มาร์คแรง/ป้อมลั่นอยู่พปชร.

ปชป.ชั่วโมงนี้ "มาร์ค" เต็งหนึ่งชิงหัวหน้าพรรคคนใหม่ "ทนายเชาว์" ดับเครื่องชน "เฉลิมชัย" ซัดรักพรรคจริงเลิกกินรวบ เสนองดเว้นข้อบังคับพรรคใช้สัดส่วน 70% ของ ส.ส.ชี้ขาด ต้องให้องค์ประชุม 1 เสียง 1 โหวตเท่ากัน "ประมวล" ส.ส.ประจวบฯ ผงาดนั่งประธาน ส.ส.พรรค “บิ๊กป้อม” ลั่นจะอยู่ พปชร.จนวันตาย ติวผู้แทนฯ ใหม่  ต้องเป็นเอกภาพ ฮึ่ม! อย่าแบ่งก๊วนต่อรองผลประโยชน์

 เมื่อวันอาทิตย์ แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงการเลือกกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ว่า ณ ชั่วโมงนี้ ตามเบาะแสข่าวสารที่ปรากฏว่ามีผู้ประสงค์จะลงแข่งขันหัวหน้าพรรค ปชป.จำนวนหนึ่ง โดยมีกระแสเสียงตอบรับใน ปชป.ทั้งสมาชิกพรรค แฟนคลับ ฯลฯ ต่างให้มอบคะแนนไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ค่อนข้างจะสูง 

โดยให้เหตุผลว่า นายอภิสิทธิ์เหมาะสม เพราะเป็นนักการเมือง เป็นไปในทางสากลได้ทั้งระดับประเทศ และนานาประเทศเป็นที่ตอบรับ อีกทั้งมีประสิทธิภาพคุณภาพที่เหมาะกับภาพการเมืองที่เปลี่ยนแปลง และเชื่อมั่นในศักยภาพที่จะสามารถฟื้นฟูพรรค ปชป.ได้ในอนาคต

ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรค ปชป. ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง "1 เสียง 1 โหวต ทางออก ฟื้น ปชป." มีเนื้อหาระบุว่า 9 ก.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์มีกำหนดประชุมใหญ่   วาระสำคัญคือการเลือกผู้บริหารชุดใหม่มาแทนชุดเดิมที่พ้นตำแหน่งไป การชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในคราวนี้แตกต่างไปจากอดีตที่เคยมีมา แทบจะไม่มีใครเสนอตัวออกมาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเลย ยกเว้นนายอลงกรณ์ พลบุตร สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคนในพรรครู้ดีแก่ใจว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงผู้บริหารทั้งหมดในตอนนี้ อยู่ในอาณัติของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค ที่กุมเสียง ส.ส.ในมือราว 20 คน จากทั้งหมด 25 คน สั่งให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นก็จะได้เป็น เนื่องจากข้อบังคับพรรคให้น้ำหนัก ส.ส.เป็นสัดส่วนถึง 70% ขององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ในการลงคะแนน

นายเชาว์ระบุว่า ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จึงไม่สมควรที่จะให้ ส.ส. 25 คน มากุมชะตากรรมพรรคเพียงลำพัง การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 9 ก.ค.นี้ จึงขอเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติสามในห้าขององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ ให้ยกเว้นข้อบังคับข้อ 87 (1), (2) ที่ให้ถือเกณฑ์คำนวณคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสัดส่วน ส.ส. 70% และสมาชิกอื่นที่เป็นองค์ประชุม 30% เสีย โดยให้ใช้เสียงข้างมากของผู้ลงคะแนนเสียง เพื่อให้ทุกคะแนนเสียงขององค์ประชุมที่ประชุมใหญ่มีหนึ่งเสียงหนึ่งโหวตเท่ากันในการกำหนดชะตาครั้งสำคัญของพรรค

"ถ้ารักพรรคจริง ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมตัดสิน ไม่ใช่ใช้ข้อได้เปรียบจากข้อบังคับพรรคมาจ้องกินรวบพรรคอย่างที่เป็นอยู่ คนชอบพูดว่าผมเป็นคนของนายกฯ อภิสิทธิ์ ผมไม่ปฏิเสธว่าเคารพรักท่าน แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคสำหรับผม จะชื่ออะไรก็ได้ สำคัญที่คนคนนั้นต้องมีบารมี มีเจตจำนงทำพรรคให้เป็นพรรค ไม่ใช่คิดแต่ใช้พรรคเป็นบันไดในการแสวงหาอำนาจ" นายเชาว์กล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการจัดปฐมนิเทศ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 25 คนเป็นครั้งแรก โดยมีนายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรค ร่วมกันเป็นประธานในที่ประชุม โดยวาระการประชุมในวันนี้พรรค ปชป.ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมาให้ความรู้ถึงระเบียบ ข้อบังคับของสภา รวมทั้งบทบาทหน้าที่ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาด้วย

ภายหลังการประชุม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค แถลงว่า นายชวนในฐานะอดีตประธานสภาฯ ได้เล่าประสบการณ์การทำงานในสภา ทั้งเรื่องข้อบังคับ ระเบียบ วิธีปฏิบัติต่างๆ พร้อมย้ำว่า ส.ส.ของประชาธิปัตย์ไม่ควรให้เกิดกรณีกดบัตรแทนกัน และไม่ควรมีการเล่นการพนันโดยเด็ดขาด พร้อมกับอวยพรให้ ส.ส.ทุกท่านตั้งใจทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน ประเทศชาติ และบ้านเมือง ขณะที่นายบัญญัติได้กล่าวถึงบทบาทของ ส.ส.ในหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่า แม้ครั้งนี้ ปชป.ได้ที่นั่ง ส.ส.มาน้อย ดังนั้นจึงต้องทำงานอย่างหนักในการผลักดันกฎหมายสำคัญหลายเรื่อง พร้อมเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาด้วย

นายราเมศกล่าวอีกว่า จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้มีการเสนอชื่อประธาน ส.ส., รองประธาน ส.ส. และเลขาฯ ที่ประชุม ส.ส. ซึ่ง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา ได้เสนอ นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธาน ส.ส. และมีรองประธาน ส.ส. 3 คน ประกอบด้วย นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี, นายทรงศักดิ์ มุสิกอง ส.ส.นครศรีธรรมราช และ น.ส.สุณัฐชา โล่ห์สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง ส่วนตำแหน่งเลขานุการที่ประชุม คือ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง โดยที่ประชุม ส.ส.ได้ให้ความเห็นชอบตามนี้

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีการจัดกิจกรรมปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ และประชุมเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพรรคและสมาชิก โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธาน และมีกรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนเริ่มประชุมเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสถานที่สําหรับจัดโต๊ะจีน 20 ตัว เวที รวมถึงป้ายข้อความต่างๆ ที่บริเวณโถงชั้น 1 อาคารที่ทำการพรรค เพื่อจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับ ส.ส.พรรคทุกคนหลังการประชุม  ภายใต้สโลแกนก้าวข้ามความขัดแย้ง 

ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยสวมใส่เสื้อเชิ้ตลาย กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ พร้อมเสื้อแจ็กเกตพรรค มี ส.ส.และแกนนำพรรคให้การต้อนรับ

จากนั้นเวลา 14.15 น. พล.อ.ประวิตรได้กล่าวมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ว่า การเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมามีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นมากกว่าทุกครั้ง แม้ว่าพรรค พปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 4 ก็ตาม แต่ก็ได้รับเลือกตั้งมาเป็นตัวแทนประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นกรุงเทพมหานคร  จึงถือได้ว่าพวกเราได้รับความศรัทธาจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ

 “ถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐของเราจะต้องเดินไปข้างหน้าตามอุดมการณ์  ตามเจตจำนงของพรรค ที่ขออาสาเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นพรรคการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมขอยืนยันว่าจะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอดชีวิตของผมเท่าที่ผมมี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมจะลาออกหรือไปที่ไหน  อย่างไรก็จะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐตลอดไป”

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ว่าผลการจัดตั้งรัฐบาลจะออกมาในรูปใดก็ตาม  พปชร.ยังจะเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อรับใช้ประชาชนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวด้วยว่า  การปฐมนิเทศวันนี้ อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นที่รวมบุคลากรคนสำคัญของพรรค จะต้องร่วมกันทำงานเพื่อให้ พปชร.เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป โดยเฉพาะ ส.ส.ใหม่หรือคนเก่า ไม่ว่าสมัยที่แล้วอยู่พรรคใด แต่วันนี้จะต้องมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวของ พปชร. จะต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาอย่างเต็มที่ ต้องทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม  เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจสนับสนุนพวกเรา เราต้องทำงานอย่างเต็มที่  การทำหน้าที่ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติข้อบังคับของพรรคอย่างเคร่งครัด รวมถึงจะต้องมีจริยธรรม โดย ส.ส.พปชร.จะต้องเป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ

"ส.ส.ของพรรคเราจะยึดประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรค และจะต้องรักษาผลประโยชน์ของพรรค ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว หากทุกคนปฏิบัติตามนี้แล้ว เชื่อมั่นว่าพรรค พปชร.จะเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง และจะเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป" พล.อ.ประวิตรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง