"ในหลวง-พระราชินี" ทรงเปิดการประชุมรัฐสภา มีพระราชดำรัสให้ระลึกไว้เสมอว่า ส.ส.เป็นผู้ได้รับมอบหมายจากประชาชน ให้มาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในการใช้อำนาจนิติบัญญัติ เพื่อดำเนินการปกครองและพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ ให้รัฐบาลถือเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน ประเทศชาติจะมีความเจริญเพียงไรย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความสามารถและความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เวลา 17.17 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโถงพิธีชั้น 11 อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร ทรงเปิดการประชุมรัฐสภา ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2566 ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2566 ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งภายหลังจากทรงเปิดประชุมรัฐสภาแล้วภายใน 10 วัน จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานต่อไป
ภายในงานมีสมาชิกและบุคคลสำคัญทางการเมือง อาทิ ประธานองคมนตรี, คณะทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ, นายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี, ประธานศาลฎีกา, ประธานองค์กรอิสระ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคต่างๆ ที่ได้รับการเลือกตั้ง และสมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมรัฐพิธี
ในการนี้ ในหลวงพระราชทานพระราชดำรัสเปิดการประชุมรัฐสภา ความสำคัญว่า “บัดนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้นลงและมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2566 แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภาตั้งแต่วาระนี้เป็นต้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายผู้เป็นสมาชิกของสภาแห่งนี้ได้ระลึกไว้เสมอว่า ท่านเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากประชาชนให้มาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในการใช้อำนาจนิติบัญญัติ เพื่อดำเนินการปกครองและพิจารณาออกกฎหมายต่างๆ ให้รัฐบาลถือเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน
ดังนั้น ประเทศชาติจะมีความเจริญเพียงไรย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญาความสามารถ และความสุจริตบริสุทธิ์ของท่านที่จะปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวง โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด หากทุกท่านจะได้สำนึกตระหนักเช่นนี้อยู่เสมอก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จลุล่วงเป็นประโยชน์เป็นความเจริญมั่นคงของอาณาประชาราษฎร์และชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ขออำนวยพรให้การดำเนินงานของรัฐสภาเป็นไปโดยเรียบร้อยสำเร็จผลที่พึงประสงค์ทุกประการ ทั้งขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญทุกเมื่อไป”
จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ออกจากอาคารรัฐสภา
ก่อนหน้านั้นช่วงบ่าย ส.ส.ต่างทยอยเดินทางมาร่วมร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา โดยเมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ส.ส.จำนวน 25 คนของพรรค นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นัดร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยง และถ่ายรูปหมู่โดยพร้อมเพรียงกันที่บริเวณลานแม่พระธรณีบีบมวยผม จากนั้นได้เดินทางไปรวมตัวที่อาคารรัฐสภาเพื่อเข้าร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา
ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ส.ส.พรรคร่วมกันถ่ายรูปหมู่โดยพร้อมเพรียงกัน นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรค เปิดเผยว่า หลังถ่ายรูปหมู่นายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏจะนำ ส.ส.พรรคร่วมรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในเวลา 17.00 น.
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดการประชุมสภานัดแรก ซึ่งตนและ ส.ส.ของพรรคซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก และจะตั้งใจทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน ประเทศชาติและสถาบันของเรา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ดิ้นหนัก ลุยล็อบบี้กมธ. ปั้นกม.การเงิน
“นายกฯ อิ๊งค์” บอกไม่ได้จบกฎหมายมา โยน “ชูศักดิ์” ดูแลเรื่องรัฐธรรมนูญ
‘18บอส’นอนตะรางยาว! สายไหมไม่รอดเจอข้อหา
18 บอสดิไอคอนนอนคุกยาว ดีเอสไอยื่นฝากขังผัด 4 พ่วงแจ้งข้อหาใหม่โทษหนักคุก 10 ปี
อิ๊งค์ข้องใจแสนชื่อเลิก‘MOU44’
“หมอวรงค์” นำกลุ่มคนคลั่งชาติยื่น 104,697 รายชื่อร้องยกเลิกเอ็มโอยู 44
ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’
“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ
ทวีโยงคาร์บ๊องป้องแม้วพักชั้น14
ตามคาด "ทักษิณ" ไม่เข้าชี้แจง กมธ.ปมนักโทษชั้น 14 "ทวี" แจงแทน
‘ทักษิณ-พท.’ยิ้มร่า ศาลยกคำร้องล้มล้างฯ เพื่อไทยเล็งฟ้องเอาคืน
ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง