ม็อบป้องสถาบันหนุน‘สภาสูง’

เครือข่ายปกป้องสถาบัน บุกสภา ยื่น จ.ม.เปิดผนึกพร้อมมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ ส.ว.ทำหน้าที่สุดความสามารถ หลังโดนด้อมส้มคุกคามหนัก "ศปปส." ประณาม 13 ส.ว.โหวตให้ "พิธา" ทำวุฒิสภาเสื่อมเกียรติ "หมอพรทิพย์" ย้ำจุดยืนงดออกเสียงไม่ว่าส่งใครชิงนายกฯ "ส.ว.นาวิน" ข้องใจญัตติซ้ำโหวตพิธา "ทนายเดชา" เอาคืนฟ้องกลับ "ส.ว.เสรี" หมิ่นประมาทบ้าง

ที่รัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) วันที่ 18 ก.ค. เวลา 12.00 น. กลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน, ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ พร้อมตัวแทนกลุ่ม ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ มีนายเสรี สุวรรณภานนท์, นายสมชาย แสวงการ, พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์,   นายถวิล เปลี่ยนศรี และ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ เป็นตัวแทน ส.ว. รับหนังสือ

นพ.ตุลย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.ในฐานะสมาชิกรัฐสภาได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญด้วยความกล้าหาญ ด้วยการลงมติไม่เห็นชอบและงดออกเสียงจำนวนมาก ทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก.  ไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกฯ  ด้วยเหตุผลหลักที่เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างต่อเนื่อง ว่านายพิธาและพรรคก้าวไกลจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112

"ก่อนและหลังการโหวตเลือกนายกฯ  ส.ว.ถูกกดดันอย่างหนักจากผู้สนับสนุนนายพิธา ยิ่งหลังจากวันโหวตเลือก กองเชียร์ยิ่งด่าทอรุนแรง ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ลามไปจนถึงครอบครัวตลอดจนธุรกิจของ ส.ว. และในวันที่ 19 ก.ค. ที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะมีการโหวตเลือกนายกฯ อีกครั้ง โดยทราบว่ามีความพยายามจะเสนอชื่อนายพิธาอีก หรือแม้แต่เสนอชื่อตัวแทนคนอื่นเป็นนายกฯ  โดยมีพรรค ก.ก.ร่วมรัฐบาล พวกเราจึงมาแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจ  ส.ว.ทุกท่าน ที่ได้ทำหน้าที่เพื่อชาติ ปกป้องสถาบัน พวกเราขอสนับสนุนให้ท่านทำหน้าที่อันสำคัญนี้จนถึงที่สุด" นพ.ตุลย์กล่าว

ส่วนนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน   ศปปส. กล่าวว่า ขอให้กำลังใจ ส.ว. ยกเว้น ส.ว. 13 คนที่โหวตให้กับผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างชัดเจน ถือว่าท่านปฏิบัติตนไม่สมดั่งที่ได้ปฏิญาณตนไว้ ทำให้เสื่อมทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีของสมาชิกวุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่เครือข่ายปกป้องสถาบันจะเดินทางเข้ามาภายในรัฐสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. เป็นตัวแทนเดินทางออกมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา และรับมอบดอกไม้ให้กำลังใจจากสมาชิกกองทัพธรรม ซึ่งได้มีการตะโกนคำว่า ส.ว.สู้ๆ จากนั้นนายกิตติศักดิ์ได้นำตัวแทนเครือข่ายเข้ามายื่นหนังสือและอ่านแถลงการณ์ในสภาดังกล่าว พร้อมกันนั้นเครือข่ายต่างๆ ได้ร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน

ด้านนายสมชายกล่าวว่า ส.ว.หลายท่านฝากขอบคุณ วันนี้รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น แม้จะเผชิญการถูกคุกคามอย่างมาก แต่เราจะทำหน้าที่ดูแลปกป้องประเทศชาติ โดยเฉพาะชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส.ว.ทุกท่านจะทำหน้าที่ด้วยความกล้าหาญต่อไป

นายเสรีกล่าวเช่นกันว่า ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม จึงเป็นกำลังใจที่ท่านมอบให้เรา แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนว่าความคิดเห็นของพวกท่านเป็นภาพสะท้อนว่าสังคมไม่ได้มีแนวคิด แนวทางที่จะสร้างความกระทบต่อสถาบัน แต่แสดงให้เห็นถึงคนจำนวนมากที่ต้องการปกป้องสถาบัน ส.ว.ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ขณะที่ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์  ส.ว. กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกฯ ของ ส.ว. ในวันที่ 19 ก.ค.ว่า ต้องเป็นคนดี ซึ่งตนก็มีนิยามในใจเหมือนกัน เพราะคนดีตัดสินยาก คือ 1.ต้องเป็นคนที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบของกฎหมาย 2.ต้องปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของศาสนา และ 3.ประพฤติตัวอยู่ในขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทย

"ใครที่มีคุณสมบัติครบ 3 ประการนี้  จะเลือก หากเป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ผิดหลักศาสนา และคิดล้มล้างขนบธรรมเนียม โดยเฉพาะในส่วนของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเป็น 100 ปี เราไม่เอาอยู่แล้ว" พล.อ.อกนิษฐ์กล่าว 

ถามว่า หากการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 มีการเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯ จะโหวตงดออกเสียงอีกหรือไม่ พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นอย่างไรตอนนี้ไม่กำหนดว่าจะเสนอใคร แต่จะเสนอชื่อใครมาตนก็พิจารณาตามนิยามที่ให้ไว้

ซักว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. ท่าทีของ ส.ว.เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ยังไม่รู้ หากเสนอมาตนก็พิจารณา เรื่องเก่งไม่ค่อยวิตก แต่เรื่องคนดีต้องพิจารณาเข้มข้น ยังไม่ทราบเลยว่าเขาจะเสนอชื่อนายเศรษฐาหรือไม่ ในส่วนของการพิจารณานโยบายตนไม่ได้ดูเพียงแก้ไขมาตรา 112 แต่ดูทั้งหมด ทุกพรรค และตนได้กล่าวว่านโยบายของทุกพรรคบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ถึง 80%

ถามว่า พรรค ก.ก.ระบุถึงจะลดเพดานการแก้ไขมาตรา 112 ออกไป แต่การโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีก็มีเงื่อนไขอื่น เช่น การยกเลิกกอ.รมน. พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปฏิรูปกองทัพ ถอนทหารออกจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนของการยกเลิก กอ.รมน. ไม่ได้ติดขัด แต่หากนโยบายขัดต่อขนบธรรมเนียมของไทยก็ต้องคิดหนัก

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. กล่าวว่า การโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค.นั้น ส.ว.ส่วนใหญ่มีจุดยืนมั่นคง เราไม่ได้มองแค่ว่ามาเพื่อเลือกนายกฯ แต่ในยามที่บ้านเมืองมีปัญหา เราต้องนึกถึงความถูกต้อง แผ่นดินต้องรอด ซึ่ง ส.ว.ทุกคนขอขอบคุณกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจ เพราะบางครั้งการทำงานค่อนข้างยาก ต้องฟันฝ่าหนามแหลมคมสารพัดทุกอย่าง กำลังใจเหล่านี้จะทำให้พวกตนสามารถผ่านมันได้

"ยืนยันปิดสวิตช์ตัวเองตั้งแต่ตอนแรก เห็นด้วยในหลักการว่า ส.ว.ไม่ควรมีอำนาจในการเลือกนายกฯ และเป็นสิ่งที่ ส.ส.อยากให้เป็น โดยก่อนเลือกตั้ง  ส.ส.บอกให้พวกเราปิดสวิตช์ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งกลับมีการเปลี่ยนหลักการมาเรียกร้องให้พวกเราร่วมโหวต ซึ่งได้คุยในหลักการว่าหากยอมเปลี่ยนหลักการมาโหวตให้เสียงข้างมาก แต่อย่างน้อยต้องมีความถูกต้อง คือเอาการแก้ ม.112 ออกไป เพราะไม่ใช่เรื่องปากท้องประชาชน ซึ่งตนจะยินดีโหวตให้ แต่มีความชัดเจนว่าพรรค ก.ก.ไม่ยอมเอาออก และยังดันออกมาข้างหน้า" พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว

ถามว่า พรรค ก.ก.บอกถึงถอยม.112 ส.ว.ก็ยังไม่โหวตให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ขอบอกว่า ส.ว.มีเรื่องเดียวคือเรื่องความมั่นคง เพราะเขามุ่งสู่สิ่งสุดท้ายคือการทำลาย ดังนั้นจึงขอไปอยู่ในหลักการเดิมคืองดออกเสียง แต่ไม่ใช่ไม่กล้า ตนยึดหลักการเสมอว่าเมื่อตัดสินใจไม่ใช้สิทธิตัวเองก็จะไม่ใช้ ครั้งที่แล้วเขาขอโอกาสให้ใช้เราก็ให้โอกาส แต่เขาไม่ได้ทำตามที่บอก จะมากล่าวหาว่าขี้ขลาดก็ยอม เพราะคนเราต้องมีหลักการ ไม่เหมือนพรรค ก.ก.ที่กลับไปกลับมาตลอด

"สำหรับดิชั้นขอปิดสวิตช์ ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพราะไม่ชอบบุคคลเหล่านี้ แต่ต้องการยืนยันว่าเราไม่มีอำนาจเลือกตำแหน่งนี้" พญ.คุณหญิงพรทิพย์ระบุ

พล.อ.นาวิน ดำริกาญจน์ ส.ว. กล่าวถึงกรณีจะมีการเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ว่า เสนอได้หรือ เป็นญัตติซ้ำหรือเปล่า ก็ต้องรอดูว่าจะเสนออย่างไร อาจต้องรอประธานรัฐสภา และต้องรอดูว่าเสียงของสภาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังตอบไม่ได้

ที่ศาลอาญามีนบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กล่าวว่า ได้ยื่นฟ้อง

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแถลงข่าวระบุได้ดำเนินการฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญาทนายความชื่อดัง 2 คน และประชาชนที่แสดงความคิดเห็นโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท กระทบต่อธุรกิจของครอบครัวและเครือญาติของ ส.ว.

ทั้งนี้ นายเดชาได้โชว์หลักฐานที่นำมาฟ้องกลับ พร้อมกล่าวว่า นี่คือคำพูดของนายเสรีได้พูดบอกว่าประชาชนเป็นพวกอันธพาล ด่าว่าโง่ พวกเห็นต่างทางการเมืองเป็นพวกทำลายชาติ ทำลายสังคม ทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของประเทศไทย คำพูดเหล่านี้ตนมองว่าเป็นคำพูดที่หมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

"เหตุการณ์ที่นายเสรีนำมาฟ้องนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผมไลฟ์สดแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ และข้อความคำพูดที่กดไลก์นั้น ผมไม่เคยเอ่ยชื่อ ส.ว.คนใด แต่กลับมีคนร้อนตัวมาฟ้องผม และทุกอย่างที่ผมพูดเป็นความจริง ทั้งที่บอกว่าเงินเดือนของ ส.ว.นั้นมาจากภาษีประชาชน แล้วที่บอกว่า 14 ล้านเสียงนั้นเป็นเสียงข้างน้อย และที่ผมพูดว่าเป็น ส.ว.ต้องรำลึกบุญคุณของประชาชน ต้องเป็นกลางและฟังเสียงของประชาชน และต้องหนักแน่นยอมรับคำวิจารณ์ของประชาชน เพราะเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงการที่ผมพูดว่า ส.ว.บางคนนั้นเผด็จการ ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และยืนยันว่าทุกสิ่งที่พูดในไลฟ์สดนั้นเป็นสิ่งที่พูดแทนใจคนดู" นายเดชากล่าว

ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์กล่าวว่า การที่ ส.ว.ฟ้องตนและทนายความที่มีแนวคิดทางการเมืองเดียวกันนั้น เป็นการฟ้องปิดปากในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เหมือนเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อให้ประชาชนไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งตนขอประกาศว่าอย่ากลัว เราต้องกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะตนก็ไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลอะไร แต่กลับรู้สึกสมเพชการกระทำมากกว่า ไม่ว่าใครที่โดน ส.ว.ฟ้องให้มาบอกตน จะยินช่วยเหลือทางด้านกฎหมายให้

"คดีที่ผมฟ้องนายเสรีนั้น ทางศาลอาญามีนบุรีนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 4  ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ส่วนคดีที่นายเสรีฟ้องผม ศาลอาญาตลิ่งชันนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 11 ก.ย.นี้" ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน

ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท