จี้‘ทบทวน’ฟ้องแยกดินแดน

ส.ส.ก้าวไกลชี้ ปมแจ้งความนักศึกษาจัดกิจกรรมแยกดินแดน หากเกิดในรัฐบาลพลเรือนต้องทบทวนหนัก หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องฟัง ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน เคารพหลักการบูรณภาพแห่งดินแดนในการกำหนดใจตนเอง

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และคณะทำงานย่อยสันติภาพชายแดนใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้แจ้งความดำเนินคดีกลุ่มนักศึกษา ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ หลังจัดกิจกรรมทำแบบสอบถามประชามติแบ่งแยกดินแดน เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ในคณะทำงานมีการแชร์ความคิดเห็น การให้แง่มุมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เราประเมินสถานการณ์กันอยู่เรื่อยๆ ภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน 

"สถานการณ์ที่เราเจอ ความยากลำบากที่เราเจอ ความกังขาที่ทุกคนเจอ กับการจัดงานของนักศึกษา เรากำลังคิดถึงภาวะผู้นำของรัฐบาลพลเรือนที่เคารพต่อหลักการประชาธิปไตย เคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เคารพต่อหลักการบูรณภาพแห่งดินแดนในการกำหนดใจตนเอง ทั้งหมดนี้อยู่ในกรอบพระธรรมนูญของรัฐบาลไทย"

นายรอมฎอนกล่าวต่อว่า ถ้าภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน การฟ้องร้องในลักษณะนี้ต้องถูกทบทวนอย่างหนัก การทำกิจกรรมอย่างนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว มีกิจกรรมสำรวจความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ บนพื้นฐานที่ว่าการเมืองที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ในฐานะที่เราเป็นรัฐบาล และหน่วยงานความมั่นคง จำเป็นต้องรับฟัง มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเราฟังนักศึกษากิจกรรมเหล่านั้นอาจเห็นรากเหง้าของปัญหา ทำไมถึงมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทำไมเยาวชนถึงมีกิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้น แทนที่จะปิดปากเขาด้วยการฟ้องดำเนินคดี ถ้าเปิดใจกลับมาฟัง มองจากมุมของรัฐที่เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถือเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจความคิดเห็นที่แตกต่าง และโอกาสในการที่สังคมไทยของรัฐบาลไทยที่จะรับมือกับความคิดเห็นที่แตกต่างได้โดยสันติวิธี

เขากล่าวว่า เยาวชนกลุ่มที่ทำกิจกรรมนี้ หากนับดูอายุคงไม่เกิน 20-21 ปี หมายความว่าเขาเติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งที่มีการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย ปัญหาคือถ้าไม่สามารถโอบรับโอบอุ้มเขา แม้จะมีความคิดเห็นที่ต่างกันขนาดไหน สังคมไทยไม่มีพื้นที่ให้คนมีความเห็นต่าง อนาคตของประเทศนี้จะอยู่อย่างไร ภายใต้ความคิดที่ใจกว้าง เห็นโอกาสในการสร้างสันติภาพที่มากขึ้น ตกลงแล้วการกำหนดชะตากรรมของตัวเองเป็นอย่างไรกันแน่ มีโอกาสสำหรับสังคมไทยมากน้อยเพียงใด ในทางวิชาการมีการถกเถียงกันมานาน ไม่ใช่แค่การแบ่งแยกดินแดนอย่างที่หลายคนเข้าใจ ยังมีทางเลือกอีกมาก แต่อยู่ที่ว่าเรามีวุฒิภาวะมากขนาดไหน ในการรับมือกับเหตุการณ์นี้

"ยอมรับความแตกต่าง โอบกอดผู้คนที่มีความแตกต่างทางความเชื่อ ความคิด อุดมการณ์ และอัตลักษณ์ในทางการเมืองอย่างไร และเชื่อว่ารัฐบาลพลเรือน ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราน่าจะเห็นโอกาสแบบนี้ในการโอบรับผู้คนไปด้วยกัน"

เมื่อถามว่า การแจ้งความของเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำที่รีบเกินไปหรือไม่ นายรอมฎอนระบุว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการแจ้งดำเนินคดีในช่วงเวลาสุญญากาศแบบนี้ เหมือนอยู่ระหว่างรัฐบาลเก่ายังไม่ไป รัฐบาลใหม่ยังไม่มา อาจเกิดความเคลือบแคลงใจต่อผู้มีอำนาจตัดสินใจในการโหวต ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ ตนไม่แน่ใจในฝั่งเจ้าหน้าที่ว่าทำอย่างไร แต่ถ้าไปถามเจ้าหน้าที่คงตอบว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และเชื่อว่าภายใต้การเมืองแบบนี้  การนำโดยรัฐบาลพลเรือน ทิศทางใหม่ๆ สิ่งที่เคยเห็นในอดีตคุ้นเคยคงไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไป

ถามว่า จากกิจกรรมในวันที่ 7 มิ.ย.บนภาพโปรโมตมีภาพของนายรอมฎอนอยู่ด้วย หากเข้าร่วมกิจกรรมนี้จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ นายรอมฎอนกล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะมีการพูดชื่อตนอยู่แล้ว โดยถือเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเอง ทั้งข้อมูลของตัวเอง หรือคนที่เกี่ยวข้องมีอย่างจำกัด ทำให้เห็นว่าหน่วยงานของเรามีปัญหาในการประเมินสถานการณ์ หรือเข้าถึงแหล่งข่าว

"ผมเชื่อว่าการทำกิจกรรมทางวิชาการแบบนี้ ผมพร้อมแลกเปลี่ยนถกเถียง เพราะเชื่อว่าการนั่งลงถกเถียง ดีกว่าการใช้กำลัง ใช้อำนาจกฎหมายและอาวุธ การถกเถียงด้วยวุฒิภาวะ เข้าใจความต้องการของตนเอง เป็นประโยชน์และสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง บางเรื่องยิ่งทำยิ่งสร้างความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาในอนาคต หากสรุปบทเรียนจากการแก้ไขปัญหาที่ใช้วิธีคิดแบบทหารนำ จะเจอปัญหาที่เป็นผลพวงมาจากมาตรการที่กราดเกรี้ยวต่อเนื่องเหล่านั้น เป็นมรดกมาถึงปัจจุบัน คือสิ่งที่ลำบากมากที่ชาวชายแดนภาคใต้ต้องเจออยู่" ส.ส.ก้าวไกลผู้นี้กล่าว

ทั้งนี้ การประชุมคณะทำงานสันติภาพชายแดนใต้ ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นคณะทำงานย่อยของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ณ ที่ทำการพรรคประชาชาติ ย่านดอนเมือง มีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และนายก่อแก้ว พิกุลทอง จากพรรคเพื่อไทย, นายชวลิต วิชยสุทธิ์ จากพรรคไทยสร้างไทย และพล.ท.พงศกร รอดชมภู ที่ปรึกษาคณะทำงาน

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า อยากให้ที่ประชุมวันนี้สรุปร่างแรกเพื่อเตรียมพร้อมการจัดทำนโยบายรัฐบาล เนื่องจากตามไทม์ไลน์จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากนั้นก็จะเป็นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลก็ต้องจัดทำนโยบายเพื่อแถลงต่อสภา โดยต้องรวบรวมข้อมูลจากคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อประกอบการจัดทำนโยบาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง