หมายจับ3ราย รีดเว็บ140ล้าน ไล่ออก14ตร.

คืบหน้ารีดทรัพย์ 140 ล้านเว็บพนันออนไลน์ ออกหมายจับเพิ่มอีก 3 ราย “ผบช.สตม.” นั่งไม่ติด เล็งสอบสวนลูกน้องนอกแถวร่วมก๊วนขบวนการ สั่งฟันไม่เลี้ยง "บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ไล่ออก-ปลดออก 14 นาย ผงะ! ครึ่งปีพ้นราชการระนาว

เมื่อวันพุธ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)    กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการตำรวจและพลเรือนเรียกรับเงิน 140 ล้านบาทจากกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขออนุมัติหมายจับพลเรือนเพิ่มเติม 3 คน  โดยพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีคือมีการขนเงิน ยักย้ายเงิน แต่อยู่ระหว่างรอศาลจะอนุมัติหรือไม่ ส่วนที่เป็นข้าราชการตำรวจได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กำลังดูอยู่ว่ามีใครเกี่ยวข้องเพิ่มอีกไหม ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องก็ดำเนินการเพิ่มเติม ในช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งเส้นทางการเงินหรือความเชื่อมโยงต่างๆ ในวันนี้ถ้าตอบว่าหมดแล้วเรายังไม่สามารถตอบได้ พยานหลักฐานต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เราถึงจะทราบว่าใครเกี่ยวข้องอีก  ถึงจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้

ด้าน พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ระบุถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานมอบให้กับ บช.สอท. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับตำรวจ 3 นาย พร้อมพวกที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ ที่มียศเป็น พ.ต.อ. ตำแหน่งรองผู้บังคับการ 2 คน สังกัด  สตม. อีกคนอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้ง 3 ราย และเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคดีอุ้มรีดทรัพย์ 140 ล้านบาทว่า เบื้องต้นได้ประสานสอบถามข้อมูลไปยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ทำให้ทราบว่าในเอกสารที่ยื่นเป็นเพียงข้อมูลที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้อง และต้องรอให้ทางนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาให้ถ้อยคำกับทางพนักงานสอบสวนก่อนถึงจะทราบตัวบุคคล

"ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าหากปรากฏข้อมูลว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือกระทำความผิดเสียเอง ก็จะไม่มีการละเว้น โดยจะตั้งกรรมการตรวจสอบสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีมูลความผิดตามที่ร้องเรียน ก็จะต้องดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนวินัยและอาญา ซึ่งโทษหนักสุดคือออกจากราชการ" พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ระบุ

วันเดียวกัน ในเวลา 15.30 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 6/2566 เพียงสั้นๆ ว่า "ไม่มีอะไรหรอกเนอะ เป็นกระบวนการภายในตาม พ.ร.บ.ตำรวจเขา เรื่องปรับโยกย้ายต่างๆ"

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.  เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีระเบียบวาระการประชุม ประกอบด้วยเรื่องการรายงานการดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย, คณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านอุทรณ์ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านกฎหมาย รวมถึงเรื่องการเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2565 ครั้งที่ 2 ครึ่งปีหลัง (1 ต.ค.65) ในโควตาสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนระดับ ส.6 ขึ้นไป และการเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2566 ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 เม.ย.66) แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนในระดับ ส.6

ทั้งนี้ กรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการตำรวจประจำเดือน มิ.ย.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษ จำนวน 14 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 13 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 97 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 79 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 18 นาย.