ปปช.เปิดสมบัติ‘47ส.ส.’ เตือนป้ายแดงเตรียมตัว

ป.ป.ช.เปิดเซฟ 47 ส.ส.พ้นตำแหน่ง “เทวัญ” มั่งคั่ง 745 ล้าน เจ้าของห้องชุดกลางกรุง “ลินดา” อู้ฟู่ 353 ล้าน “จิรายุ” ได้มรดก 127 ล้าน “รมต.สินิตย์” ไม่ธรรมดา 219 ล้าน เฉพาะที่ดินภรรยา 133 ล้าน ส่วน “สหายแสง” ครองที่ดินนครพนม 79 แปลง “นิวัติไชย” แนะ ผู้แทนป้ายแดงเตรียมตัวยื่นขาเข้า 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 จำนวน 47 ราย โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ ดังนี้ นายสินิตย์ เลิศไกร อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ แจ้งว่าตนพร้อม น.ส.เยาวรัตน์ จันทร์หุ่น คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 219,829,895 บาท เป็นทรัพย์สินของนายสินิตย์ 29,887,198 บาท เป็นทรัพย์สินของ น.ส.เยาวรัตน์ 187,510,352 บาท เป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 2,432,344 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของ น.ส.เยาวรัตน์ มูลค่า 133,071,120 บาท อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และเชียงใหม่ ขณะเดียวกัน นายสินิตย์และ น.ส.เยาวรัตน์ มีหนี้สินรวมกันทั้งสิ้น 80,443,776 บาท    

นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แจ้งว่า ตน พร้อมนางพูนสุข โพธิ์สุ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 58,025,129 บาท เป็นทรัพย์สินของนายศุภชัย 33,331,601 บาท เป็นทรัพย์สินของนางพูนสุข 24,693,528 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของทั้งคู่ รวม 79 แปลง มูลค่า 28,905,650 บาท ซึ่งที่ดินทั้งหมดอยู่ในหลายอำเภอ จ.นครพนม ทั้ง อ.ศรีสงคราม อ.ท่าอุเทน และ อ.นาแก โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของทั้งคู่ จำนวน 9 หลัง มูลค่า 18,700,000 บาท อยู่ที่ จ.นครพนมทั้งหมด เป็นตึกแถว 3 หลัง บ้าน 5 หลัง และห้องประชุมมูลค่า 2,500,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีนาฬิกา Rolex 1 เรือน มูลค่า 170,000 บาท พร้อมกับหมายเหตุว่า ได้ขายนาฬิกาไป 7 เรือน พร้อมเครื่องประดับ สร้อย ต่างหู แหวนของผู้ยื่น 585,000 บาท ของคู่สมรส 430,000 บาท รวมเป็นเงิน 11,005,000 บาท ขณะเดียวกัน นายศุภชัยและนางพูนสุขมีหนี้สินรวมกันทั้งสิ้น 5,706,425 บาท  

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า แจ้งสถานภาพหย่าเมื่อปี 58 พร้อมระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 745,878,073 บาท ประกอบด้วย เงินสด 2,000,000 บาท เงินฝาก 57,182,402 บาท เงินให้กู้ยืม 8,500,000 บาท ที่ดินจำนวน 41 แปลง มูลค่า 411,256,723 บาท อยู่ที่ กทม. ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร นครราชสีมา ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 13 หลัง มูลค่า 177,998,345 บาท ในจำนวนนี้เป็นห้องชุดโนเบิล เพลินจิต ชั้น 45, 46 มูลค่ารวม 97,904,607 บาท ยานพาหนะ 25,330,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 11,515,602 บาท ทรัพย์สินอื่น จำนวน 49 รายการ และมีหนี้สินทั้งสิ้น 43,619,196 บาท  

นางลินดา เชิดชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ แจ้งว่าตนและนายอัสนี เชิดชัย คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 353,638,050 บาท เป็นทรัพย์สินของนางลินดา 101,810,547 บาท เป็นทรัพย์สินของนายอัสนี 251,827,053 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินของทั้งคู่ 253 แปลง มูลค่ารวม 263,394,780 บาท อยู่ที่หลายอำเภอใน จ.นครราชสีมา กทม. และลำปาง ทรัพย์สินอื่นของทั้งคู่ 95 รายการ มูลค่า 66,942,800 บาท ในจำนวนนี้มีปืน 10 กระบอก พระเครื่อง นาฬิกา เครื่องประดับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เครื่องเพชร เครื่องทอง ขณะเดียวกัน นางลินดาและนายอัสนีมีหนี้สินรวมกันทั้งสิ้น 2,327,791 บาท ทั้งนี้ นางลินดาระบุว่า ปัจจุบันนายอัสนี คู่สมรส มีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการผู้จัดการบริษัท อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัท เชิดชัย มอเตอร์เซลส์ จำกัด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ระบุสถานภาพว่ามีคู่สมรส แต่แจ้งว่ามีบุตร 2 คน ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ พร้อมกับระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 204,009,864 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรายการสินทรัพย์อื่น 134,210,000 บาท ประกอบด้วย อัญมณีและเครื่องประดับ 45 รายการ ทองคำ 160 รายการ โบราณวัตถุ 350 รายการ พระบูชา 35 รายการ พระเครื่องและวัตถุมงคล 926 รายการ โดยนายจิรายุระบุว่า ทั้งหมดได้มาในเดือน ต.ค.65 และยังมีอาวุธปืน 15 รายการ และนาฬิกา 13 รายการ ที่ได้มาในช่วงปี 38-65 นอกจากนี้ แจ้งว่ามีที่ดิน 38,500,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 22,500,000 บาท ขณะเดียวกันมีหนี้สิน 4,855,387 บาท

ทั้งนี้ นายจิรายุแจ้งว่า มีรายได้ต่อปี ประกอบด้วย เงินเดือน 1,440,000 บาท เบี้ยประชุมและอื่นๆ 200,000 บาท รายได้จากการขายบ้านและที่ดินที่ จ.ชัยนาท 4,800,000 บาท มรดกเงินสด 3,500,000 บาท มรดกทรัพย์สิน 124,270,000 บาท พร้อมระบุเป็นหมายเหตุด้วยว่า บิดาและมารดาเสียชีวิตเมื่อปี 65 อยู่ระหว่างการแบ่งมรดกพี่น้อง 

วันเดียวกัน ป.ป.ช.ยังได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.ภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 22 ก.พ.66 และกรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 3 มี.ค.66 โดย น.ส.ภคอร แจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์

 พร้อมกับระบุว่า เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ที เอ อี มาร์ท กรุ๊ป จำกัด ที่พบว่า นายมงคลกิตติ์เคยเป็นประธานกรรมการก่อนปี 62 ทั้งนี้ น.ส.ภคอรแจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4,193,099 บาท และมีหนี้สิน 507,497 บาท ซึ่งในส่วนของรายการทรัพย์สินอื่น ได้แจ้งไว้ 33 รายการ มูลค่า 453,273 บาท น.ส.ภคอรได้แจ้งละเอียดถึงขั้นว่า มีโน้ตบุ๊กมูลค่า 10,000 บาท ไอแพดพร้อมปากกา 43,390 บาท แอร์ 8,000 บาท โทรทัศน์ 13,000 บาท โต๊ะทานข้าว 6,000 บาท ชุดโซฟา 30,000 บาท โต๊ะเครื่องแป้ง 2,000 บาท เตียงนอน 2 เตียง มูลค่ารวม 10,000 บาท พัดลมติดผนังและตั้งพื้นรวม 6 ตัว มูลค่า 6,900 บาท ตู้เย็น 2 ตู้ 5,000 บาท ไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน เครื่องปิ้งขนมปัง หม้อหุงข้าว มูลค่ารวม 4,000 บาท รวมถึงยังมีพระเครื่องและเครื่องประดับสตรีด้วย

สำหรับ น.ส.ภคอร ได้เลื่อนขึ้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.66 แทนนายมงคลกิตติ์ ที่ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.66 โดยเป็น ส.ส.ได้เพียง 10 วัน น.ส.ภคอรก็ได้ยื่นหนังสือลาออกจาก ส.ส.

เมื่อวันศุกร์ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรอง ส.ส.ครบ 500 คน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 102 กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ.2561 ได้กำหนดให้ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ส.ส.มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยสำหรับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ให้ถือวันถวายสัตย์ปฏิญาณฯ เป็นวันเข้ารับตำแหน่ง ส่วน ส.ส.ให้ถือวันปฏิญาณตนในที่ประชุมสภาเป็นวันเข้ารับตำแหน่ง

เลขาฯ ป.ป.ช.ระบุว่า สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินจะต้องยื่นพร้อมเอกสารประกอบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา โดยผู้ยื่นจะต้องลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องกำกับไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและสำเนาหลักฐานที่ยื่นไว้ทุกหน้า พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดของเอกสารประกอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องแสดงรายการนั้น รวมทรัพย์สินและหนี้สินที่มีในต่างประเทศ และให้รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

“ที่สำคัญคือต้องยื่นภายในกำหนดเวลาเท่านั้น คือต้องยื่นภายในกําหนดเวลา 60 วัน หลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง แต่หากมีเหตุผลความจำเป็น อาจยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน โดยชี้แจงเหตุของการยื่นบัญชีล่าช้าต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และต้องยื่นคำขอก่อนวันครบ” นายนิวัติไชยกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)

'ทักษิณ-พท.' อย่าเพิ่งตีปีก! ชั้น 14 ป.ป.ช. ใกล้งวด คดีครอบงำยิ่งชัด รอ กกต. เคาะ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หน้าแตกกันไปตามๆ กัน เมื่อได้ทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับวินิจฉัยคำร้อง