พท.ปัดประเคนเก้าอี้ ภูมิธรรมอ้างรอมติพรรค3ก.ค./อึ้ง!พีระพันธุ์ทิ้งปาร์ตี้ลิสต์

ครม.เลื่อนประชุมไป 5 ก.ค. เปิดทางประชุมสภา 4 ก.ค.นี้ "เพื่อไทย" ดาหน้าปัดข่าวถอยยก "ประธานสภาฯ" ให้ "ก้าวไกล" แลกนำตั้งรัฐบาล  "ชลน่าน" ยันพรรคไม่มีแผนสำรอง โอดโดนตีความปมจับคลุมถุงชน "ภูมิธรรม" ชี้ต้องรอมติพรรค 3 ก.ค. "พิเชษฐ์" ย้ำเก้าอี้ประมุขนิติบัญญัติของ พท. "พิธา" เดินสายขอบคุณแฟนคลับ ลั่นยึดเจตจำนง ปชช.เป็นนายกฯ "เลขาฯ ก.ก." ระบุ 2 ก.ค.ทุกอย่างชัดเจน มั่นใจไม่โดนแทงข้างหลัง "บิ๊กตู่" ขอมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศ ลดบทบาทการเมือง "พีระพันธุ์"    ทิ้งตำแหน่ง ส.ส.อยู่ข้าง "ประยุทธ์" จนหมดวาระรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 30 มิ.ย. มีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ออกหนังสือแจ้งไปถึงรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้อง  ในการประสานงานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทราบว่าการประชุมครม.ครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันพุธที่ 5 ก.ค.66 เวลา 09.00 น. โดยเป็นการประชุมแบบครบองค์ประชุม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ การแจ้งเลื่อนประชุม ครม.ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเชิญ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภา ครั้งที่ 1 ในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมสภา โดยมีระเบียบวาระการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ

ส่วนที่รัฐสภา นางพรพิศได้ลงตรวจความเรียบร้อยโดยรอบบริเวณรัฐสภา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 3 ก.ค.2566 ซึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ประกาศเสียงตามสายให้นำรถออกจากอาคารรัฐสภาภายในเวลา 20.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. และไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่ ในวันที่ 3 ก.ค. รวมถึงสื่อมวลชนด้วย

ส่วนวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 คนนั้น  ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดเตรียมห้องประชุมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีการประเมินว่าจะใช้เวลาเพื่อเลือกทั้ง 3 ตำแหน่งประมาณ 6 ชั่วโมง หรืออาจเร็วกว่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนการเลือก เริ่มจากเปิดให้มีการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นประธานสภาฯ โดยต้องมีผู้รับรอง 20 คน ก่อนเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ หากที่ประชุมเสนอเพียงชื่อเดียวก็ไม่ต้องลงคะแนน ถือว่าบุคคลนั้นได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่หากมีการเสนอชื่อแข่ง ก็จะต้องโหวตลงมติ โดยจะให้มีการคัดเลือกกรรมการตรวจนับคะแนน และในการลงคะแนนจะเป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งจะให้สมาชิกมาลงคะแนนครั้งละ 20 คน เรียงตามตัวอักษรโดยไม่มีการประกาศรายชื่อ ส.ส. ซึ่งสมาชิกลงคะแนนโดยวิธีการลับ เข้าคูหา แล้วเขียนชื่อบุคคล ที่ต้องการเลือก ลงไปในกระดาษแล้วใส่ในซองสีน้ำตาล ก่อนจะนำใส่ซองไปหย่อนในกล่องใส

เมื่อลงคะแนนครบแล้วก็จะทำการตรวจนับคะแนน โดยผลคะแนนจะขึ้นจอทันที และเมื่อนับคะแนนครบก็จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือก ก่อนจะนำบัตรไปทำลาย ตามข้อบังคับการประชุม ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 ก็ใช้วิธีการเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับจำนวน ส.ส.ที่รายงานตัวต่อสภามี 498 คน ยังไม่ครบ 499 คน โดยขาดนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีรายงานว่านายพีระพันธุ์น่าจะเข้ารายงานตัว ส.ส. ในวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ค.นี้

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรค พท.ยอมถอยเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อเตรียมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.ว่า  ก็ไม่รู้ที่มาของข่าวดังกล่าว และยังแปลกใจกับข่าวที่ออกมาอยู่ น่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า

พท.ดาหน้าปัดถอย ปธ.สภา

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พูดมาตลอดว่าพรรค พท.ไม่มีแผน 2 แผน 3 เพราะเราเคารพพรรคแกนนำ เรามีแผนเดียวคือสนับสนุนพรรคแกนนำและสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากเราไปพูดถึงแผน 2 แผน 3 มันก็คือการสมมติ หากใช้คำว่าถ้ามันก็จะถูกตีความเยอะ ฉะนั้นการที่จะมาบอกว่าเราขอเป็นแกนนำอะไรต่างๆ ยืนยันว่าไม่มี  โดยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนที่อยู่กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. ก็มีแค่การพูดคุยถึงแนวทางต่างๆ ที่เราจะไปพูดคุยเจรจากับพรรค ก.ก.อยู่ รวมถึงกระบวนการขอมติพรรคในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ก่อนจะมีการโหวตประธานสภาฯ ในวันที่ 4 ก.ค.

"ยืนยันว่าเป็นการปล่อยข่าว ระดับแกนนำเองก็ยังงงว่ามาอย่างไร เพราะไม่ใช่ผลดีกับพรรคแน่นอน และคนที่ปล่อยข่าวมาอ้างตัวว่าเป็นแหล่งข่าวจากพรรค พท. เช่นนี้ยิ่งส่งผลไม่ดี ยิ่งทำให้เราตกเป็นจำเลยเข้าไปอีก ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่า พรรค พท.ยึดมั่นในฉันทามติของประชาชน และเราจะไม่เป็นเงื่อนไขไปทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จุดมุ่งหมายเดียวคือการทำให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และให้พรรค ก.ก.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ นี่คือสูตรเดียวของ พท. ไม่มีการคิดอย่างอื่นเลย" นพ.ชลน่านกล่าว

ถามถึงกรณีตัดพ้อถูกคลุมถุงชน หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า บางคนไปตีความสิ่งที่ตนสื่อสารออกไปผิด ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ โดยเปรียบว่าประชาชนเป็นพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ให้เราทำอย่างไรเราก็ต้องทำ แม้เราไม่เห็นด้วยในเรื่องนั้นก็ตาม แค่เปรียบเทียบให้ฟัง แต่กลับไปตีความผิด กลายเป็นว่าไม่รักกัน ซึ่งไม่ใช่ไม่รักกัน การคลุมถุงชนนั้นไม่ใช่ว่ารักหรือไม่รัก จริงอยู่ส่วนหนึ่งที่อาจไม่รักแต่ถูกจับมาแต่ง หรือบางครอบครัวเขาไม่เคยเจอกันเลย แต่เมื่อถูกจับมาแต่งเขาก็รักกัน เป็นคู่ชีวิตที่ยั่งยืนได้

"ความหมายของผมเพียงแค่จะต้องการให้เห็นความสำคัญของประชาชนว่าเขามอบอำนาจมาให้เราเหมือนพ่อแม่ ดังนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดอย่างอื่นเลย ผมต้องการจะเปรียบเทียบเท่านี้ แต่อาจจะสื่อสารไขว้เขว ก็ต้องขออภัยด้วย” หัวหน้าพรรค พท.ระบุ

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ จนถึงขณะนี้ทีมเจรจายังไม่ได้พบกับทางพรรค ก.ก. จึงยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมาจากการเจรจาของสองพรรค โดยประเด็นนี้ทาง พท.จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ได้ข้อยุติในเรื่องนี้เวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ค. และจะนำผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารไปหารือกับที่ประชุม ส.ส.พรรค เวลา 10.00 น. คาดว่าจะได้มติที่ชัดเจน แล้วจะแถลงข่าวต่อสาธารณชน

ถามว่า การประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลวันที่ 2 ก.ค. จะหยิบยกเรื่องประธานสภาฯ มาหารือหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า การประชุม 8 พรรค เป็นการหารือเกี่ยวกับการทำงานและดำเนินการร่วมกันของคณะเปลี่ยนผ่านทั้ง 8 พรรค คงไม่มีเรื่องประธานสภาฯ ที่เป็นเรื่องระหว่างพรรค ก.ก.กับ พท. ดังนั้นประเด็นประธานสภาฯ ในส่วนของพรรค พท. รอมติของกรรมการบริหารและที่ประชุม ส.ส. และจะชัดเจนวันที่ 3 ก.ค.

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. กล่าวถึงข่าวพรรค พท.ยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรค ก.ก. แลกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเพียงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ขอให้รอฟังข้อเท็จจริงจากหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค พท. รวมถึงฝ่ายเจรจาก่อน ตนไม่อยู่ในกระบวนการการเจรจา แต่อยู่ในกระบวนการทำงานมากกว่า ยังไม่อยากให้มองไปไกล เพราะต้องผ่านขั้นตอนการเลือกประธานสภาฯ ก่อน ขอให้อดใจรอ ซึ่งพรรค พท.ยึดมั่นหลักการฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือทำงานร่วมกัน  และมั่นใจเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ  จบลงด้วยดี ทุกฝ่ายแฮปปี้

ถามว่า แม้ตัวนายพิธาจะมีความพร้อม แต่มีขวากหนามอีกหลายอย่างที่อาจทำให้นายพิธาไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ  พท.พร้อมที่จะไปนั่งนายกฯ แทนหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ต้องพยายามให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อน และ พท.ย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องผลักดันให้นายพิธาเป็นนายกฯ ก่อน

"แผนสำรองอะไรยังไม่คิด ขอเป็นไปทีละขั้นตอน เราต้องช่วยกันผ่านด่านประธานสภาฯ ให้ได้ก่อน โดยไม่บอบช้ำทั้งสองฝ่าย แล้วค่อยเป็นขั้นตอนการเลือกนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรค พท.ก็อยากให้นายพิธาเป็นนายกฯ เพราะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น" นายเศรษฐากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดา ส.ส.พรรค พท.หลายคนหลังรับรู้ถึงกระแสข่าวพรรคถอยตำแหน่งประธานสภาฯ  ต่างรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจายังไม่ได้แจ้งให้สมาชิกทราบอย่างเป็นทางการ

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรค พท. กล่าวว่า ขอฟังคำชี้แจงจากคณะเจรจาก่อนว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ แต่โดยหลักแล้วคณะเจรจาต้องไปพูดคุยตามมติที่พรรค พท.เห็นพ้องกัน คือตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรค พท. คณะเจรจาเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ ไม่ใช่คนตัดสินใจ จะไปตกลงอะไรนอกกรอบจากที่ตกลงกันในพรรคไม่ได้ ดังนั้นพรรคต้องได้ประธานสภาฯ จะไปยกให้ใครไม่ได้

ถามว่า หากสุดท้ายแล้วพรรคมีมติยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรค ก.ก.จริงๆ ส.ส.จะโหวตตามมติพรรคหรือไม่ นายพิเชษฐ์กล่าวว่า ยังบอกอะไรไม่ได้มาก ขอฟังคำชี้แจงจากคณะเจรจาก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกที

'พิธา' ยัน 2 ก.ค.สรุปชัดเจน

ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก ประชาชนด้อมส้มชาว จ.พิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงกว่า 800 คน ได้เดินทางมารอรับนายพิธา ซึ่งได้เดินทางมาขอบคุณทุกคะแนนเสียงของจังหวัดพิษณุโลกที่มอบให้กับพรรค ก.ก.   โดยมีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 และแคนดิเดตประธานสภาฯ และนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ ส.ส.พิษณุโลก เขต 5 ให้การต้อนรับ

กระทั่งนายพิธามาถึงได้ลงจากรถตู้ฮุนได สีบรอนซ์เทา ทะเบียน นข 5120 พิษณุโลก และโบกมือทักทายแฟนคลับ ก่อนจะเดินเข้าวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช เพื่อไปกราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธชินราช

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ได้มาขอพรให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิธาตอบสั้นๆ ว่า ขอให้หวยได้ออก 376 ก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที แต่มาขอพรให้กับพี่น้องชาว จ.พิษณุโลก ให้อยู่ดีมีสุข น้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง และไม่มีแผ่นดินไหวอีก

ถามถึงกรณีนายปดิพัทธ์จะได้เป็นประธานสภาฯ หรือไม่ นายพิธาระบุว่า ทางพรรคได้ยืนยันไปแล้ว ส่วนความชัดเจนกับพรรค พท.ที่หลายคนเป็นห่วง ตอนนี้ดีขึ้น อยู่ระหว่างการเจรจา ทุกอย่างเรียบร้อยดี รอวันที่จะประชุมพรรคร่วมในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ก็จะได้ความชัดเจนมากขึ้น

"ยืนยันผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีตามเจตจำนงของพี่น้องประชาชนให้ได้" นายพิธาระบุ

จากนั้นนายพิธาและคณะขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนรอบเขตตัวเมืองพิษณุโลกไปตามถนนสิงหวัฒน์ ถนนเอกาทศรถ และวงเวียนสถานีรถไฟ และขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานแอโรบิกสวนชมน่าน รวมทั้งเดินทางต่อไปจังหวัดขอนแก่นเพื่อขอบคุณผู้สนับสนุน

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวถึงข่าวพรรค พท.ยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ตอนนี้พรรค ก.ก.กำลังรอนัดหมายและกำหนดเวลาเพื่อจะพูดคุยกับพรรค พท.อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้น พท.และ ก.ก.หวังว่าจะพยายามให้ได้ข้อยุติร่วมกัน ก่อนที่จะประชุมร่วม 8 พรรค อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพรรคยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องของตำแหน่งประธานสภาฯ อย่างเป็นทางการ

ถามถึงสมการการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) 15+2 และ 13+2 นายชัยธวัชกล่าวว่า ยืนยันจริงๆ ว่ายังไม่ได้พูดคุยกันเลย ที่ผ่านมามีเพียงแค่กระแสข่าวที่ออกมาเท่านั้น ทั้งสองพรรคจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนไม่ผิดหวัง

ซักถึงเงื่อนไขที่บอกหากนายพิธาฝ่าด่าน ส.ว.ไม่ได้ แล้วพรรค พท.จะจัดตั้งรัฐบาลแทน นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ทราบว่ากระแสข่าวนี้มาจากไหน แต่เราเชื่อว่าพรรค พท.ไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น เพราะผลการเลือกตั้งชัดเจนว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรค ก.ก. เลือกพรรค พท. มีความต้องการที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่กลับมาฟื้นฟูประชาธิปไตย และแก้ไขปัญหาของประชาชน ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ไม่ทำให้ความผิดปกติที่อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กลายเป็นเรื่องปกติ

"ผมยังเชื่อมั่นว่าทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จะช่วยกันคืนความปกติให้กับระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการยอมรับผลการเลือกตั้ง ให้พรรคที่ได้รับชัยชนะเป็นอันดับหนึ่งจากประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล" นายชัยธวัชกล่าว

ก.ก.มั่นใจไม่โดนแทงหลัง

ถามว่า มั่นใจหรือไม่หลังจากคุยกัน 8 พรรคการเมืองในวันที่ 2 ก.ค.แล้ว และในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งจะมีการโหวตประธานสภาฯ จะเป็นไปตามที่ได้คุยกันไว้หรือไม่ เลขาฯ พรรค ก.ก.กล่าวว่า ถ้า 8 พรรคการเมืองจับมือกันแน่นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เรื่องตำแหน่งประานสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของความต้องการส่วนตัวของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นหลักการที่เป็นปกติในระบอบประชาธิปไตย ยังยืนยันว่าต้องรอผลสรุปจากการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการระหว่างสองพรรค เชื่อว่าจะจบได้ดี ทั้งสองพรรคเราทำงาน และตัดสินใจภายใต้ผลประโยชน์ของประชาชน ที่พร้อมจะจับมือไปด้วยกัน

ซักว่าหากขั้วรัฐบาลเดิมเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานสภาฯ จะมีการป้องกันอย่างไรเพื่อทำให้เสียงไม่แตก  เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า ขอให้เชื่อมั่นทั้งแกนนำและสมาชิกพรรคทั้ง 8 พรรค

เมื่อถามว่า มีการวางแผนไว้หรือไม่หากนายพิธาไม่ถูกโหวตให้เป็นนายกฯเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยยังเดินหน้าต่อไปได้ เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า อย่าคิดไปไกลถึงสถานการณ์วันนั้นเลย เฉพาะหน้าเมื่อผ่านการเลือกประธานสภาฯ แล้ว ทุกอย่างก็จะมีความชัดเจนขึ้น

"ยังเชื่อมั่นอย่างที่ได้ยืนยันไปข้างต้นว่าทาง ส.ส.และ ส.ว.จะช่วยคืนความปกติให้กับการเมืองไทย ด้วยหลักการพื้นฐานว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง และสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ได้ ก็จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างในกรณีปี 62 ที่อาจจะมีการผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ทาง ส.ว.ก็ให้เหตุผลในการโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เพราะสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้ ส.ว. ก็โหวตให้อย่างเป็นเอกภาพ" เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าว

ย้ำถึงนโยบายแก้ไข ม.112 จะมีการชี้แจงอะไรเพิ่มกับ ส.ว.หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี

ถามถึงกระแสข่าวมีการแลกตำแหน่งประธานสภาฯ กับตำแหน่ง รมว.การคลัง นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าเป็นข่าวลือ รอการพูดคุยอย่างเป็นทางการ เรื่องแบบนั้นมีการพูดไปโดยที่ไม่ได้อิงจากข้อเท็จจริง

เมื่อถามถึงความกังวลว่าจะเกิดการแทงข้างหลังในการโหวตหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่กังวล ระหว่างขั้วเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยมีความห่างกันมาก ดังนั้นทั้ง 8 พรรคมีกำลังแน่น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลิก พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อนการประชุมของทั้ง 8 พรรคในวันที่ 2 ก.ค.

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งพรรค ก.ก.และ พท.ได้ยืนยันกับผู้บริหารของ 8 พรรคในเรื่องประธานสภาฯ ก่อนจะถึงการประชุมวันที่ 2 ก.ค. ทุกอย่างจะจบด้วยดี ในครั้งนี้ 8 พรรคที่เรารวมกันได้ถึง 312 เสียง ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ที่จะบริหารประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพ

"ตอนนี้เชื่อมั่นว่าการเริ่มมีประธานสภาฯ การมีนายกรัฐมนตรี เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เรายืนยันว่า 8 พรรคจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ เราเชื่อว่ามติมหาชนครั้งนี้ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลให้ประเทศดีขึ้น" นายทวีกล่าว

ภท.ย้ำไม่หนุนพรรคแก้ 112

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงความชัดเจนในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ว่า ภท.คงไม่เสนอชื่อบุคคลเป็นประธานสภาฯ จึงไม่มีความลำบากใจมากนัก เราขอดูแคนดิเดตของแต่ละพรรคที่จะเสนอมา หลังจากนั้นจะหารือกันภายในพรรคที่รัฐสภาก่อนเริ่มการประชุม ซึ่งจุดยืนของพรรคเป็นไปตามแถลงการณ์ของพรรคเมื่อวันที่ 17 พ.ค.66

ถามถึงข่าวพรรค พท.ยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรค ก.ก. เพื่อแลกกับตำแหน่งนายกฯ หากนายพิธาไม่ผ่านด่าน ส.ว. นายอนุทินกล่าวว่า   คิดว่ารอให้เกิดขึ้นก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ และยังไม่รู้ว่าผลการลงมติจะเป็นอย่างไร ซึ่งพรรค ภท.ก็มีแนวทางอยู่ในใจ ต้องดูว่าสถานการณ์วันนั้นจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่มั่นใจได้ คือพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ซึ่งหมายถึงองค์รวมคือ ชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน รวมเป็น 4 สถาบัน โดย ภท.ยึดมั่นในแนวทางนี้ เราสบายใจในจุดยืนของเรา

ซักว่า ขณะนี้มีรอยร้าวและความขัดแย้งระหว่างพรรค ก.ก.กับ พท. มีแนวโน้มที่ ภท.จะกลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคเป็นเรื่องของพระ แล้วเณรไปเกี่ยวอะไร เราไปรอส้มหล่นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง เรามีแผนอยู่แล้วหลายแผน แต่วันนี้เราไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 เราจึงบอกเสมอว่าพรรค ภท.จะวางตัวให้เป็นไปตามมารยาททางการเมือง

"วันนี้ก็ไม่มีข่าวว่าพรรค ภท.จะไปตั้งรัฐบาลหรือติดต่อกับใครเพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางการดำเนินการของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ซึ่งเราก็ยังทำตามนั้นอยู่" นายอนุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทยที่ออกเมื่อวันที่ 17 พ.ค.66 ระบุสาระสำคัญ ว่า “พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112”

ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการโหวตตำแหน่งประธานสภาฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ส่งสัญญาณอะไรมาหรือไม่ว่า ยังไม่มีส่งสัญญาณ และยังนิ่งๆ อยู่ ก็รอดูสถานการณ์ทางการเมืองไป สุดท้ายเราต้องรอดูพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำเอ็มโอยูกันว่าจะไปได้ถึงวันเลือกนายกฯ หรือเปล่า

ถามถึงข่าวลือพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ใช้เสียง ส.ว. แต่จะใช้เสียงจากพรรคการเมืองมาเติม โดยพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.ประวิตร นายชัยวุฒิกล่าวว่า แล้วเราจะไปเติมให้เพื่ออะไร และยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอะไร ยังไม่เห็นมีการเจรจาหรือการประชุมใดๆ พล.อ.ประวิตรก็ยังนิ่งและไม่มีสัญญาณ และที่สำคัญยังไม่ได้เก็บของอะไรเลย รอดูสถานการณ์ไปก่อน

ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการ จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ แล้วหรือไม่ว่า ยังไม่เห็นข่าวเลย และยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เมื่อถามว่านายพีระพันธุ์ได้แจ้งหรือไม่ว่าจะลาออกเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของท่าน 

 “วันนี้ขอพูดแล้วกัน ผมจำเป็นต้องถอยห่างออกจากการเมือง ฉะนั้นอย่ามาถามผมในเรื่องการเมือง ช่วงนี้เราเดินหน้ามาสู่ช่วงเปิดรัฐสภา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จากนั้นจะมีการพิจารณาเลือกประธานสภาฯ ต่อไป ก็เดินหน้าไปสู่การเลือกนายกฯ ซึ่งผมขอกำหนดบทบาทของผมให้ชัดเจนว่าผมจำเป็นต้องถอยออกมาตรงนี้ก่อน ผมจะไปทำเฉพาะเน้นเรื่องงานของรัฐบาล  อย่าเอาผมไปทำให้มันเกิดปัญหาความขัดแย้งอีกเลย ผมก็จะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่คุยอะไรกับใครทั้งสิ้น

'พีระพันธุ์' สละตำแหน่ง ส.ส.

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งระบุว่า  วันนี้และตลอดไปผมเคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผมไม่มีวันทิ้งลุงตู่ จะทำหน้าที่เลขาธิการนายกฯ จนวินาทีสุดท้ายของท่านในการทำงาน และการทำหน้าที่นายกฯ ของคนไทยและประเทศไทย วันนี้ 30 มิ.ย. เป็นวันที่ผมยืนยันในคำประกาศของผม

"ไม่ต้องกังวลนะ พรรครวมไทยสร้างชาติมี ส.ส. มือเก๋าที่มีประสบการณ์สูงหลายคนที่สามารถดูแลงานในสภาฯ ได้ไม่น้อยไปกว่าผม รวมทั้ง ส.ส.ใหม่ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ มีหัวใจเดียวกัน จึงไม่เป็นปัญหาอุปสรรคใดในการทำงานของพรรคในสภาฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมไม่ได้หายไปไหน ผมยังคงทำหน้าที่กองหนุนและดูแลการทำงานของพรรค ของ ส.ส. และของสมาชิกพรรคให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติของเราต่อไป ขอบคุณ"  นายพีระพันธ์ระบุตอนท้าย

ช่วงค่ำ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนายพีระพันธุ์ว่า มีสื่อมวลชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามกันมากถึงเรื่องดังกล่าว เพื่อป้องกันความสับสน ขอยืนยันว่านายพีระพันธุ์ได้สละตำแหน่ง ส.ส. เพื่อที่จะปฏิบัติงานในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จนหมดวาระรัฐบาลรักษาการ

วันเดียวกัน นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงข่าวพรรคพท.ถอยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรค ก.ก.ว่า เชื่อเป็นข่าวปล่อยและเฟกนิวส์ ตนมองว่าเรื่องนี้พยายามสร้างความสับสน และกลับไปกลับมา รวมถึงดิสเครดิตพรรค พท. เพราะหากเป็นข้อมูลที่เป็นจริง ทำไม 2 พรรคใหญ่ไม่บอกว่าประชุมทางการหรือมีการแถลงอย่างเป็นทางการ ดังนั้นในขณะนี้ตนเชื่อว่าไม่ใช่ข่าวจริง

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เห็นข่าวที่นายทะเบียนพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.แล้ว ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับข่าวของศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2566 ที่มีผู้ร้องกล่าวอ้างใช้สิทธิตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 นั้น ซึ่งกรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้นึกถึงคำร้องเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2566 ของตน ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง เคยแจ้งไม่รับคำร้องไว้ดำเนินการ

นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองกลับมาให้ข่าวดังกล่าว จึงทำให้มีเหตุอันควรส่งหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า พรรคก้าวไกลกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) (2) หรือไม่ และเข้าข่ายจะต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือไม่

"คำร้องของผมเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2566 นั้น มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบอยู่แล้ว ดังนั้น จึงขอให้ กกต.รีบดำเนินการต่อไปโดยเร็ว" นายเรืองไกรกล่าว

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีรายงานว่า ป.ป.ช.ได้กำหนดเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณี ส.ส.พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 รวมถึงกรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มี.ค.66 รวมทั้งหมด 40 ราย ในวันที่ 5 ก.ค.-ส.ค.นี้ โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจ อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีต ส.ส.ชลบุรี, นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และอดีต รมว.ยุติธรรม เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง