ห่วงม็อบรุนแรง จี้เร่งตั้งรัฐบาล หุ้นบวก2.88จุด

หอการค้าไทยห่วงตั้งรัฐบาลล่าช้า-ม็อบรุนแรงบานปลาย รายได้ท่องเที่ยวหาย 5 แสนล้าน ฉุดเศรษฐกิจกด GDP ลง 1% ภาคเอกชนจี้ตั้งรัฐบาลใหม่ตามไทม์ไลน์ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน   "กนอ." ลุ้นโหวตนายกฯ ราบรื่น เผยนักลงทุนเข้าใจกองเชียร์ทุกฝ่าย พร้อมลงทุนต่อเนื่อง หุ้นบวก 2.88 จุด รับโหวตนายกฯ 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐสภาวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการประเมินผลกระทบทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ภาคธุรกิจและประชาชนกังวลมาก ทั้งนี้ มีมุมมองว่าประเด็นเรื่องการเมืองจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจาก 2 ปัจจัย ดังนี้

 1.มีการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า เป็นกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้น แต่ไม่ง่าย เนื่องจากมองว่าสภาจะสามารถดำเนินการให้จบลงได้จาก 3 กรณีคือ เลือกพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่, ถ้านายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อต่อ โหวตเลือกหรือไม่เลือก และถ้าพรรคขั้วเดิมเสนอแล้วไม่ผ่าน เลือกไม่ได้ ก็สลับขั้ว โดยอาจมีการเลือกนายกฯ ในบัญชีรายชื่อ และเสนอโหวตผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านต้องดูว่านายกฯ ที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อจะมาหรือไม่ อย่างไร จบหรือไม่จบ จุดที่จะมีความล่าช้า คือไม่สามารถโหวตนายกฯ ได้ หรือไม่สามารถเสนอขั้นตอนต่างๆ ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

"ภาพที่ชัดเจนคือการมีรัฐบาลที่อยู่ในกรอบ ส.ค.-ก.ย. จะทำให้ภาคเอกชนเริ่มเห็นทิศทาง และเริ่มตัดสินใจในการลงทุน เคลื่อนเศรษฐกิจต่อ ถ้าจัดตั้งรัฐบาลดีเลย์ไป 2 เดือน หรือ ต.ค. ก็จะทำให้งบประมาณล่าช้าไปอีก หรือใช้ได้ในไตรมาส 2/67 ดังนั้น การตั้งรัฐบาลน่าจะอยู่ในไตรมาส 3/66 หรือต้นไตรมาส 4/66 ก็จะยังพอขยับเศรษฐกิจได้ ถ้าเลยไปกว่านั้นน่ากังวล แต่ตามเทคนิคไม่ควรเกิน" นายธนวรรธน์กล่าว

 2.มีเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรง ถ้าการชุมนุมอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่มีเหตุการณ์ปะทะรุนแรง จนมีการบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือเผาทำลายทรัพย์สิน ไม่น่ามีเหตุให้ระบบเศรษฐกิจกระเทือน ถ้าการชุมนุมยืดเยื้อ เป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยที่ทำได้ และอยู่ในกรอบตามกฎหมาย ซึ่งมองว่าไม่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจถูกพึ่งพาด้วยการท่องเที่ยว ดังนั้นเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยยังโต 3.0-3.5% ได้ แต่ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ ไม่มีการชุมนุมทางการเมือง เศรษฐกิจไทยพร้อมไปต่อ และโตในกรอบ 3.5-4.0%

"ถ้าการเมืองกระทบการท่องเที่ยว จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงเดือนละ 1 ล้านคน จากเดิมเดือนละ 2-3 ล้านคน ซึ่งถ้าสถานการณ์บานปลายลากยาวไปถึง 6 เดือน หรือถ้าการชุมนุมเกิดขึ้นตั้งแต่ ก.ค. ถ้ารุนแรงและทำให้นักท่องเที่ยวกลัว นักท่องเที่ยวจะหายไปครึ่งหนึ่ง หรือนักท่องเที่ยวหายไป 10 ล้านคน รายได้หายไป 5 แสนล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงประมาณ 1% ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่น และการจ้างงานเริ่มติดขัด อย่างไรก็ดี การชุมนุมประท้วงรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น จึงยังไม่ประเมินว่าจะเลวร้ายถึงขั้นนั้น" นายธนวรรธน์กล่าว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และ ส.อ.ท. คาดหวังว่าการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 1 จะผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ตามไทม์ไลน์ เพื่อดึงภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุนไทยและต่างประเทศ  ภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมมือทำงานกับทุกรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่เปราะบางและอ่อนไหว อีกทั้งมีหลายเรื่องที่รัฐบาลตัวจริงจะต้องรีบเร่งเข้ามาฟื้นฟูและพัฒนา จัดสรรงบประมาณปีหน้าและอนุมัติการใช้จ่ายภาครัฐ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ต้องการให้ตั้งรัฐบาลเร็วที่สุด และไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะจัดตั้งรัฐบาลช้าเท่าไร ผลเสียจะตกอยู่ที่ภาคธุรกิจ โดยหลังจากเลือกตั้งมาแล้ว แม้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา หากปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการชุมนุมตามมา จะยิ่งไม่ดีต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่นจะกังวลในเรื่องเหล่านี้มาก

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า กังวลว่านายพิธาจะรอดจากข้อกล่าวหายาก ที่เป็นห่วงคือหากเกิดการชุมนุมแล้วมีความวุ่นวาย จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวได้

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)  เปิดเผยว่า จากการหารือกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ พบว่ามีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีการชุมนุมทางการเมืองในกรณีที่การโหวตนายกฯ ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องถือว่าเป็นอุดมการณ์ที่ทุกฝ่ายสามารถมีได้ในระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายหรือรุนแรง จนกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศในภาพรวม ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าใจในการสนับสนุน หรือกองเชียร์ของแต่ละฝ่าย แต่ก็มีความคาดหวังว่าทุกฝ่ายจะดำเนินการกันภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ก.ค. เคลื่อนไหวในแดนบวกและลบตลอดทั้งวัน จากการติดตามการโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 โดยระหว่างวันลดลงต่ำสุดที่ 1,487.48 จุด ลดลง 3.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.24% ก่อนมีแรงซื้อกลับหนุนดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,497.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.40% และดัชนีของวันปิดที่ 1,494.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.19% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40,446.98 ล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!

"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย

‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา

กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ

เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่

"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน

‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’

ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ