ปัดยืมมือเทก้าวไกล ชลน่านย้ำแค่เชิญมาคุย/ชทพ.-พปชร.เมินผสมพรรค112

"เพื่อไทย" ยังคึกคักถึงคิว "ชทพ.-พปชร." มาหารือ “ชลน่าน” ย้ำเชิญมาคุยยังไม่ถึงจัดตั้งรัฐบาล ออกตัวทำตามมติ 8 พรรคร่วมไม่คิดยืมปากเขี่ยพรรคใด “วราวุธ" ลั่นไม่ร่วมกับพรรคที่แก้ ม.112 สร้างความแตกแยก "ทะลุวัง" บุกป่วน! สาดแป้ง-เทช็อกมินต์ระหว่าง พท.-พปชร.หารือ ขวางจับมือพรรคเผด็จการจำแลง "พปชร." หนีกลับมาแถลงที่ฐานที่มั่น "สันติ" ประกาศไม่เอา ก.ก. "ธรรมนัส" ปัดข่าวลือ "บิ๊กป้อม" ลาออก มองสเปกนายกฯ ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง หัวหน้า พท.นัดคุย 8 พรรคร่วม 25 ก.ค.นี้

เมื่อวันอาทิตย์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังมีความเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนการหารือร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในเวลา 14.00 น. ว่า ไม่กังวลกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ถึงการเชิญพรรคการเมืองต่างๆ มาพูดคุย และมีการดื่มช็อกโกแลตมินต์ร่วมกัน เป็นสิทธิของประชาชนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่พรรคเพื่อไทยก็พร้อมชี้แจง และไม่ได้มองเป็นการกดดัน และเป็นข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยจะต้องนำมาประกอบการพิจารณาการดำเนินการต่างๆ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.59 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา  พร้อมด้วยแกนนำพรรค ประกอบด้วย นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค,  นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค,  นายอนุชา สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม รองหัวหน้าพรรค และนายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม เดินทางมาถึงที่ทำการพรรค พท. โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท., นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับ

โดยนายวราวุธกล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกัน ส่วนการเดินทางมาวันนี้ใช้เวลาตัดสินใจนานหรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเราก็ได้พูดคุยกันอยู่เรื่อย เพียงแต่วันนี้เรามาพูดคุยเพื่อตอกย้ำแนวทางที่เราจะไปด้วยกัน

 จากนั้นเวลา 15.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรค พท. พร้อมกับนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชพท. และแกนนำพรรค ชทพ.ร่วมแถลงข่าว โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ต้องขอบคุณพรรค ชพท. ที่นำโดยนายวราวุธ ที่ให้เกียรติกับพรรคพท.อย่างยินดี ขอย้ำว่าสิ่งที่พรรค พท.ทำคือแนวทางที่ 8 พรรคร่วมได้มอบหมายภารกิจให้เรา ไม่ได้เป็นการเชิญมาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่หารือว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร

 ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ละพรรคการเมืองที่เข้ามาพูดคุยกับพรรค พท. ไม่ยอมรับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถือเป็นการผลักให้ ก.ก.เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราดำเนินการตรงนี้ภายใต้เงื่อนไขของ 8 พรรคร่วม ข้อพิจารณาทั้งหมด คำตอบที่เราได้จะเข้าสู่การพิจารณาของ 8 พรรคร่วม เราจะนำสิ่งเหล่านี้ไปคุยกัน 8 พรรคร่วมเห็นอย่างไร อยู่ตรงนั้นมากกว่า ไม่ใช่การผลัก

"พท.ทำงานเปิดเผย ไม่มีลับลมคมในกับเพื่อนเรา เมื่อส่งมอบภารกิจให้เรา เราทำตามมติของ 8 พรรคร่วม ฉะนั้นทุกสิ่งที่พูดตรงนี้เป็นกระบวนการ ถ้าถามว่า พท.เอาอย่างไรแน่ ก็ต้องหลังจากที่เราทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ได้รับคำตอบจากพรรค และ สว.ตอบเราชัดเจน เราจะเอาความเห็นเหล่านี้เข้าสู่ 8 พรรคร่วม" นพ.ชลน่านกล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ระบุว่า พท.จะเอาอย่างไรกันแน่ เป็นการยืมปากให้พรรคอื่นๆ มาบีบให้ ก.ก.ไม่อยู่ในสมการของการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และกล่าวด้วยว่า การโหวตนายกฯ เป็นการประชุมร่วมสภา มี 3 ฝ่าย ต้องหารือว่ามีความจำเป็นต้องเลื่อนหรือไม่ เหตุผลเลื่อนเพราะอะไร

ส่วนกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พท.ไม่ควรนำเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ามาร่วม นพ.ชลน่านกล่าวว่า ความเห็นของ สส.ในสื่อเป็นเสรีภาพของแต่ละคน เราไม่ได้ปิดกั้น จะดูว่ามีผลกระทบอย่างไร ถ้าเป็นเชิงบวกก็ดี ถ้าลบก็ต้องมาพูดคุยกัน

ถามว่า น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ระบุถึงกรณี นพ.ชลน่าน เคยบอกจะออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หากไปร่วมกับพรรคสองลุง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนจำที่เคยพูดได้ตลอด ยิ่งขณะนี้เผยแพร่ในโซเชียลเยอะมากยิ่งจำได้ดี และเหตุการณ์ขณะนั้นคือเหตุการณ์จริง ไม่ปฏิเสธ แต่ถามว่าจะมีเหตุการณ์ข้างหน้า รอให้สถานการณ์จริงมันเกิด แล้วจะพิจารณาต่อ และจะตอบคำถามแน่นอน   

ชทพ.ยันต้องไม่แตะ ม.112

ด้านนายวราวุธกล่าวว่า การพูดคุยกันในวันนี้ เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของ ชทพ.ที่เราได้พูดไว้ตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้ง และตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เราได้เน้นย้ำจุดยืนของ ชทพ.คือการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์  กษัตริย์ เทิดทูนสถาบันอันเป็นที่สักการะของคนไทยทุกคน สิ่งสำคัญ เราจะไม่แตะต้อง ไม่แก้ไข ไม่ยกเลิกมาตรา 112 เป็นแนวทางสำคัญเรายึดมั่น ตลอดจนแนวทาง ทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย

"หากแนวทางของพรรคการเมืองใดก็แล้วมีแนวคิดเดียวกับ ชทพ. และมีทัศนคติเชิงบวกต่อสถาบัน เราสามารถมาพูดคุยกันทำงานกันได้ แต่ถ้ามีพรรคการเมืองใดมีแนวทางที่ต่างออกไป ก็คงแยกย้ายกันทำงาน แต่ถ้า พท.มีแนวทางคล้ายกับ ชทพ.เกี่ยวกับสถาบัน มาตรา 112 ถ้ามีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของ พท. พวกเราก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่การทำงานของ พท.จะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีแนวคิดที่แตกแยกออกจากที่เราคิดอยู่ ถ้ามีพรรคการเมืองใดมีแนวคิดแตกแยก คงจะแยกย้ายกันทำงาน" นายวราวุธกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก.ก.ลดเพดานมาตรา 112 ชทพ.จะสามารถทำงานร่วมกับ ก.ก.ได้หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือทัศนคติต่อสถาบัน เชื่อว่า พท.มีทัศนคติคล้ายคลึงกัน ถ้าพรรคการเมืองใดมีทัศนคติเชิงบวกกับสถาบัน สามารถพูดคุยกันได้

เมื่อถามว่า ถ้าไม่มี ก.ก.จะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ ของ พท.หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า เราไม่ได้จะเลือกที่รักมักที่ชังพรรคนั้นพรรคนี้ แต่บอกว่าถ้าทุกพรรคที่ทำงานร่วมกัน มีทัศนคติ มีแนวนโยบายไปทางเดียวกัน เรายินดีจะยกมือให้ การทำงานด้วยกัน มันต้องคิดไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าทำงานด้วยกันแล้วคิดตรงกันข้ามกัน คงทำงานไปด้วยกันไม่รอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้แกนนำ พท.ไม่ได้นำแกนนำ ชทพ.ไปกินมินต์ช็อกเหมือนแกนนำพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 22 ก.ค. เนื่องจากเปลี่ยนเป็นการไปเสิร์ฟให้ในที่ประชุมแทน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาหารือว่า ปชป.ยังไม่มีหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค จึงมองว่ากำหนดวันเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของประชาธิปัตย์คือ 6 ส.ค. ซึ่งไม่ทันกับการเลือกตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้

ต่อมาเวลา 15.55 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรค พปชร. และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เดินทางถึงพรรคเพื่อไทย โดยมี นพ.ชลน่าน, นายภูมิธรรมและนายประเสริฐให้การต้อนรับ

นายสันติได้ลงจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นโผเข้าไปโอบกอดและจับมือนายภูมิธรรม พร้อมกล่าวว่า “วันนี้กลับบ้านเก่า” เมื่อถามว่า ถือเป็นการสู่ขอวันแรกหรือไม่ แต่ ร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ถามอีกว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ได้ฝากอะไรมาหรือไม่ในการพูดคุย แต่ ร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าวพร้อมเดินขึ้นไปด้านบนทันที

'ทะลุวัง' บุกป่วนพท.-พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่แกนนำพรรค พท.ร่วมหารือกับแกนนำพรรค พปชร.กันอย่างชื่นมื่นบนห้องประชุมชั้น 9 ปรากฏว่าในช่วงเวลา 16.19 น. กลุ่มทะลุวัง นำโดย น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง หนึ่งในสมาชิกกลุ่มทะลุวัง, น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน, น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม และ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือหยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง  และสายน้ำ จำเลยคดี ม.112 เดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เรียกร้องจุดยืนไม่เอาเผด็จการ พร้อมกับนำบอร์ดลงคะแนนโหวต ระบุข้อความว่า เห็นด้วยหรือไม่ถ้าเพื่อไทยจับมือกับเผด็จการเพื่อให้ประชาชนร่วมกันโหวต และพยายามบุกเข้าภายในที่ทำการพรรค

เมื่อมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามกัน ทางกลุ่มทะลุวังจึงได้ตะโกนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้อนรับประชาชนหรือ และวันนี้จะมาเพื่อกินมินต์ช็อก พร้อมกับแหวกแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ รปภ.และสื่อมวลเข้าไปยัง ThinkLab ซึ่งเป็นร้านกาแฟประจำพรรค โดยยังระบุด้วยว่า ช็อกมินต์จะไม่เหมือนเดิมหากร่วมจับมือกับ พปชร. นอกจากนี้ ยังมีมวลชนกลุ่มทะลุวังบางคนพยายามเอาเสื้อสกรีนคำว่า กูKult ไปสวมทับหุ่นโชว์เสื้อ พท.สีแดงแทน แต่เจ้าหน้าที่ห้ามปรามและให้ถอดออก 

โดยเมื่อการหารือระหว่างแกนนำ พท.และ พท.เสร็จสิ้น และกำลังจะเตรียมแถลงข่าว ทางกลุ่มทะลุวังจึงรีบวิ่งออกจาก ThinkLab เพื่อไปดักแกนนำทั้งสองพรรค และตะโกนล้อเลียน ประเด็นมันคือแป้ง และมีการเทช็อกมินต์ทิ้งลงพื้น ซึ่งพอดีกับช่วงที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับแกนนำ พปชร.ลงจากห้องประชุมพอดี จึงกรูเข้าไปแล้วโปรยแป้งอเนกประสงค์ใส่บรรดาแกนนำพรรคจนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณนั้น เกิดความชุลมุน และมีแป้งบางส่วนโดน ร.อ.ธรรมนัสเล็กน้อย ทำให้การแถลงข่าวของแกนนำทั้งสองพรรคต้องยกเลิก

ในเวลา 16.40 น. ร.อ.ธรรมนัสและแกนนำได้เดินทางออกจาก พท.ทางด้านหลัง เมื่อแกนนำม็อบรู้จึงพยายามรีบวิ่งไปขวางรถยนต์ เมื่อขวางไม่สำเร็จจึงรีบเดินทางตามไปยัง พปชร.ต่อ พร้อมประกาศขู่ว่า ถ้ามีการยืนยันว่าจับมือกันตั้งรัฐบาลจะกลับมาอีกทันที ไม่คิดว่า พท.จะเปลี่ยนจุดยืนได้เร็วขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากกลุ่มทะลุวังเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทยไปสักครู่หนึ่ง แกนนำ พท.จึงได้แถลงผลการหารือกับ พปชร. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.มักกะสันคอยรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบๆ พรรค กระทั่งพรรค พท.แถลงเสร็จสิ้น ปรากฏว่าจากนั้นไม่นาน ประมาณเวลา 18.15 น. กลุ่มทะลุวังได้เดินทางกลับมาที่พรรค พท.อีกครั้ง โดยระบุว่า ต้องการมาพบ นพ.ชลน่าน เพื่อถึงความชัดเจนในการจับมือกับพปชร.ตลอดจนสอบถามว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรค พท.เมื่อไหร่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปิดประตูไม่ให้เข้าที่ทำการพรรค และหันไปขึ้นทางบันไดหนีไฟแทน แต่เมื่อขึ้นไปแล้วไม่เจอใครจึงลงมา พร้อมกับประกาศว่า จะกลับมาอีกหากมีจับมือกัน ก่อนจะเดินทางด้วยรถยนต์ออกไปเพื่อร่วมชุมนุมที่แยกอโศกต่อ

ทั้งนี้ เวลา 17.30 น. นพ.ชลน่าน แถลงผลสรุปการหารือระหว่าง พท.กับพปชร.ว่า โดยสรุป พปชร.ได้ยึดมั่นต่อเจตนารมณ์​ กรณีถ้ามีการแก้ไขมาตรา 112 และมีลักษณะของการทำงานในแนวทางอุดมการณ์ของพรรคการเมืองที่เขาเห็นว่าไม่สามารถร่วมงานด้วยได้ เขาก็ไม่สามารถร่วมงานกับ พท.ได้ เขาก็ยืนยันในเจตนารมณ์ว่าไม่แตะต้อง ม.112 

พท.นัดถก 8 พรรค 25 ก.ค.

"เราจะเชิญ 8 พรรคร่วมมาประชุมปรึกษา​หารือกัน โดยนัดหมายในวันที่ 25 ก.ค. เวลา 14.00 น. ที่พรรค พท. เพื่อนำประเด็นทั้งหมดมาพูดคุย โดยจะแถลงทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลว่าวันที่ 27 ก.ค. จะเป็นอย่างไร"

เมื่อถามว่า การพูดคุยวันที่ 25 ก.ค. ของ 8 พรรค โจทย์ของเราคือต้องได้ 375 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ใช่ เพราะเรามีเวลาอยู่ 2 วัน ก่อนส่งตัวแทนเข้าไปโหวตในที่ประชุมรัฐสภาจึงต้องมีข้อสรุป เมื่อถามย้ำว่าก่อนโหวตนายกฯ วันที่ 27 ก.ค. พรรคเพื่อไทยต้องมั่นใจใช่หรือไม่ว่าต้องได้เสียงเกิน 375 เสียง นพ.ชลน่าน ตอบว่า “เป็นคำถามที่ดี เราต้องสร้างความมั่นใจให้ได้”

เมื่อถามถึงกรณีมีกลุ่มมวลชนทะลุวังมาที่พรรคเพื่อไทยวันนี้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องการแสดงออกของประชาชนเป็นเรื่องที่เราเคารพ ขอให้อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ลุกลาม เราถือเป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงออก เราไม่อยากฟ้องร้องประชาชน เราเพียงเสียใจกับแขกที่เราเชิญมา เพราะเราห่วงความปลอดภัยของแขกและสื่อที่มาร่วมทำข่าวที่พรรคเพื่อไทย เราจะทำเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายไม่ปิดกั้น

เวลา 18.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร ร่วมแถลงข่าว โดยนายสันติ กล่าวว่า พปชร.ได้รับเกียรติจาก พท.ไปพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตของการตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมือง จากการพูดคุยวันนี้ได้รับความรู้สึกที่ดี แล้วปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา ได้แจ้งให้กับ พท.ไปว่าพรรคที่เราจะร่วมทำงานด้วยได้ต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไข มาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว พปชร.ไม่สามารถร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ เป็นหลักการสำคัญของ พปชร.ที่เราจะปฏิเสธการทำงานกับพรรค ก.ก. ที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เพราะ พปชร.ตระหนักถึงว่า เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแก้ไขดังกล่าว พปชร.รับไม่ได้

"พรรคเพื่อไทยจะได้ไปคิดแล้วไปตรึกตรอง ไปวางแผนเอง เพราะขณะนี้ พท.แจ้งว่าได้รับฉันทานุมัติเป็นผู้ที่จะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และเดินหน้าพูดคุยกับแต่ละพรรค รวมถึง สว. เพื่อรับรู้ความเห็น แล้วจะไปคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤตของบ้านเมืองครั้งนี้ นอกจากนี้ ได้ย้ำว่าประเทศจะขาดรัฐบาลไปนานๆ ไม่ได้ จึงต้องรีบ ช่วยกันเร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เพื่อบริหารชาติบ้านเมือง"

พปชร.ย้ำก้าวข้าวความขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกฯ จะให้จบในวันที่ 27 ก.ค.หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า มีความพยายามที่จะเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จในการเชิญแต่ละพรรค และประสาน สว. ว่ามีข้อจำกัดอย่างไร  ตนเป็นประธานกรรมาธิการงบประมาณมาถึง 4 ครั้ง และรู้ดีว่าพรรค ก.ก.มีนโยบายแนวคิดอย่างไร

เมื่อถามว่า จะลบภาพในอดีตเก่าๆ ได้อย่างไรในสายตาประชาชน หากต้องมาร่วมรัฐบาลกัน ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า วันนี้เป็นการหารือเรื่องแก้วิกฤตทางออก ไม่ใช่การหารือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน พปชร.ได้ประชุมและมีจุดยืนร่วมกันว่าหากต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ต่างกันขอไม่ร่วมดีกว่า ทั้งนี้ จุดยืนของ พปชร.ที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นหากเมื่อประเมินแล้วว่าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดแล้วจะเกิดความขัดแย้งเราไม่ขอเข้าร่วม 

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เห็นด้วยหรือไม่กับการหารือครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคมีการประชุมหารือกันแล้วและมีจุดยืนชัดเจนเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อถามถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรชิงตำแหน่งนายกฯ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลของ พปชร.ต้องมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของ สส. 250 คน ถ้าเสียงไม่พอจะไม่ทำ เพราะเกรงจะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และที่ประชุม พปชร.ได้มีมติชัดเจนว่าจะไม่เสนอชื่อหากไม่สามารถรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่ง                      เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประวิตรจะลาออกเพื่อเปิดทางให้ในประเด็นไม่มีลุง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ในการที่จะรับตำแหน่งอะไรในอนาคตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่จะทำอะไรต้องนึกถึงภูมิประวัติที่สร้างมา

เมื่อถามถึงการขอเสียงสนับสนุนนายกฯ ของแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้เชิญแกนนำทุกพรรคที่อยู่ในขั้วรัฐบาลเดิมคือ 188 เสียง ไม่ได้เชิญเพียง พปชร. แต่คิดว่า บุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ต้องนำทางบ้านเมืองให้ก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้

ร.อ.ธรรมนัสยังกล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ถูกกลุ่มทะลุวังเข้ามาต่อต้านที่ทำการพรรคเพื่อไทย มองว่าเป็นเรื่องปกติระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีปัญหาทุกสมัย แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารประเทศแล้วผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือว่าจะนำพาประเทศชาติไปได้ในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเป็นเรื่องสำคัญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง