สกัดภท.!ไล่บี้ศักดิ์สยามซุกหุ้น

"เพื่อไทย" แจ้งกะทันหัน!   ยกเลิกประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล อ้างหาเสียง "สส.-สว." ไม่คืบหน้า คาดรอความชัดเจนผู้ตรวจฯ ปมเลื่อนโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้ "สุทิน" บอกไม่ต้องรีบร้อน เสียเวลาหน่อยแต่คุ้ม "ชัยธวัช" ยังหวังหาก "ก.ก.-พท." จับมือแน่นตั้งรัฐบาลตามเจตจำนง ปชช.ได้ "ส.ส.ก้าวไกล" เตรียมยื่นหลักฐานใหม่ ชง ป.ป.ช.สอบเพิ่มคดี "ศักดิ์สยาม" ซุกหุ้น ปัดออกมาขว้าง "ภท." ร่วมรัฐบาล "เสี่ยโอ๋" มั่นใจโปร่งใส สั่งฝ่าย กม.โชว์ข้อมูล 26 ก.ค.นี้ "บิ๊กตู่" ตอบสื่อ "ไม่ควรมั้ง" ลากยาวโหวตนายกฯ 10 เดือน "ธรรมนัส" จี้เร่งตั้งรัฐบาลใหม่

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะการนัดประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้นัดประชุมกันที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 14.00 น.  จากนั้นได้มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุมไปที่ห้อง CB 308 อาคารรัฐสภา เวลา 15.00 น. เนื่องจากหลีกเลี่ยงกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาเรียกร้องจุดยืนทางการเมืองที่พรรค พท. จนกระทั่งใกล้ช่วงนัดหมาย พรรค พท.ได้แจ้งยกเลิกกำหนดการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างกะทันหัน

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามพรรคเล็ก 1 ใน 8 พรรคร่วมรัฐบาลถึงสาเหตุยกเลิกประชุมดังกล่าว ซึ่งพรรคเล็กระบุว่า ได้รับแจ้งสาเหตุเนื่องจากการทำงานที่ได้รับมอบหมายยังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่มีการแจ้งนัดประชุมใหม่อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม การประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลตามกำหนดนัด จะมีการประชุมในช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ค. ที่รัฐสภา เพราะจะต้องมีข้อสรุปก่อนที่จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่ายในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.ค.เช่นกัน

"การเลื่อนประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีที่มีผู้ร้องว่าการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 ถือเป็นญัตติซ้ำตามข้อบังคับประชุมรัฐสภาที่ 41 หรือไม่ ทำให้ไม่มีความชัดเจนว่าการโหวตเลือกนายกฯ จะเกิดขึ้นวันที่ 27 ก.ค.นี้หรือไม่" แหล่งข่าวระบุ

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงการแจ้งยกเลิกการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่ทราบเหตุผลในการเลื่อนประชุม แต่คิดว่าในสภามีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ทำให้มีเวลาอยู่โดยไม่ต้องรีบร้อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เกิดรอยร้าวระหว่าง 8 พรรคร่วม ยังคุยกันได้อยู่

ถามว่า พท.ลำบากใจหรือไม่ที่ต้องช่วยพรรคร่วมไปให้ถึงฝันจริงๆ นายสุทินกล่าวว่า พท.มีความลำบากใจ จะเดินหน้าทางนั้นก็ไม่ได้ ทางนี้ก็ไม่ได้ แต่เชื่อว่าสามารถจบได้ และตอนนี้กำลังหาทางออก เชื่อว่าคณะเจรจาจะทำงานได้ทันเวลา เมื่อเลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไปก็ทำให้มีเวลาเยอะขึ้น

"ผมคิดเองว่าสภาเลื่อนมีเวลาที่จะคุยกันเพิ่ม ส.ส.ของพรรคก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย  โดยให้กำลังใจคณะเจรจาให้เดินหน้าเต็มที่ เพราะเขาก็ฟังเสียงประชาชนมาจากการลงพื้นที่ ที่ส่วนใหญ่ก็อยากให้รีบจัดตั้งรัฐบาล รอให้คณะเจรจาชี้แจงรายละเอียดดีกว่า ผมว่าไม่ต้องรีบร้อน   เสียเวลาหน่อยแต่น่าจะคุ้ม" นายสุทินกล่าว

ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการยกเลิกประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างกะทันหันว่า ได้รับแจ้งจากพรรค พท.ว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ส่วนจะมีการนัด 8 พรรคร่วมหารือกันอีกครั้งเมื่อไหร่นั้น ทาง พท.ยังไม่แจ้งมา ประกอบกับการเลื่อนประชุมรัฐสภาวาระพิจารณาบุคคลผู้จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ในสัปดาห์นี้ การประชุมวิป 3 ฝ่ายก็ของดไปแล้ว

ถามถึงท่าทีของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ยังคงจับมือกันเหนียวแน่นใช่หรือไม่ เนื่องจากมีข่าวหรือว่าข้าวต้มมัดปริ นายชัยธวัชยืนยันว่า อย่าเพิ่งรีบสรุปแบบนั้น 

"ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีทางเกิดขึ้น และถึงที่สุด สว.อาจจะมีวิจารณญาณทำตามเสียงประชาชน" นายชัยธวัชกล่าว

ชัยธวัชรับยืด 10 เดือนนานไป

ถามกรณีหากถึงที่สุดพรรค ก.ก.ต้องเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน จะเลือกเดินออกไปเองหรือให้พรรค พท.เป็นผู้เชิญออก นายชัยธวัชกล่าวว่า หากเมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริง เป็นสิทธิ์ของพรรค พท.ที่จะต้องเลือก ส่วนสิ่งที่พรรค ก.ก.เลือก คือพยายามทำให้ดีที่สุดให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้ตามเสียงของประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีมีข้อเสนอให้รอ สว.หมดวาระก่อน แล้วจึงทำการเลือกนายกฯ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีก 10 เดือนนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นการแสดงออกถึงว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รอได้ แต่ 10 เดือนมันอาจจะนานเกินไป ทางที่ดีควรมีทางออกโดยที่ไม่ยืดเวลาออกไปนานขนาดนั้น ซึ่งการปลดล็อกข้อบังคับที่ 41 จะช่วยได้มาก 

ที่อาคารไทยซัมมิท พรรค ก.ก.มีการประชุม ส.ส.ของพรรค โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า เป็นการประชุมธรรมดา ซึ่งคงต้องเตรียมการลงพื้นที่ตามที่ได้ประกาศไว้ในภาคตะวันออก และจะเร่งทำงานพยายามช่วย สส.ใหม่กำหนดญัตติในการยื่นเข้าสู่สภา และใช้เวลาในสภาให้เป็นประโยชน์ เพราะตอนนี้ตนอยู่ในขณะหยุดปฏิบัติหน้าที่ คงจะทำอะไรแทนไม่ได้ แต่เมื่อได้รับฟังว่ามีเรื่องใดบ้าง ก็คงจะใช้สภาให้เป็นประโยชน์

นายพิธากล่าวถึงการเลื่้อนโหวตนายกฯ ว่า ยังไม่ได้ดูในรายละเอียด แต่เห็นว่ามีการเลื่อนทั้งการประชุมวิปและการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ แต่ตอนนี้ตนยังใช้เวลาอยู่กับประชาชนและการลงพื้นที่ให้มาก จะรอฟังจากสมาชิกพรรคที่มาประชุมว่าอยากให้ตนลงพื้นที่ใดบ้าง จะได้ลงไปช่วย เพราะมี สส.หน้าใหม่เก่งๆ หลายคนที่อยากจะรูัวิธีในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตนจะนำประสบการณ์ช่วยเขา และพยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในระหว่างรอการเมืองยังไม่ชัดเจน แต่ความเดือดร้อนของประชาชนชัดเจน

ถามถึงการยกเลิกการประชุมด่วนของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก พท.ยังหาข้อสรุปไม่ได้ใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ได้ยินมา 2-3 เหตุผล จึงไม่รู้ว่าเหตุผลไหนเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ออกมาระบุอยากจะขอเลื่อนออกไปก่อน และงดการประชุม ตนจึงยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จะถามนายพิจารณ์  เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคในเรื่องนี้ และสอบถามว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 จะได้บรรจุในวาระหรือไม่

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. แถลงความคืบหน้ากรณีคดีความที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมเคยยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2565 ขอให้ตรวจสอบว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม อาจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งในครั้งนั้นร่างคำร้องได้พุ่งเป้าไปที่การคงอยู่ ซึ่งความเป็นเจ้าของของศักดิ์สยามในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น

นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2566 ผู้ถูกร้องก็ได้ส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งตนและพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะตัวแทนผู้ร้อง ได้รับเอกสารทั้งหมดนี้เช่นกัน เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว หลังตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ทำให้พบว่ามีจุดพิรุธอยู่หลายแห่ง เป็นที่มาของการแถลงข่าวในวันนี้

ก.ก.ยื่นเพิ่มฟันศักดิ์สยามซุกหุ้น

"หลังจบแถลงข่าวผมจะเดินทางไปที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อยื่นคำร้องเพิ่มเติม เนื่องจากพบหลักฐานใหม่ว่านายศักดิ์สยามยังมีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ในวันที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ได้เปิดเผยในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช." นายปกรณ์วุฒิกล่าว

สส.พรรค ก.ก.รายนี้ระบุว่า ตามเอกสารที่ หจก.บุรีเจริญฯ ชี้แจงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีหนี้สินที่นายศักดิ์สยามคงค้างกับ หจก.นั้น ในรายละเอียดระบุว่านายศักดิ์สยามเคยกู้ยืมเงินจาก หจก. ตั้งแต่ปี 2558-2559 จำนวน 4 ครั้ง เป็นยอดรวมทั้งสิ้น 108,499,000 บาท โดยมีสัญญากู้ยืมเงิน ต่อมานายศักดิ์สยามได้ชำระหนี้เงินกู้คืนทั้งก้อน ในวันที่ 22 เม.ย.2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง สส. 33 วัน

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนเมื่อปี 2565 หลังจากนายศักดิ์สยามชี้แจงในสภา ตนได้ลุกขึ้นถามคำถามว่าหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีกับ หจก.แห่งนี้ได้โอนออกไปพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่ ทว่าไม่เคยได้รับคำตอบ แต่ข้อมูลจากเอกสารของ หจก.บุรีเจริญฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากการโอนหุ้น หจก.แห่งนี้ออกไป ไม่ได้มีการโอนหนี้สินก้อนนี้ออกไปด้วย เอกสารฉบับนี้จึงเป็นการมัดตัวว่าหนี้สินก้อนนี้ยังเป็นของนายศักดิ์สยามอยู่ หลังจากการโอนหุ้นเมื่อปี 2561 อย่างแน่นอน

"คำถามต่อไปคือ มีการชำระหนี้เงินกู้คืนเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ก่อนที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ เพราะในเมื่องบการเงินของ หจก.สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2562 ระบุชัดว่า ยังมีเงินให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาท หลังจากนั้นยอดหนี้สินนี้จึงถูกปิดลงเหลือ 0 บาทในงบการเงินสิ้นปี 2563" สส.พรรค ก.ก.รายนี้ระบุ

นายปกรณ์วุฒิกล่าว การตรวจสอบบัญชี การปิดงบการเงินนั้น จำเป็นต้องสอดคล้องกับเอกสารทางการเงินและยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของ หจก. เพราะเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องยื่นต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย จึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ดังนั้น เป็นไปได้อย่างมากว่านายศักดิ์สยามยังคงเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้อยู่ 38 ล้านบาทในสิ้นปี 2562 และไม่ได้ยื่นในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

"ข้อสันนิษฐานของผมคือ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจไม่ได้มีการชำระหนี้ก้อนนี้ทั้งหมด และยังมียอดหนี้คงค้างตามในงบการเงิน จึงใช้วิธีหายอดเงินที่มีการโอนเข้า หจก.จริงๆ ซึ่งอาจเป็นธุรกรรมเพื่อการอื่น มากล่าวอ้างว่าเป็นการใช้หนี้ แต่เผอิญยอดเงินไม่ตรงกับ 69 ล้านบาทที่ปรากฏในงบการเงิน จึงต้องสร้างยอดหนี้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในงบการเงินมาก่อน ทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสัญญาเงินกู้ที่ยอดเงินสูงขนาดนี้ มีการติดอากรแสตมป์ที่จะมีวันที่ประทับเพื่อให้มีผลทางกฎหมายอย่างเป็นทางการหรือไม่” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

นอกจากนี้ ประการต่อไปที่คิดว่าเป็นข้อสงสัยมากที่สุด เมื่อตนอ่านเอกสารชี้แจงของ หจก.ดังกล่าว ก็ลองนึกย้อนไปถึงเนื้อหาที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้ และตอนที่นายศักดิ์สยามลุกขึ้นมาชี้แจงในสภา เนื้อหาส่วนหนึ่งของการอภิปรายของตนคือ การตั้งข้อสงสัยว่า ตัวเลขในการยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้นไม่สอดคล้องกับการขายหุ้นของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เพราะหากมีการขายหุ้น และนายศักดิ์สยามได้เงิน 120 ล้านบาทจริง เมื่อเดือน ม.ค.ปี 2561 เหตุใดในการยื่นทรัพย์สินใน 16 เดือนให้หลัง กลับมีเงินสดเงินฝากเพียงแค่ 76 ล้านบาท หากเป็นตัวเลขจริง แปลว่านายศักดิ์สยามใช้เงินที่ไม่ใช่การซื้อทรัพย์สินอย่างน้อย 40 ล้านบาทภายใน 16 เดือน และถ้าใช้แค่ 40 ล้าน ก็ตั้งอยู่บนข้อสมมติที่ว่า ก่อนเดือน ม.ค.ปี 2561 นายศักดิ์สยามไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว

"ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ ตัวแทนผู้ร้องคือผมและ พ.ต.อ.ทวี ได้ยื่นรายชื่อพยานบุคคลทั้งหมด 22 คน และรายชื่อพยานเอกสาร 19 รายการ ที่จะขอให้ศาลเรียกเพื่อชี้ข้อพิรุธและหักล้างคำชี้แจงดังกล่าวของนายศักดิ์สยามผู้ถูกร้อง" นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการแถลงข่าวเปิดหลักฐานใหม่ในวันนี้จะกระทบต่อการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ

 “ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล นายพิธาได้เป็นนายกฯ ผมคิดว่าภาพที่พรรคตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง คงไม่ใช่ภาพที่ทุกคนแปลกใจ ดังนั้นเราเคยทำแบบไหน พูดแบบไหน เราก็ทำแบบนั้น การตรวจสอบการทุจริตนั้น ไม่มีเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำสิ่งที่ถูกต้อง” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

'โอ๋' ลั่นมีหลักฐานชี้แจงครบ

ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตอบโต้เรื่องดังกล่าวว่า ไม่มีอะไร เรามีเอกสารหลักฐานยืนยัน ซึ่งตนไม่ได้มีหุ้นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 เดี๋ยวจะให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูลแล้วชี้แจงกับสื่อมวลชนอีกครั้งในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ตนมีหลักฐานชัดเจน เพราะการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต้องตรวจให้เรียบร้อย และยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะยิ่งต้องทำให้ดี

ถามว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับที่พรรค ภท.อาจจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ต้องถามคนที่ตั้งประเด็น เรามีหน้าที่ชี้แจง เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และเราก็เชื่อมั่นในกระบวนการ

เมื่อถามว่า ส่วนที่มีการอ้างว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ไปรับงานของรัฐบาลนั้น นายศักดิ์สยามชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกัน การประมูลงานของรัฐเป็นการดำเนินการตามระเบียบพัสดุอยู่แล้ว เมื่อมีการประกวดราคา บริษัทที่มีคุณสมบัติก็มีหน้าที่ไปซื้อแบบแล้วเข้าประมูลโดยวิธีอีบิดดิ้ง ไม่ใช่วิธีพิเศษอะไร เพราะฉะนั้นบริษัทที่ได้งานในประเทศไทยมีไม่รู้เท่าไหร่ ถ้ามีคุณสมบัติและยื่นตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้วได้งาน ชนะ ก็เป็นความชอบธรรมของเขาในการดำเนินการ 

"อย่ามาบอกว่าเป็นของใคร และผมขอยืนยันว่าไม่มีข้อเกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนฯ บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ตั้งแต่ปี 2562 และไม่กังวลใดๆ เพราะการตรวจสอบบุคคลสาธารณะเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาเมื่อศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เรามีหน้าที่รวบรวมข้อมูลไปชี้แจง ส่วนที่เรื่องช้าเพราะเข้าใจว่าเอกสารของผู้ยื่นร้องมีจำนวนมากกว่า 600 หน้า แต่ละข้อก็ต้องไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งก็มีเป็นหลัก 1,000 หน้า แต่ยืนยันว่ามีความพร้อมในการชี้แจงทั้งหมด" นายศักดิ์สยามกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่พร้อมหรือไม่ที่จะรักษาการยาวถึง 10 เดือน เพียงแต่ยิ้ม เมื่อถามย้ำว่ากรณีที่มีข้อเสนองดโหวตนายกฯ ไปถึง 10 เดือนมีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ควรละมั้ง

จากนั้นหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามสื่อเพียงสั้นๆ ถึงการที่บอกตั้งรัฐบาลไม่ควรยืดไปถึง 10 เดือนว่า ก็ต้องดูความเสียหาย ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบและกติกา

มีรายงานว่า ในการประชุม ครม.ช่วงหนึ่ง ระหว่างที่กำลังหารือถึงภาวะเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับที่ประชุมว่ามีข่าวในโซเชียลมีเดียทำนองว่ารัฐบาลนี้ทำไว้ไม่ดี รัฐบาลหน้ามาคงแก้ไขไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี และเงินไม่มี เป็นผลมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ทำให้สำนักงบประมาณชี้แจงว่า งบประมาณยังมีอยู่คงเดิม การเก็บรายได้ยังทำได้ปกติ ไม่ใช่เศรษฐกิจไม่ดี และเป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจบการพิจารณาในหลายวาระ พล.อ.ประยุทธ์มักจะกล่าวถึงรัฐบาลชุดหน้าในเชิงอยากให้ช่วยสานต่องานว่า ฝากรัฐบาลชุดต่อไปด้วย

'ธรรมนัส' จี้เร่งตัดรัฐบาล

นอกจากนี้ ในการพูดคุยกันนอกรอบพล.อ.ประยุทธ์ยังได้แซวถึงกรณีที่มีการเสนอให้อยู่อีก 10 เดือน เพื่อรอ สว.หมดอำนาจโหวตนายกฯ ในเดือน พ.ค.67 ในลักษณะว่าไม่ได้ประสงค์จะอยู่ต่อว่า “จะให้อยู่อีกสิบเดือนเหรอ ผมไม่ได้อยากอยู่”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเสนอยืดเวลาออกไปอีก 10 เดือน เพื่อให้หมดอำนาจในการโหวตนายกฯ ว่า   ไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่ว่าพรรคการเมืองทั้งหลายเขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และรัฐบาลเองไม่อยากที่จะอยู่แบบนั้นด้วย แต่ละคนก็หมดเวลา และอยากจะแยกย้ายไปทำมาหากินของตัวเอง เพราะยังมีวิธีอื่นอีกตั้งเยอะแยะ และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถ่วงเวลาไปอย่างนั้น รัฐบาลจะแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็ลำบาก จะใช้งบกลางก็ลำบาก  จะเสนองบประมาณใหม่เข้าสภาก็ไม่ได้ และในระหว่างนี้อาจจะต้องโดนไปตอบกระทู้ รัฐบาลต้องไปตอบเอง

ถามว่า ถ้า สว.หมดอายุไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการคัดสรรอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ในระหว่างที่มีการคัดสรร สว.ชุดใหม่ สว.ชุดเก่าจะต้องรักษาการต่อไป แต่ไม่สามารถมีส่วนในการเลือกนายกฯ ได้ในช่วงรักษาการนี้ เพราะการเลือกนายกฯ เขาล็อกเอาไว้ 5 ปี พอครบ 5 ปีในวันที่ 11 พ.ค.67 ก็หมดไป ซึ่ง สว.ก็หมดไปด้วย สว.ที่อยู่เขาให้อยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่อื่นที่ ไม่ใช่หน้าที่ตามมาตรา 272 ไม่ใช่การเลือกนายกฯ ส่วนการคัดสรร สว.ใหม่จะใช้เวลาเท่าไหร่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะต้องมีกฎหมายลูกในการคัดสรร สว. โดยคัดสรรเป็นอาชีพ ไม่ได้คัดสรรเป็นจังหวัด เรื่องนี้ทาง กกต.เป็นคนจัดการ ซึ่งหาก สว.ชุดนี้ใกล้หมดวาระ ทาง กกต.จะมาคิดวางไทม์ไลน์ต่อไป 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวที่บอกว่าจะพอแล้ว จะไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่รู้ๆ ต้องดูก่อน ตนยังไม่เคยพูดที่ไหนว่าจะวางมือ เมื่อถามว่าแล้วจะเอายังไงต่อไปในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่บอก ให้รอดู

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรค พปชร. ในฐานะประธานผู้ประสานงาน ส.ส.พปชร. กล่าวว่า หลังการเลือกตั้ง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องมีรัฐบาล ถ้าจะให้รอไปอีก 10 เดือน ตนว่าไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องรีบจัดตั้งรัฐบาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง