11 องค์กรตั้งโต๊ะแถลงใหญ่ปมหุ้น STARK “ก.ล.ต.-ตลท.” ลั่นไม่นิ่งนอนใจ พร้อมคุ้มครองผู้ลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนเต็มที่ “สมาคมนักวิเคราะห์” ชี้เป็นบทเรียนเรื่องข้อมูล “ทริส" เตรียมปรับใหญ่เรื่องจัดอันดับความน่าเชื่อ “ภากร” แจงความเสียหายทางบัญชีกว่า 2.15 หมื่นล้าน ดีเอสไอพร้อมเป็นหัวหอกจัดการคดี พร้อมกำชับทุกหน่วยงานใช้กฎหมายทุกข้อ
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.66 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ 9 องค์กรในตลาดทุน ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าการดำเนินการด้านต่างๆ ในกรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) พร้อมทั้งเปิดเผยแนวทางการดำเนินการเพื่อยกระดับธรรมาภิบาลและการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน
นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น สั่งให้บริษัทเปิดเผยข้อมูล ขยายขอบเขตการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม และการแจ้งเตือนผู้ลงทุน พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมาก สำหรับด้านการคุ้มครองสิทธิของผู้ลงทุน ก.ล.ต.ยินดีช่วยเหลือประสานงานอย่างเต็มที่
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ลงทุนมีข้อมูลที่ครบถ้วน เพียงพอ และทันเวลา ทั้งในด้านการติดตามให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เปิดเผยข้อมูลสำคัญ หรือการเตือนผู้ลงทุนด้วยการออกข่าวเตือน และ/หรือการขึ้นเครื่องหมายต่างๆ สำหรับที่จะดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า กรณี STARK จะเป็นกรณีศึกษา เพื่อกรรมการและฝ่ายจัดการจะได้ไปสำรวจความรัดกุม และความเพียงพอของการกำกับดูแลกิจการ และการควบคุมภายในของบริษัทต่อไป
นายสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ เลขาธิการ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สภาวิชาชีพบัญชีพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นในวิชาชีพบัญชีและตลาดทุนไทย
นายไพศาล ธรสารสมบัติ กรรมการ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เห็นว่ากฎเกณฑ์ที่กำกับ บจ.เหมาะสมแล้ว ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ได้ปฏิบัติตามอยู่แล้ว ซึ่งกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบของ บจ.ควรต้องพิจารณาทำงานร่วมมือกับฝ่ายบริหารใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สมาคมฯ มีความยินดีที่จะให้ความร่วมกับหน่วยงานอื่นในตลาดทุนต่อไป
ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า เหตุการณ์แก้ไขงบที่เกิดขึ้นกับหุ้น STARK นั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของนักวิเคราะห์และนักลงทุนในฐานะเป็นผู้ใช้ข้อมูล ซึ่งแม้ว่านักวิเคราะห์จะมีความรอบคอบ และมีระบบการวิเคราะห์ที่รัดกุมเพียงใด ก็ไม่สามารถยืนยันถึงความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากอยู่ในสถานะที่เป็นเพียงผู้ใช้ข้อมูล จึงไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เข้าถึงหลักฐานยืนยันรายการทางบัญชี แนวทางที่องค์กรต่างๆ จะร่วมกันคิดเพื่อป้องกันปัญหาแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่าย คือต้องหาวิธีที่จะสามารถตรวจทานหลักฐาน ยืนยันรายการทางบัญชีให้มั่นใจได้มากขึ้น รวมถึงการมีหลักเกณฑ์ให้ บจ.มีหน้าที่ต้องมาจัดประชุมนักวิเคราะห์อย่างทั่วถึงปีละ 2-4 ครั้ง เพื่อให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนสามารถซักถามสอบถามได้โดยตรง เพื่อประเมินความสมเหตุผลของข้อมูลและวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ ประธานกรรมการ ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ปรึกษาทางการเงินปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ในการกลั่นกรองคุณภาพของบริษัทที่จะออกและเสนอขายหลักทรัพย์ (IPO) เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน กรรมการและผู้บริหารมีคุณสมบัติที่เหมาะสม มีระบบการควบคุมภายในที่ดี เป็นต้น ซึ่งรวมถึงการให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันของ บจ. แต่มีบาง บจ.ที่อาจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชมรมฯ จึงพร้อมร่วมหารือและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงเกณฑ์ และมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม โดยยังรักษาสมดุลของการกำหนดเกณฑ์และไม่เป็นภาระต่อ บจ.มากจนเกินไป
นายศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทริสฯ จะปรับปรุงขั้นตอนในการคัดกรองผู้ออกตราสารใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะเพิ่มความระมัดระวังสำหรับผู้ออกตราสารที่เข้าจดทะเบียนใน ตลท. รวมถึงจะหลีกเลี่ยงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้ผู้ออกตราสารที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือผู้บริหารที่มีประวัติหรือชื่อเสียงในทางลบทางด้านธรรมาภิบาล นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งจะเพิ่มการฝึกอบรมนักวิเคราะห์ ในส่วนเทคนิคการสังเกตลักษณะของงบการเงินที่น่าสงสัยว่ามีการตบแต่งงบการเงิน เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ความผิดปกติของงบการเงิน และสถานะทางการเงินที่แท้จริงของผู้ออกตราสาร
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า กรณี STARK เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย ไม่เฉพาะเพียงอุตสาหกรรม จึงเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงาน ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์ฯ, ผู้สอบบัญชี, ที่ปรึกษาทางการเงิน, บริษัทจัดอันดับเครดิต, นักวิเคราะห์ ฯลฯ จะต้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ThaiBMA ในฐานะของ Bond Information Center ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประสานงานกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และสำนักงาน ก.ล.ต. ในการให้ข้อมูลและประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็วแก่ผู้ลงทุนผ่านทางช่องทางออนไลน์ของสมาคมฯ นอกจากนี้เรายังได้ให้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เหตุแห่งการผิดนัดชำระหนี้ สิทธิของผู้ลงทุน หน้าที่และขั้นตอนการดำเนินงานของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
นางสิริพร จังตระกุล เลขาธิการ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยในการรวมกลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้นสามัญ STARK สมาคมฯ จึงเปิดระบบลงทะเบียนให้ผู้ลงทุนเข้ามาลงทะเบียน โดยคำนึงถึง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 อย่างเคร่งครัด และจะพิจารณาช่วยดำเนินการ รวมถึงอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่อไป กรณีที่มีการฟ้องคดีแบบกลุ่มที่มีการลงทะเบียนที่สิ้นสุดไปเมื่อ 25 มิ.ย.66 มีผู้ลงทะเบียน 1,759 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 4,063 ล้านบาท
นายภากรยังได้สรุปมูลค่าความเสียหายที่พบในงบการเงินของ STARK ว่ามีกว่า 2.15 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้อีกกว่า 9.1 พันล้านบาท โดยความเสียหายทางบัญชีมูลค่ารวมกว่า 2.15 หมื่นล้านบาทมี 5 เรื่อง ได้แก่ 1.การสั่งซื้อวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าของ STARK และการสั่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวข้องในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.65 มีการปรับตัวเลขถึง 1.04 หมื่นล้านบาท 2.การรับรู้รายได้จากการขายและลูกหนี้การค้าสูงเกินความจริงตั้งแต่ก่อนปี 2564 จนถึงปี 2565 รวมมูลค่า 7.76 พันล้านบาท 3. การจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายที่ไม่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่ก่อนปี 2564 จนถึงปี 2565 รวม 670 ล้านบาท 4.การตั้งค่าเผื่อลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้องในปี 2564-2565 รวม 794 ล้านบาท และ 5.การขาดทุนจากสินค้าคงเหลือหายในปี 2565 ที่ 1.79 พันล้านบาท
สำหรับการตรวจสอบการกระทำความผิดของ STARK ที่เกิดขึ้น นายภากรยอมรับว่า ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบมากกว่ากรณีของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) เนื่องจากกรณีของ STARK มีผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ทำให้ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ทำได้ยากกว่ากรณีของ MORE ที่มีผู้เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบประมาณ 10 ราย แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมกับหน่วยงานต่างๆ พร้อมเดินหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางเยียวผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานตลาดทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังอธิบดีดีเอสไอให้รับคดี STARK
โดย พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวภายหลังการประชุมว่า ดีเอสไอจะเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และจะเสนอให้มีการแต่งตั้งให้หน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทุกหน่วยงานจะร่วมกันบูรณาการโดยบังคับใช้กฎหมายทุกมิติให้เกิดประสิทธิภาพ โดยให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย และแก้ไขเยียวยาความเสียหายให้ผู้ลงทุน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุนโดยเร็วต่อไป
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.เปิดตลาดอยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่อง และปิดตลาดที่ 1,485.32 จุด ลดลง 20.20 จุด (-1.34%) มูลค่าซื้อขาย 40,108.08 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นดัชนีร่วงลงไปกว่า 20 จุด โดยทำจุดต่ำสุด 1,483.92 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,507.63 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 59 หลักทรัพย์ ลดลง 503 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 83 หลักทรัพย์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"