จ่อตัดหาง‘ก้าวไกล’ ส.ส.อีสานเร่งเกมเคาะก่อน27กค. ห่วงแคนดิเดตนายกฯพท.สะดุด!

"เพื่อไทย" หวานไม่เลิก! ถกร่วม "ก้าวไกล" บอกอยากจับมือกับ 8  พรรคร่วม 312 เสียงตั้งรัฐบาล แต่โยน "ก.ก." ต้องกลับไปทำการบ้านแก้ปัญหา  "ส.ว.-ส.ส.พรรคอื่น" ยี้ก่อน "ชลน่าน" ลั่นเสนอนายกฯ ต้องมั่นใจว่าได้ ย้ำชัดไม่แตะ 112  "ส.ส.อีสานเพื่อไทย" ขยับจี้พรรคตัดหางก้าวไกล ห่วงทำให้แคนดิเดตนายกฯ พท.สะดุด "ชัยธวัช" บอก ปชช.เลือกมาเป็นรัฐบาล ไม่คิดพลิกขั้วอยู่ฝ่ายค้าน "เสี่ยหนู" นิ่งขอเล่นตามกติกา ระบุยังไม่ถึงเวลา "ภท." ผงาด

มีความเคลื่อนไหวภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติตีความว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติที่ไม่สามารถเสนอซ้ำได้ในสมัยประชุมเดียวกันได้ ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ซ้ำรอบสองได้นั้น

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. กล่าวถึงท่าทีของพรรคในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ส่วนจะมีความชัดเจนในการเสนอชื่อตนเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร ต้องรอข้อสรุปจากการประชุม

ถามว่า เมื่อเปลี่ยนเป็นพรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วมยังเหนียวแน่นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ โดยคณะเจรจาอาจจะไปพูดคุยกัน เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

"พรรคที่จะเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องของการแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. รวมถึงพรรคการเมืองอื่น คณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมากๆ นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร" นายเศรษฐากล่าว

ซักถึงวิธีใดที่จะทำให้มาตรา 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำให้คนเข้าใจพรรค พท.มากที่สุดว่าเราไม่ได้หักพรรค ก.ก.  นายเศรษฐากล่าวว่า ตนพูดแทนพรรคก.ก.ไม่ได้ แต่พรรค พท.คงต้องพูดคุยกัน ถ้าเราจะเป็นแกนนำเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหยุดลงไป

เมื่อถามว่า หาก พท.เป็นแกนนำแล้วไม่แตะมาตรา 112 ความสัมพันธ์กับพรรค ก.ก.จะเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะตนไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา แต่ส่วนตัวคิดว่าหากมีมาตรา 112 อยู่ คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ พรรค 

พอถามว่าคิดหรือไม่ว่าตอนนี้เกมบีบให้พรรค พท.ต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า หากตนต้องตอบคำถามนี้ อย่างไรก็ต้องคิดอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ซับซ้อนมาก ต่างคนต่างคิดไป แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจ คณะกรรมการบริหาร คณะเจรจาร่วมต้องเป็นคนพิจารณาให้ดี ส่วนเรามีหน้าที่ที่ต้องทำต่างกันไป

"อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ 8 พรรคก็ยังอยู่ด้วยกัน การที่จะมีการเปลี่ยนแปลงข้ามขั้ว หรือจะมีพรรคอื่นเข้ามาเสริม ก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ขอให้ใจเย็น มีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 ก.ค. เราต้องให้เกียรติกับพรรคร่วม ซึ่งผลการโหวตเมื่อวันที่ 19 ก.ค. เป็นผลที่น่าผิดหวัง แต่ก็ต้องยอมรับและเดินต่อไป" นายเศรษฐากล่าว

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีการประชุมส.ส.ของพรรคเพื่อหารือถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ โดยนายชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวว่า จะเดินทางไปพรรค พท.เพื่อหารือร่วมกันว่าจะประเมินในแต่ละฉากทัศน์อย่างไรบ้าง โดยทิศทางหลักในการหาทางออกตอนนี้ คือการพยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมทั้ง 8 พรรคให้สำเร็จ ซึ่งอีก 1-2 วันก็จะชัดเจน เพราะเวลาการทำงานมีจำกัด

ถามถึงแนวโน้มการประชุมครั้งหน้าจะพลิกเป็นพรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน นายชัยธวัช กล่าวว่า นายพิธาเคยแถลงไว้แล้ว หากประเมินแล้วโอกาสที่พรรค ก.ก.จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ไม่มีความเป็นไปได้จริงๆ ก็คงต้องเปิดโอกาสให้กับประเทศ อยู่บนกรอบที่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของ 8 พรรคร่วม และเอ็มโอยูที่ได้ทำร่วมกันไว้

เพื่อไทยย้ำชัดไม่แตะ 112

ซักถึงการพลิกขั้วไปเป็นฝ่ายค้าน นายชัยธวัชกล่าวว่า การพลิกขั้วรัฐบาลจากสมัยที่แล้วประชาชนได้แสดงความชัดเจนแล้วว่าต้องการให้พรรค ก.ก. พรรค พท.ขึ้นมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ก็คงจะทำให้ดีที่สุด แต่ก็ยังมีกระแสว่าจะมีการเสนอนายกฯ ที่มาจากพรรค พท. แต่หากมีพรรค ก.ก.ร่วม ก็จะยังไม่โหวตให้ เรื่องนี้อย่าเพิ่งรีบไปสรุป

เลขาธิการพรรค ก.ก.ยังกล่าวถึงนายพิธาว่า เมื่อคืนได้มีการคุยกัน จิตใจดี แข็งแรงดี ที่ผ่านมานายพิธาไม่ได้พักผ่อนเลย จึงขอไปพักผ่อนกับลูกสาว และในวันที่ 22 ก.ค.ก็จะกลับมาทำงานกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.15 น.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เดินทางเข้ามาที่พรรค ก.ก.เพื่อประชุมร่วมกับคณะก้าวหน้า โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อคืนวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาได้ให้กำลังใจนายพิธาอย่างไรบ้าง  นายธนาธรระบุว่า “เรียบร้อยดี” ส่วนกำลังใจของนายพิธาดีหรือไม่นั้น นายธนาธรยกนิ้วโป้งแล้วพูดว่า “เยี่ยมมากครับ”

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย  มีการประชุมร่วมกันระหว่างแกนนำพรรค พท.และแกนนำพรรค ก.ก. ภายหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่ให้เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีในรอบที่ 2 โดยพรรค พท.ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ส่วนพรรค ก.ก.มีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าร่วมประชุม ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง

นพ.ชลน่านกล่าวถึงการหารือกับแกนนำพรรค ก.ก.ว่า มติผู้บริหารพรรคมอบหมายให้ตนพิจารณาว่าเมื่อถึงเวลาการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จะทำอย่างไร เมื่อถามว่าแล้วจะมีความชัดเจนเมื่อไหร่เรื่องการเคาะชื่อแคนดิเดต นพ.ชลน่าน กล่าวว่า น่าจะหลังวันที่ 25 ก.ค. ส่วนจะเดินหน้าคุยกับ ส.ว.เลยหรือไม่นั้น คงต้องรอพรรค ก.ก.ไปประชุมภายใน แล้วมาแจ้งเราเพื่อเริ่มกระบวนการคุยอย่างเป็นทางการ 

ถามว่าพรรค ก.ก.จะขัดหรือไม่ถ้าหากพรรค พท.จะขอเสนอชื่อนายเศรษฐา นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่น่าขัด พรรค ก.ก.ไม่ได้ติดใจว่าแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.จะเป็นใคร แต่ที่ยังประกาศไม่ได้ เพราะต้องดูสถานการณ์ทั้งหมดว่ามีความชัดเจนอย่างไร เป้าหมายเรา เราเสนอ เราต้องได้  ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทดลอง และหลังจากที่เราได้รับการประกาศชัดเจนว่าเราเป็นแกนนำ เราก็จะแสวงหาคะแนนผู้สนับสนุน เมื่อถามว่ามีสูตรว่า พท.จะไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ไม่เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด เรามุ่งหน้าในการที่จะหาคะแนนโหวตบนพื้นฐานหลักการเดิมของเรา หากเราได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้จะแก้ไขอย่างไร

ถามย้ำว่า ถ้าจะโหวตนายกฯ จากพรรค พท. ต้องไม่มีมาตรา 112 เข้ามาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อยู่แล้ว และเมื่อ พท.เป็นแกนนำ มีหน้าที่จะต้องหาคะแนนให้ได้ 375 เสียง นี่คือเป้าหมาย แต่วิธีการหาหากมีอุปสรรคและเงื่อนไข จะต้องไปจัดการในนามของพรรคร่วม เมื่อย้ำถามว่ามาตรา 112 จะเป็นอุปสรรคในการโหวตนายกฯ ของพรรค พท.ครั้งที่ 3 หรือไม่ เพราะ ส.ว.หลายคนตั้งแง่อยู่ ถ้าหากยังมีพรรค ก.ก.อยู่ด้วย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตอบแบบนี้คงไม่ถูก ในข้อเท็จจริงที่ ส.ว.อภิปรายว่าเขามีประเด็นในเรื่องมาตรา 112 เป็นอุปสรรคต่อการโหวตของ ส.ว.แน่นอน แต่เมื่อ พท.มาเป็นแกนนำ เรามีเป้าหมายจะต้องรวมเสียงให้ได้ แต่การจะหาคะแนนจาก ส.ว.ต้องใช้กลไกหลายอย่าง 

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้มี ส.ว.บางกลุ่มพร้อมจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท. เพราะเขามั่นใจว่าจะไม่แตะ ม.112 นพ.ชลน่านย้ำว่า “พรรคเพื่อไทยเราไม่แตะ 112 และใน MOU ก็ไม่แตะ 112 แต่มีพรรค ก.ก.อยู่ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคและสมาชิกของ ก.ก. พรรค พท.เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ จึงเน้นย้ำว่าต้องไม่อยู่ใน MOU ถ้าเราเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่มีใครแตะ"

จี้ ก.ก.สางปมยี้ก่อนร่วม รบ.

มีรายงานว่า ในวงหารือพรรค พท.ยังยืนยันอยากจับมือกับ 8 พรรคร่วมที่มีเสียงรวมกัน 312 เสียงในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทางพรรค ก.ก.ก็บอกพร้อมที่จะสนับสนุนพรรค พท.ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่จากการประเมินผลการโหวตของรัฐสภาที่ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธารอบสอง สะท้อนให้เห็นชัดว่า ส.ว.และ ส.ส.พรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้อยู่ใน 8 พรรคร่วม ไม่ยอมรับพรรค ก.ก. ถือเป็นการบ้านที่พรรค ก.ก.ต้องกลับไปคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร

"แกนนำของพรรค ก.ก.ยินดีไปรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคในการแก้ปัญหาข้างต้น และนำกลับมาสะท้อนกับพรรค พท. ที่จะมีการหารือกันอีกครั้งวันที่ 21 ก.ค. เพื่อพิจารณากำหนดทิศทางการร่วมมือในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯครั้งต่อไปวันที่ 27 ก.ค. ให้ได้เสียงรัฐสภาเกิน 376 เสียงให้ได้" แหล่งข่าวระบุ

ขณะที่นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า   ไม่ได้เข้าในการประชุมนี้ เพียงได้รับฟังจากแกนนำพรรค พท.ว่าได้มีการพูดคุยกัน แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ต้องรอให้ต่างฝ่ายต่างคุยกันให้ได้ข้อสรุปก่อน และเชื่อว่าขณะนี้ยังมีเวลาพิจารณาอยู่ ทันก่อนที่จะมีการประชุมรัฐสภาวันที่ 27 ก.ค.นี้ ซึ่งเราต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลด้วย  เพราะต้องให้พรรค ก.ก.ที่เป็นพรรคอันดับ 1 ไปเจรจากันภายในก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ได้มีกระแสข่าวแกนนำพรรค พท.ได้เตรียมการเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายเศรษฐาได้หารือกับแกนนำพรรคเป็นการภายในเพื่อการจัดตั้งรัฐบาลให้ราบรื่น ในเบื้องต้นจะต้องมีพรรค ก.ก.ร่วมเป็นรัฐบาลด้วย เพื่อให้มีเสียงสนับสนุนของประชาชน โดยนายเศรษฐาขอมีส่วนร่วมในการจัดคณะรัฐมนตรี และมีส่วนร่วมเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งขอให้พรรค พท.ไม่เสนอชื่อบุคคลที่มีภาพลักษณ์ไม่ดีเป็นรัฐมนตรี เพื่อลดแรงต้านของประชาชน

"นายเศรษฐาได้เสนอเงื่อนไขด้วยว่า พรรค พท.ไม่ควรจะนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้าร่วมรัฐบาล เพราะเคยประกาศตัวเป็นแกนนำ กปปส. ซึ่งเคยออกมาไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และพร้อมรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าร่วมรัฐบาล แต่ต้องไม่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุววรณ มาร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี" แหล่งข่าวจากพรรคพท.ระบุ

อย่างไรก็ดี นายเศรษฐาได้ปฏิเสธถึงประเด็นกระแสข่าวดังกล่าวว่า ยังไม่ได้เห็นเงื่อนไขของตัวเองเลย ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลือกันหรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ขอให้รอกันอีกนิด รอให้ 8 พรรคร่วมรัฐบาลคุยกันและมีข้อสรุปก่อน เพื่อเป็นบรรทัดฐานออกมา และมีการแถลงอย่างเป็นทางการให้เดินไปอีกขั้นหนึ่งก่อนดีกว่า และถ้าตนพร้อมจะบอกอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ตนอยากจะแถลงข่าวหรือมีข้อกำหนด เงื่อนไขยังไม่มีเลย

"เรื่องไม่เอา ปชป.และ รทสช. รวมทั้งขอเป็นคนจัดตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีเองนั้น ผมขอบอกการจัดต้้งมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันเป็นรัฐบาลผสม เดี๋ยวต้องว่ากันอีกที ส่วนเงื่อนไขจะร่วมกับใครหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่กรรมการบริหารพรรคพิจารณา” นายเศรษฐากล่าว

ถามถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์   อดีตนักการเมือง เตรียมจ้องที่จะแบล็กเมล์เกี่ยวกับเรื่องที่ดิน นายเศรษฐา กล่าวว่า เคยทำธุรกิจมานาน ก็มั่นใจว่าบริษัทเก่าที่ตนได้ทำมาก็ทำมาด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าเมื่อจะก้าวขึ้นมาเหมือนนายพิธาก็มีประเด็นที่จะถูกแฉเรื่อยๆ นายเศรษฐา กล่าวว่า เขาก็แฉกันมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามา เขาก็บอกว่าจะมีเรื่องที่จะแฉ แต่ก็ไม่เป็นไร ตนเข้าใจ เมื่อมาอยู่จรงจุดนี้ก็ต้องระมัดระวัง ยืนยันว่ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวจาก ส.ส.อีสานพรรค พท. ได้จับกลุ่มคุยกันว่าถึงเวลานี้การจัดตั้งรัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลง  เพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่เร็วที่สุด เพราะวันนี้ประเทศมีปัญหามาก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไข ตอนนี้เลือกตั้งมาแล้วกว่า 2 เดือน ยังไม่มีรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหา เมื่อพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับสองจึงต้องรับไม้ต่อและรีบดำเนินการ

"หลังจากนี้คงต้องสลาย 8 พรรคร่วมรัฐบาล เพราะผลคะแนนที่ออกมาเห็นชัดว่ากลุ่ม ส.ว.ไม่เห็นด้วยกับการให้พรรคก.ก.เป็นรัฐบาล หากพรรค พท.จะตั้งรัฐบาล ก็ต้องแยกตัวออกมา ซึ่งอาจจะมีกระแสโจมตีพรรค พท.บ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อได้เข้ามาทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น แล้วกระแสเหล่านั้นจะซาลงไป ที่สำคัญเรื่องเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีก้าวไกลต้องชัดเจนให้ได้ก่อนวันที่ 27 ก.ค. เพราะวันดังกล่าวพรรค พท.จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ถ้ายังมีก้าวไกลร่วมอยู่ อาจทำให้แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.ต้องสะดุด" แหล่งข่าวจาก ส.ส.อีสานพรรค พท.ระบุ

เสี่ยหนูนิ่งยังไม่ถึงเวลาขยับ

ขณะที่ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอแนะนำให้พรรคก.ก. ยอมทบทวนการดำเนินนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้เป็นสถานการณ์ใหม่ และสามารถเสนอชื่อนายพิธากลับเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ในสมัยการประชุมถัดไป โดยตนจะอาสาไปทำความเข้าใจ ส.ส.ฝั่งที่ไม่สนับสนุนนายพิธา โดยพร้อมสนับสนุนพรรค ก.ก.เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ขอให้พรรค ก.ก.ทบทวนในเรื่องนี้

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงท่าทีของพรรค ภท.ต่อจากนี้ว่า เหมือนเดิม พรรคออกแถลงการณ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา เราไม่สามารถร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายที่จะแก้ไขยกเลิกมาตรา 112 และไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ถามว่า พรรคเพื่อไทยโทร.มาจีบร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อมาเลย ตนคิดว่าต้องให้สถานการณ์เดินต่อเรื่อยๆ เพราะฝั่งที่จัดตั้งรัฐบาลอยู่ก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่ เมื่อถามว่าแนวโน้มถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ จะพิจารณาอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ได้เคยบอกไปแล้ว ส่วนจะเป็นทางตันหรือไม่ ต้องไปถามฝ่ายที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลอยู่ พรรค ภท.รักษามารยาท เล่นตามกติกา เพราะยังไม่ถึงพรรคลำดับ 3 

เมื่อถามว่า เมื่อพรรคลำดับ 2 ถึงทางตัน พรรคลำดับ 3 พร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องให้ถึงวันนั้นก่อน เรื่องพร้อมเป็นนายกฯ หรือไม่ พรรคก็เสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่แล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น เราต้องรักษามารยาททางการเมืองไว้ ซักว่าได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย ขณะนี้ไม่ได้มีการติดต่อประสานงานหารือระหว่างพรรคการเมืองด้วยกันเลย

ถามในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 หากมีชื่อนายเศรษฐา แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย ต้องคิดหนักหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เห็นต้องคิดอะไร ไปดูแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้ ตนว่าผู้สื่อข่าวต้องไม่จี้ถามแบบนี้ เพราะตนพูดไปแล้ว พรรคเราไม่ทำงานร่วมกับพรรคที่มีนโยบายแก้ไขยกเลิกมาตรา 112

ย้ำว่า พรรค พท.ต้องสลัดพรรค ก.ก.ให้หลุดก่อนใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของพรรค ภท. ขณะนี้พรรคยังไม่ได้มีการขยับในการจัดตั้งรัฐบาล ทาง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเขายังไม่แยกทางกัน ยังมีเอ็มโอยูอยู่ เขาก็ต้องไปแก้ปัญหาตรงนั้นก่อน

เมื่อถามถึงเหตุผลในการที่พรรคภูมิใจไทยจะขยับในการจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้คิด ตอนนี้เอาให้ได้รัฐบาลก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช่วยนักโทษติดคุกหมด เสรีพิศุทธ์ถอนตัวงัดหลักฐานมัดแก๊งชั้น14/ปชป.มีมติร่วมรบ.

"นายกฯ อิ๊งค์" อารมณ์ดีนัดสื่อให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง 30 ส.ค. "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล หลังดึง

'แม่ยก' ตรอมใจ! ทักษิณ ทำลายประชาธิปัตย์พังคามือ

นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม ชาวไทยหัวใจรักสงบ อดีตแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า#วันนี้เจ็บจี๊ดเข้าไปในหัวใจ