็นว่ามีการพยายามขยายประเด็นเหล่านี้มาขยายผล ที่ไม่ได้มีแค่ฝั่งไอโอ แต่มีความพยายามปลุกปั่นทางการเมือง ไม่ทราบว่าทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ต้องจับตามอง เพราะวันนี้แปลกประหลาดจริง
เมื่อถามถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย หาก พท.ไปจับขั้วตั้งรัฐบาลกับขั้วรัฐบาลเดิม นายรังสิมันต์บอกว่า ไม่สามารถประเมินได้ เพราะการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ใช่แค่ขั้วอำนาจกับฝ่ายประชาธิปไตย แต่กลายเป็นขั้วไฮบริดกับขั้วประชาธิปไตย จึงต้องประเมินว่าประชาชนจะมีความรู้สึกต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมี
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ถึงเรื่องดีลลับ ระบุว่า ขอตอบตรงนี้นะครับว่า ดีลลับ ข่าวลือ ผมไม่สนใจเลย เมื่อทำงานกันเป็นทีม ผมจะเชื่อใจไม่หวั่นไหว ต่อให้สุดท้ายผมจะถูกหลอก ถูกหักหลัง ถูกมองว่าโง่ จนถูกชิงทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่สิ่งที่จะชิงจากผมไปไม่ได้เลยคือ ความซื่อตรง และเกียรติภูมิ เดินไปไหนก็เดินคอตั้งหลังตรง กล้าสู้หน้าทุกคน
ดังนั้น ไม่ต้องมาสมมติ ถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ แล้วมาถามผมเลยครับ ผมเชื่อใจภาคี 8 พรรคร่วมมิเคยเสื่อมคลาย ไม่เคยระแวง ไม่เคยลังเล จุดยืนผมยังคงซื่อตรง ทุกย่างก้าว อยู่ในลู่ ที่เคารพเชื่อใจเพื่อนร่วมทีมเสมอครับ และขอให้กำลังใจเพื่อนๆ ในภาคี 8 พรรคร่วมทุกคนอยู่เสมอครับ
“ถ้าสุดท้ายภารกิจมันต้องล้มเหลว เพราะถูกหักหลังจริงๆ มันก็ยังดีกว่าการที่มันล้มเหลวเพราะความไม่เชื่อใจกันเองภายในทีม การล้มเหลวเพราะถูกหักหลัง คนที่ทรยศ วันข้างหน้ามีแต่จะดาวดิ้นสิ้นอนาคต ส่วนคนที่ซื่อตรง ยังไงก็จะมีมือของผู้คนช่วยดึง ช่วยพยุง ให้ลุกขึ้นสู้ต่ออย่างองอาจ ผมเชื่อมั่นในทีมมาโดยตลอด เวลามองตาเพื่อน แววตาผมยังแน่วแน่ เชื่อใจกันอยู่เสมอครับ..” นายวิโรจน์ระบุ
รทสช.ทำงานกับ พท.ได้
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงแนวทางการโหวตนายกฯ ว่า ต้องดูความชัดเจนก่อนว่าพรรคใดจะเสนอใคร และมีขั้นตอนอย่างไร ตอนนี้ถ้ามีประชุมในวันดังกล่าว ชทพ.ก็จะมีการประชุมในเวลา 08.30 น. ของวันที่ 4 ส.ค. เหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้ง
เมื่อถามว่า หากเสนอชื่อนายกฯ จากคนของ พท.จะสนับสนุนหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า เรามีจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น ต้องดูองค์ประกอบว่าจะสนับสนุน งดออกเสียง หรือไม่สนับสนุน อันนี้ต้องรอดูองค์ประกอบ เมื่อถามย้ำว่าต้องไม่มี ก.ก.หรือการแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายวราวุธย้ำว่า ต้องมีทิศทางนโยบายและแนวทัศนคติไปในทิศทางเดียวกันถึงจะสามารถทำงานด้วยกันได้
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวดีลตั้งรัฐบาลข้ามประเทศว่า การเมืองต้องเดินไปตามระบบ ในมุมมองของตนเข้าใจว่า จะมีการเลือกนายกฯ ได้ในเร็วๆ นี้ วันนี้มันคงรอไม่ได้ หลังจากมีกระบวนการจะศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จากนั้นจะมีการเลือกนายกฯ และได้รัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามที่เราประเมินกันไว้ คิดว่าไม่มีอะไรที่ขรุขระมากแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการโหวตนายกฯ ครั้งต่อไปจะผ่านในรอบเดียวเลยหรือไม่ นายธนกรตอบว่า ถ้ามีการคุยกันก่อนมันคงผ่าน ในทางการเมืองเข้าใจว่าทุกฝ่ายคงมีการหารือกันก่อนนอกรอบ และคิดว่าทุกอย่างคงจะเรียบร้อย เมื่อถามอีกว่า รทสช.ยังมีจุดยืนเดิมใช่หรือไม่ว่าถ้ายังมีพรรคก้าวไกลจะไม่โหวตให้ นายธนกรระบุว่า ถ้ายังมี ก.ก.ก็ไม่โหวตเหมือนเดิม เพราะยังมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เรายืนยันจุดยืนเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า หลังจากการหารือครั้งแรกระหว่าง รทสช.กับ พท. ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการประสานกลับมาอีกหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ตรงนี้ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจา เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคต้องไปดำเนินการ
ซักว่าลำบากใจหรือไม่ที่สองพรรคเคยยืนคนละจุดต้องมาร่วมกันทำงาน นายธนกรกล่าวว่า ตรงนี้น่าจะเป็นเวลาที่หลายหลายฝ่ายได้พูดคุยทำความเข้าใจกันมากขึ้น เรื่องอดีตก็ว่ากันไป วันนี้มีบางสิ่งที่อันตรายมากกว่าสำหรับประเทศ อาจเป็นเวลาที่เหมาะสมที่หลายฝ่ายจะต้องมาช่วยกัน พาประเทศเดินหน้าไปอย่างมั่นคง ต่อข้อถามว่า วันนี้สามารถทำงานร่วมกับ พท.ได้ใช่หรือไม่ นายธนกรตอบว่า “ผมดูว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกัน ถ้ายึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักมันก็ไปด้วยกันได้หมด”
ขณะที่ท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว. ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการโหวตนายกฯ ว่า การโหวตของ สว.เป็นความลับที่ไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ การพิจารณาโหวตนายกฯ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งสูตรจัดตั้งรัฐบาล พรรคไหนจะร่วมเป็นรัฐบาลผสมบ้าง รวมถึงชื่อของบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ซึ่งมีคนระบุว่า สว.ร่วมโหวตนายกฯ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเสียงข้างมาก เพราะต้องดูตัวนายกฯ คุณสมบัติแนวทางการทำงานและความสามารถในการบริหารประเทศ
ไม่การันตีชื่อ 'เศรษฐา'
"สูตรตั้งรัฐบาลที่ออกมาหลายสื่อ ทั้ง 8 พรรคเดิม บวกกับ 2 พรรคคือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ ชทพ.นั้น หากเป็นแบบนั้นจริง ไม่ต้องใช้เสียง สว.โหวตแล้ว เพราะได้เสียงเกิน 375 เสียง หากทำได้ก็จบ ผมมองว่าเป็นเรื่องดีหากผู้แทนตกลงกันได้ โดยไม่มี สว.ยุ่งเกี่ยว สว.ไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ถือเป็นหน้าที่ใช้สิทธิพิจารณาด้วย" พล.อ.เลิศรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯ ที่เตรียมเสนอต่อรัฐสภามีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นเต็งหนึ่ง มองอย่างไร พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน ต้องรอเขาตั้งโต๊ะแถลงว่าใครจะร่วมรัฐบาลบ้าง จะทำให้ สว.พิจารณาว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ง่ายขึ้น
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. กล่าวว่า หากเป็นนายเศรษฐาจะได้รับเสียงสนับสนุนพอหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ขอพูดตามตรง เพราะยังไม่เห็นแถลงการณ์ของแต่ละพรรค และยังไม่ทราบว่าการจัดตั้งร่วมพรรคการเมืองจะมีพรรคใดมาร่วมบ้าง ส่วนทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องรวมเสียงให้ได้ 251 เสียง คือเยอะเกินครึ่ง และต้องดูรายละเอียดว่าจะเสนอร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคไหนอีกที
เมื่อถามว่า หากเป็นสูตรตั้งรัฐบาล ไม่มี ก.ก. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ รทสช. ร่วมเป็นรัฐบาลกับ พท. ทาง สว.พร้อมสนับสนุน นายกฯ พท. หรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า ไม่ทราบ และคงตอบตอนนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะต้องดูในรายละเอียด คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามว่าครบถ้วนหรือไม่ และมีปัญหาที่ส่วนใดหรือไม่ รวมถึงดูว่าทางพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วจะเป็นนายเศรษฐาจริงหรือไม่ ต่อมาคือต้องดูนโยบายของแต่ละพรรคที่จะร่วมรัฐบาลด้วยว่าจะมีปัญหาที่ส่วนใดอีกหรือไม่
วันเดียวกัน นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว คนเสื้อแดงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ตอนหนึ่งระบุว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยพลิกขั้ว ก็แปลว่าพรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช. คนเสื้อแดงที่ยึดหลักการฝ่ายประชาธิปไตยคงต้องยอมรับภาวะเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองย้ายขั้วตรงข้ามไปแล้ว คงโบกมืออำลาและอาจแสดงความไม่พอใจเพียงใดยังคาดเดาไม่ได้ แต่ถ้าไม่ถึงขนาดนั้น ยังจับขั้ว 8 พรรคเดิม แล้วเพิ่มเติมบางพรรคเข้ามา ก็น่าจะเป็นวิถีทางที่ "คนเสื้อแดงอุดมการณ์" ยอมรับได้
เมื่อวันศุกร์ พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกมาชี้แจงถึงกรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการโหวตนายกฯ ซ้ำว่า เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันมีน้ำหนักรับฟังได้ มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ และเป็นคำขอที่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 จึงเห็นพ้องกับคำร้องเรียนที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณามีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีข้อวินิจฉัยในเรื่องนี้ออกมา ซึ่งก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"
อิ๊งค์สนอง‘พ่อแม้ว’ ลุยปราบแก๊งโกงล้างบางมาเฟีย/โต้สนธิปั่นMOU44ลงถนน
"นายกฯ อิ๊งค์" โชว์ภาพแฟ้มกองโตเต็มโต๊ะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ชงปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป มติกพช.ชะลอซื้อพลังงาน
นายกฯ มอบ "พีระพันธุ์" นั่งหัวโต๊ะถก คกก.นโยบายพลังงาน
เปิดศูนย์ปีใหม่ 10วันอันตราย ดื่ม-ง่วงไม่ขับ
นายกฯ เรียก ผบ.ตร.หารือ ห่วงปีใหม่ ปชช.เดินทางกลับภูมิลำเนาปลอดภัย
30บาทรักษาทุกที่เฟส4 เริ่ม1ม.ค.ลดแออัดรพ.
นายกฯ คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค.68
กกต.ปลุก‘กปน.’ จับโกงเลือกอบจ. พท.ทุบพรรคส้ม
กกต.ติวเข้มวิทยากรเตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบจ. กำชับ 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบต้องทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ