แก้เกี้ยว!รื้อม.272 ‘ชัยธวัช’อ้างเป็นทางออกได้นายกฯ/พท.ลั่นดันก้น‘พิธา’ต่อ

"วันนอร์" ส่งหนังสือนัดประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ ครั้งที่สอง 19 ก.ค. "ก้าวไกล" ดิ้น! ยื่นสภาแก้ รธน.มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. "ชัยธวัช" อ้างช่วยหาทางออกได้นายกฯ ยืนกรานไม่ลดเพดาน 112 บอกแค่ข้ออ้างบังหน้าพวกขั้วเดิมหวังตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย "พท." เชื่อตัดอำนาจ ส.ว.ไม่ใช่เรื่องง่าย "ชลน่าน" ย้ำไม่มีแผนสอง ยันดัน "พิธา" ต่อ แบะท่าไม่มีข้อผูกมัดเป็นฝ่ายค้านร่วม "ก.ก." ระบุ ปชช.เลือกให้มาตั้งรัฐบาล "ธนกร" ยุพรรคอันดับสองเสนอแคนดิเดตนายกฯ ได้แล้ว  "ปิยบุตร" ซัด ส.ว.-ส.ส.อภิปรายโหวตนายกฯ ดันลากไปเรื่องยกเลิก ม.112 อัด "คำนูณ" ประเทศไม่ได้ปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อย่ากลัวก้าวไกลเกินเหตุ

ที่รัฐสภา วันที่ 14 ก.ค. นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการรัฐสภา ได้ออกหนังสือด่วนมากที่ สผ 0014/ร 2 ถึง ส.ส. และ ส.ว. เรื่องการประชุมร่วมรัฐสภา ระบุว่า เนื่องด้วยประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1  (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ในวันที่ 19 ก.ค.2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. โดยมีเรื่องเสนอใหม่ คือ พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ขณะที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก., นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค ก.ก.  พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค เข้ายื่นหนังสือร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายชื่อและเอกสารดังกล่าว สิ่งที่แก้ไขจะต้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

"ส่วนการนัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 ได้กำหนดไว้ในวันที่ 19 ก.ค. เวลา 09.30 น. ผมได้ออกหนังสือเชิญสมาชิกรัฐสภามาประชุมแล้ว" ประธานสภาฯ ระบุ

ส่วนนายชัยธวัชกล่าวว่า การยื่นให้ยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลให้อำนาจวุฒิสภามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีในการชั่วคราว ซึ่งเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจการเลือกนายกฯ ให้กับประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกกันว่าปิดสวิตช์ ส.ว. ซึ่งสืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ปรากฏชัดว่ามี ส.ว.จำนวนมากงดออกเสียง 159  และไม่มาประชุมอีก 43 โดยหลายคนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ในการเลือกนายกฯ ด้วยเป็นเรื่องของ ส.ส.

ถามว่าการยื่นร่างแก้ไขมาตรา 272 ครั้งนี้ได้ปรึกษาพรรคร่วมอีก 7 พรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เราแจ้งให้เลขาฯพรรคเพื่อไทย (พท.) ทราบแล้ว ซึ่งเราได้เตรียมเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว สมาชิกได้เซ็นเสนอร่างไว้แล้ว โดยได้ข้อสรุปเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค.ว่าควรยื่นเลย เพื่อให้กระบวนการสั้นที่สุด เราเข้าใจว่าเมื่อเราเร่งรีบ จึงไม่ได้มีเวลารอสมาชิกจากพรรคอื่น ไม่ใช่พรรคอื่นไม่เห็นด้วย ยืนยันว่าพรรค พท.ทราบแล้วไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด

ซักว่ามั่นใจเสียง ส.ส.จากพรรคอื่นนอกจาก 8 พรรคหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คาดหวังว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การยื่นแก้มาตรา 272 ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยพิจารณาแล้ว โดยพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกเสียงให้ยกเลิกตลอด ครั้งนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหา

เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าเป็นการแก้เกมของพรรค ก.ก. นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นความพยายามหาทางออกตามความประสงค์ของ ส.ว.หลายท่าน มี ส.ว.ที่ต้องการปิดสวิตช์ตนเองด้วยการงดออกเสียงและไม่มาประชุม ซึ่งจำนวนน่าจะมากพอเกิน 1 ใน 3 ที่จะต้องลงเสียงแก้ไขมาตรา 272

ก.ก.ยันเสนอชื่อ 'พิธา' ซ้ำได้

เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวถึงกรณีส.ว.เริ่มมีความเห็นว่าไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ซ้ำว่า ถือเป็นการตีความที่ผิด เพราะการเลือกนายกฯ แยกไว้เป็นบทเฉพาะกาล ไม่ได้ตีความรวมเหมือนญัตติทั่วไป ไม่สามารถตีความข้อบังคับเช่นนั้นได้

ถามว่าจะมีการถอยเรื่องแก้มาตรา 112 หรือไม่ เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า  เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้างบังหน้า เมื่อวานมี ส.ว.บางท่านประกาศชัดเจนว่า ต่อให้นายพิธาจะประกาศไม่แก้มาตรา 112 ก็ไม่เชื่อ นั่นเพราะเหตุผลที่แท้จริงมีกลุ่มขั้วอำนาจเดิมต้องการพลิกขั้วการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับกลุ่มทุนที่ไม่ต้องการเสียผลประโยชน์จากนโยบายของพรรค ก.ก.

"จะมีการหารือกับแกนนำของพรรคพท.เป็นการภายในถึงแนวทางการผลักดันนายพิธาเป็นนายกฯ ซึ่งในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งต่อไป ก็จะยังเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯ ขณะเดียวกันยังต้องเดินหน้าประสานกับ ส.ว.เพื่อขอคะแนนเสียง พร้อมกันนี้ก็จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ในนามของพรรค คู่ขนานไปกับการโหวตนายกฯ" เลขาฯ พรรค ก.ก.ระบุ

ถามว่าหนักใจหรือไม่กับการประสานงานกับ ส.ว. นายชัยธวัชหัวเราะก่อนยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่ต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่ง ส.ว.ที่ประสานไว้ก่อนหน้านี้มีมากกว่าจำนวน ส.ว.ที่โหวตให้มาก แต่ต้องยอมรับว่ามีกระแสกดดันมากจริงๆ  ดังนั้นต้องหารือกันต่อภายในพรรคและกับพรรค พท. ว่าจะดำเนินการอย่างไรก่อนวันโหวตครั้งต่อไป รวมถึงหารือกับ ส.ว.บางส่วนเพื่อหาคะแนนเสียงให้มากขึ้น

เมื่อถามถึงข่าวในการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 อาจจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า เชื่อว่ามีหลายพรรคที่ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงหวังให้พรรคอื่นรักษาคำพูด ยืนยันบนหลักการเดิมว่าจะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วน ส.ว.หากเลือกนายกฯ เสียงน้อยยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนตัวมองว่า ส.ว.ควรโหวตให้ยกเลิกมาตรา 272 เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้

ถามต่อถึงกระแสการโหวตพลิกขั้วให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ระบุว่า ขอยืมคำพูดนายพิธา "อย่าเปิดประเด็นใหม่ครับ"

ส่วนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ต่างแสดงความคิดเห็นกรณีพรรค ก.ก.เสนอแก้ไขมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว.  โดย ดร.เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรค ก.ก. แต่เห็นด้วยกับที่จะเสนอให้แก้ไขมาตรา 272

ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า การเสนอแก้มาตรา 272 ในเวลานี้ช้าเกินไป ควรยื่นแก้ก่อนมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี น.ต.ศิธา ทิวารี สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เรื่องแก้มาตรา 272 พรรคยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากพรรคก้าวไกล นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง กล่าวว่า หากพรรค ก.ก.เชิญก็จะร่วมยื่นด้วย

ที่พรรค พท. นพ.ชลน่าน ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอชื่อนายกฯ รอบสอง จะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แข่งว่า ถ้ามีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง สิ่งที่เรามีข้อห่วงใย คาดการณ์ว่าเสียงโหวตที่จะโหวตให้คู่แข่งเราอาจจะเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาทันที จาก 188 เสียง ถ้าเขาแพ็กกันแน่น บวกกับเสียง ส.ว. มีโอกาสที่เสียงจะเกิน 375 เสียงได้

พท.เชื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ไม่ง่าย

ถามว่าจะเสนอนายพิธาต่อหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พท.ยังเคารพสิทธิของพรรค ก.ก.ที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ส่วนจะดันต่อหรือไม่นั้น ขึ้นกับพรรค ก.ก.ที่จะเป็นผู้เสนอในระหว่างวงพูดคุยระหว่างพรรค ก.ก.และพรรค พท. รวมทั้งวงของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล

ซักว่าในการพูดคุยกับพรรค ก.ก. จะมีโอกาสเปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ ในการโหวตครั้งที่ 2 หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า  อยู่ที่ข้อเสนอของการพูดคุย เมื่อถามว่าถ้าพรรค ก.ก.ยังเสนอชื่อนายพิธา พท.จะแสดงท่าทีอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของพรรค ก.ก.ที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งและเป็นพรรคแกนนำ พท.ลงเอ็มโอยูชัดเจนว่าจะสนับสนุนจนสุดความสามารถ ยืนยันอยู่แล้วครับ

"ถ้าเราไม่ชัดเจนวันที่ 19 ก.ค.ก็มีเจตนาชัดแล้วว่าอีกฝ่ายจะเสนอชื่อแข่ง ก็จะเป็นกับดักให้เรายอมรับกับความพ่ายแพ้ เหมือนเราเอาความหวังประชาชน 25 ล้านเสียงไปทลายตรงนั้น เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้" นพ.ชลน่านกล่าว

ถามต่อว่า คำว่าจะสนับสนุนจนถึงที่สุด นิยามของคำว่าที่สุดคืออะไร หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า คำว่าที่สุดไม่มีนิยาม มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเป็นเหตุเป็นผล ความเสียหาย และโอกาสของประเทศชาติบ้านเมือง รวมๆ กันทั้งหมดนั่นแหละ ถ้าเราทำถึงที่สุดแล้วพรรค ก.ก.พึงพอใจ เห็นชอบภาพรวมแล้วไม่ส่งผลกระทบ ถึงจะเป็นนิยามของคำว่าถึงที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า จะให้โอกาสนายพิธาเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย พรรค พท.ก็ยังหนุนนายพิธา เมื่อมีการพูดคุยก็จะเป็นไปตามข้อสรุปร่วมกัน

พอถามถึงท่าทีของพรรค พท.กรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯ คณะก้าวหน้าโพสต์เฟซบุ๊กเสนอแก้มาตรา 272 รวมทั้งให้พรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของผู้นำทางจิตวิญญาณของทางพรรค ก.ก. ส่วนจะปฏิบัติหรือไม่ ก็ไม่ทราบ แต่เราไม่มีข้อผูกมัดอะไรในการที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่เป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาชนเสียงข้างมากเลือกให้มาเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เลือกเราให้มาเป็นฝ่ายค้าน

ถามอีกว่า นายปิยบุตรระบุอีกว่าต้องยอมไปเป็นแกะดำ เพื่อให้อีก 4 ปีข้างหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่านี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็แล้วแต่ความเห็น ไม่ขอวิจารณ์

หัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงข้อเสนอแก้มาตรา 272 ของพรรค ก.ก.จะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ว.หรือไม่ว่า ต้องไปถาม ส.ว.ว่าพอใจหรือไม่

เช่นเดียวกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการ พรรค พท. กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขมาตรา 272 พท.เคยยื่นแก้ไขแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาในรัฐสภา ฉะนั้นการที่พรรค ก.ก.ได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ตนเข้าใจว่าคงจะเป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกฯ เพราะทาง ส.วได้ตั้งกำแพงเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ทางพรรคก.ก.คงจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อให้การโหวตเลือกนายกฯ เป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎร

"การแก้ไขมาตรา 272 หากทำได้ถือเป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ต้องใช้เสียงรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และในกึ่งหนึ่งนั้นต้องมีเสียงของ ส.ว. 84 เสียง ดังนั้นเรื่องนี้ที่ผ่านมาเราเคยทำมาแล้วมันไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของ ส.ว.เพียงพอ ครั้งนี้ผมเข้าใจว่า ส.ว.จะตั้งกำแพงในเรื่องนี้ไว้สูง การแก้ไขคงไม่ได้ง่ายนักตามที่คิดไว้" นายประเสริฐกล่าว

ถามถึงข้อเสนอนายปิยบุตรอยากให้พรรค ก.ก.ถอยเป็นฝ่ายค้าน ถ้าถอยจริง พท.จะทำอย่างไรต่อ นายประเสริฐกล่าวว่า จริงๆ ไม่มีแผนสอง เพียงแต่จะคุยกันวันนี้ว่าจะต้องเอาอย่างไรต่อ

ซักว่าในเอ็มโอยูไม่ได้มีการระบุเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่พรรค ก.ก.จะไปดำเนินการเองห่วงหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า เอ็มโอยูฉบับแรกของ 8 พรรคในช่วงท้ายระบุว่าหากจะเสนอที่นอกเหนือจากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของเฉพาะที่พรรค ก.ก.จะไปดำเนินการเอง ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่หากดูจากวันโหวตนายกฯ นายประเสริฐยอมรับเหนื่อย เพราะกำแพงที่พรรค ก.ก.ต้องก้าวข้ามให้ได้คือ 112 เพราะทาง ส.ว.หรือพรรคขั้วเก่าเขาก็พูดประเด็นนี้เป็นทางเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน

รทสช.จี้ 'ทิม' ทบทวนตัวเอง

เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า ในเวลา 17.00 น. พรรค ก.ก.นัดพูดคุยกันพรรค พท. ซึ่งคงจะมีการพูดคุยเรื่องแนวทางการโหวตเลือกนายกฯ ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ถ้าการโหวตเป็นไปอย่างวันที่ 13 ก.ค. แล้วจะโหวตอีกครั้งวันที่ 19 ก.ค. หากไม่มีข้อมูลใหม่หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติม ตนคิดว่าการโหวตน่าจะเป็นลักษณะใกล้เคียงกับวันที่ 13 ก.ค. คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก

ถามย้ำว่า ในการพูดคุยกันของสองพรรค จะมีการหารือถึงการลดเพดานเรื่อง 112 หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า คงจะคุยกันในหลายประเด็น เพราะการอภิปรายในรัฐสภาวันที่ 13 ก.ค. เรื่องหลักคือเรื่อง 112 ทางพรรค ก.ก.คงรู้โจทย์แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พท.ว่า เมื่อเวลา 13.30 น. พท.มีการประชุมคณะทำงานภายใน โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. เข้าร่วมประชุมด้วย รวมทั้งพรรคได้มีการเปลี่ยนป้ายแบ็กดร็อปในห้องแถลงข่าว จากเดิมที่เป็นป้ายระบุข้อความว่า “ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบความไว้วางใจ ให้พรรคเพื่อไทยเราจะมุ่งมั่นทำงานต่อไป”  เป็น "เดินหน้ารัฐบาลประชาธิปไตย แก้ปัญหาให้ประชาชน"

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายนายชัยธวัช เลขาธิการพรรค ก.ก. ได้นัดหารือร่วมกับนายประเสริฐ เลขาธิการพรรค พท. เพื่อพูดคุยถึงแนวทางการดำเนินการหลังจากที่ประชุมรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบนายพิธาเป็นนายกฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏว่าทั้ง 2 พรรคนัดหารือกันที่ไหน และมีใครไปพูดคุยบ้าง โดยทุกอย่างถูกเก็บเงียบ ไม่มีการแจ้งสื่อมวลชน

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีแนวทางการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 ของพรรค รทสช.ว่า ขอดูแนวทางที่พรรค ก.ก.จะเสนอต่อไปก่อนดีกว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะไม่หนุนพรรคที่แก้มาตรา 112 และจะไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งก็อยู่ที่นายพิธาว่าจริงๆ แล้วได้ฟังหรือเปล่า เพราะได้ยินนายพิธาบอกว่าจะเป็นคนฟังเหตุและผล ฟังเสียงของประชาชน ดังนั้นการรับฟังที่นำไปประมวลและไตร่ตรอง และการได้ยินแต่อาจจะเฉยๆ ไม่ได้นำไปพิจารณาหรือวิเคราะห์ต่อไปด้วย

ถามถึงเรื่องที่พรรค ก.ก.เสนอจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ นายอนุชากล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวคงต้องว่ากันอีกทีในพรรค ซึ่งพรรคจะมีการพูดคุยกันทุกสัปดาห์อยู่แล้วว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง และพรรคควรแสดงท่าทีอย่างไร ส่วนในพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเดี๋ยวรอดูว่าจะมีการพูดคุยกันอย่างไร

ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวถึงกรณีเลขาธิการพรรค ก.ก.อ้างขั้วอำนาจเก่าพยายามกดดัน ส.ว.ไม่ให้โหวตเลือกนายพิธาว่า เลขาธิการพรรค ก.ก.ต้องยอมรับในระบบประชาธิปไตยอย่างที่เคยใช้มาตลอด การโหวตเลือกนายกฯ ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อแพ้โหวตแล้วกลับมาโจมตีพาดพิง อ้างว่ามีอำนาจเก่ากดดัน ส.ว. ไม่ให้โหวตสนับสนุนอย่างนั้นอย่างนี้ ตนคิดว่านายชัยธวัชควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ไม่ใช่แพ้แล้วพาล ควรมองตัวเองว่ามีคุณสมบัติครบหรือไม่

"ที่สำคัญประเด็นการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว จึงไม่ควรอ้างและกล่าวหา ว่าสาเหตุที่แพ้โหวตมาจากขั้วอำนาจเก่า ซึ่งหากรอบแรกไม่ผ่าน รอบต่อไปก็ควรเป็นความชอบธรรมที่จะให้พรรคอันดับ 2 เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตามกระบวนการ เพราะยื้อต่อไปก็ไม่เห็นชัยชนะ" นายธนกรกล่าว

แก้ 272 แค่เชิงสัญลักษณ์

ถามว่า พรรค ก.ก.เสนอสภาปิดสวิตช์ส.ว.ยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้อำนาจ ส.ว. นายธนกรกล่าวว่า การเดินแนวทางนี้ของพรรค ก.ก.กำลังเป็นการปลุกระดมมวลชนในทางอ้อม จะเห็นได้ว่าเมื่อวันที่ 13 ก.ค. มีการนัดหมายมวลชนในทุกจังหวัดเพื่อติดตามการโหวต ต้องการนำสถานการณ์ไปให้ถึงความสุกงอมโดยเอาประชาชนเป็นตัวประกัน จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด ตนมองว่าหากพรรค ก.ก.นึกถึงบ้านเมืองประเทศชาติ และประชาชนจริงก็ขอให้ทบทวน

“ไม่ทราบว่าพรรค ก.ก.ต้องการเข้ามาพัฒนาประเทศจริงหรือไม่ การที่เดินแนวทางการเมืองแบบนี้ ท้ายที่สุดแม้จะชนะด้วยมวลชน แต่ก็เป็นการชนะบนซากปรักหักพัง ถามว่าจะเดินไปแบบนั้นจริงหรือ  ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน ประเทศเดินมาไกลแล้ว ผมไม่อยากบ้านเมืองกลับไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้งเผาบ้านเผาเมืองอีก ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้วางรากฐานที่ดีในทุกด้านไว้แล้ว รัฐบาลใหม่มาก็เดินหน้าต่อได้ ใครจะได้เป็นรัฐบาลก็ว่ากันไปตามครรลองประชาธิปไตย” นายธนกรกล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ และประธาน ส.ส.พรรค ปชป. กล่าวถึงกรณีพรรค ก.ก. ยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.ในการลงมติเลือกนายกฯ ว่า ทราบข่าวว่าพรรค ก.ก.ยื่นร่างดังกล่าวต่อประธานรัฐสภาแล้ว ซึ่งเขาดำเนินการถูกต้องตามระเบียบและข้อบังคับ ส่วนเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไร อย่างไรนั้นก็ค่อยว่ากันไปตามสถานการณ์ในเวลานั้น

"สำหรับพรรค ปชป. พยายามแก้ไขสถานการณ์และปัญหาต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ให้เกิดความแตกแยกหรือความไม่เรียบร้อยในบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม หลังจากพรรค ก.ก.ยื่นร่างฯ แล้ว รัฐสภาจะต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอน ซึ่งใช้เวลาอีกนานพอสมควร ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ปุบปับแล้วจบเลย" นายประมวลกล่าว

ถามว่ามองอย่างไรต่อการที่พรรค ก.ก.ดำเนินการเรื่องนี้ ขณะที่จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ประธาน ส.ส.พรรค ปชป.กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ต้องดำเนินการต่อไปตามระเบียบและกฎหมาย ส่วนการที่พรรค ก.ก.ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตอนนี้เป็นการทำเชิงสัญลักษณ์ และเขาต้องการแสดงให้เห็นว่า ส.ว.ที่มีอำนาจตามมาตรา 272 เป็นสาเหตุของปัญหาที่ทำให้แคนดิเดตของเขาไม่ได้เป็นนายกฯ แม้พรรคเขาจะได้เสียงจากประชาชน และรวบรวม ส.ส.จากพรรคต่างๆ จนเป็นฝ่ายเสียงข้างมากได้แล้วก็ตาม

เมื่อถามถึงกำหนดการนัดประชุม ส.ส.พรรค ปชป.เพื่อหารือถึงการโหวตนายกฯ รอบ 2 นายประมวลกล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเรียกประชุม ส.ส.วันที่ 19 ก.ค.นี้ที่รัฐสภา เวลาประมาณ 08.30 น. ก่อนที่การประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าวจะเริ่มขึ้น

ต่อข้อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากต่อกระแสข่าวที่ว่ามีสมการสูตรใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมีชื่อพรรค ปชป.ด้วย นายประมวลกล่าวว่า พรรคยังไม่ได้พูดคุยหรือติดต่ออะไรกับพรรคไหนทั้งนั้น ตนในฐานะที่เป็นประธาน ส.ส.ด้วย ก็ยังไม่ได้ยิน ส.ส.คนไหนในพรรคพูดเรื่องนี้  และแม้ ส.ส.ของเราจะมีเพื่อนอยู่ต่างพรรค มีการพูดคุยอะไรกับเพื่อนก็ว่ากันไป แต่การที่พรรคเราจะไปจับมือร่วมรัฐบาลหรือดำเนินการอะไรนั้น ต้องมีการประชุมกันตามกระบวนการภายในพรรคก่อน

'ปิยบุตร' ลั่นเจ็บใจซัด ส.ว.-ส.ส.

วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดไลฟ์อภิปรายนอกสภา ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาที่มีการโหวตเลือกนายกฯ ที่นายพิธาไม่ได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มผ่านทางเฟซบุ๊ก

นายปิยบุตรกล่าวตอนหนึ่งว่า ฟังแล้วเจ็บใจตนเอง ถ้าอยู่ในสภาจะขออภิปรายโต้แย้ง ชื่อวาระการประชุมก็บอกแล้วว่าเป็นการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 แต่การประชุมเมื่อวานกลับกลายเป็นเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ซึ่งเขียนเรื่องพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เอาไว้ มองว่าเป็นเรื่องน่าแปลก

"นายพิธาและพรรคก้าวไกลได้ประกาศชัดเจนว่า เรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในเอ็มโอยูไม่ได้ระบุไว้ พูดง่ายๆ รัฐบาลชุดหน้า ถ้า 8 พรรคเขาจัดตั้งได้สำเร็จ เขาจะไม่มีนโยบายผลักดันให้มีการแก้ไข 112 แน่นอน เอ็มโอยูก็ไม่ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเสนอร่างแก้มาตรา112 แต่พรรค ก.ก.หาเสียงไว้ ตอนนี้จึงนำเป็นหนึ่งในนโยบาย ดังนั้นพรรค ก.ก.จะปล่อยให้เป็นเรื่องของ ส.ส.ของพรรค 151 คน ที่จะเสนอร่างดังกล่าวเข้าสภา ซึ่งท้ายที่สุดจะผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลก้าวไกล หรือนายพิธา รวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค แต่อยู่ที่ ส.ส.และวุฒิสภา เมื่อวานอะไรกันนักกันหนา เขาให้มาดูว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่ปรากฏว่าลากไปเรื่อง 112 สถาบัน ลากไปเรื่องรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ตกลงแล้วใครกันแน่ที่เอาเรื่องสถาบันมาพูดคุย” นายปิยบุตรกล่าว

เลขาธิการคณะก้าวหน้าระบุว่า ถ้ามองในแง่บวกก็ถือว่าเป็นเรื่องดี การที่สมาชิกรัฐสภาหลายคน เช่น นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย, นายสมชาย แสวงการ ส.ว., นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์, นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว., นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. เป็นต้น ที่พวกเขาเหล่านี้ยืนยันโดยชัดเจนว่าเรื่องสถาบัน อภิปรายในรัฐสภาได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มองเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะได้มีโอกาสรับฟังเรื่องเหล่านี้ในรัฐสภา

"ผมติดตามผลงานนายคำนูณมาโดยตลอด เพราะมองว่าเป็นคนหัวไว อ่านขาด เฉียบแหลม แต่ส่วนกรณีที่นายคำนูณเอารัฐธรรมนูญมาตรา 6 เชื่อมโยง 112 บอกว่าพรรค ก.ก.ทำลายมาตรา 6 ทางประตูหลัง ผมขอถามนายคำนูณตรงๆ ว่าวันนี้ประเทศไทยปกครองในระบอบอะไร  สมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าเอาวิธีคิดสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาปะปนกับประชาธิปไตย หากวันนี้ประเทศไทยปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นายคำนูณพูดถูกต้อง แต่ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" เลขาธิการคณะก้าวหน้าระบุ

นายปิยบุตรกล่าวว่า ร่างที่พรรค ก.ก.เสนอคือนิรโทษผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 ทางประตูหลัง ซึ่งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น วันนี้เห็นตรงกันหรือไม่ ถ้าต้องการยุติความขัดแย้งกับคนรุ่นหนึ่งกับรุ่นหนึ่ง อยากให้บ้านเมืองไปต่อได้ แต่การนิรโทษฯ เป็นเรื่องสำคัญ คนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร ไม่ได้ชิงปล้นใคร ในประเทศไทยเคยนิรโทษฯ มาตรา 112 หลังเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 จำนวนมาก และหลังจากนั้นคณะรัฐประหารก็ออกประกาศเพิ่มโทษด้วย ทำไมงวดนี้ทำไมได้ อย่าทำให้น่ากลัวเกินเหตุ เห็นด้วยหรือไม่ก็คุยในสภา หาฉันทามติร่วมกันก็ได้ นายคำนูณอยู่เหตุการณ์นั้น เพื่อนพ้องไม่น้อยจับอาวุธเข้าป่า นายคำนูณมีส่วนในขบวนการด้วย สมัยนั้นถืออาวุธรบกับรัฐ ทำสงครามกลางเมือง อย่าวาดภาพให้เป็นเรื่องน่ากลัว

"หากถ้านิรโทษกรรมสถาบันจะได้รับการเคารพนับถือ และได้รับการยกย่องมากกว่าปัจจุบันด้วยซ้ำ ที่ผมพูดถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มี ส.ว.หลายคน วันนี้อายุมากขึ้น ทำไมไม่ใช้สายตามองเยาวชนเหล่านี้ดู สมัยก่อนก็สู้กับรัฐไทยกับอะไร วันนี้จะหาทางออกร่วมกัน คุยกันไม่ได้เลยหรือ" นายปิยบุตรกล่าว

นอกจากนี้ นายปิยบุตรยังกล่าวถึงกรณีนายชาดาว่า ยอมไม่ได้ที่ให้คนต่างประเทศมาฟ้องพระมหากษัตริย์ไทย ตนฟังแล้วใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตนต้องเรียนว่าการกระทำแบบนี้ไม่เป็นคุณต่อพระมหากษัตริย์ มองว่าอย่าเอาสถาบันไปเกี่ยวข้อง ตนกังวลใจการเอามาตรา 112 มาเป็นข้ออ้าง เพราะเป็นการเอาประเด็นมายุ่งกับเรื่องการเมือง ถามว่าสมาชิกสภาที่พูดต่อยหอยเมื่อวานรับผิดชอบไหวหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง