พม.ยังไร้ข้อสรุป แก้ปัญหา‘หยก’ วอนสังคมเปิดใจ

“หยก” เข้าเรียนหนังสือตามปกติ ส่งงานครูไม่ตรวจเหตุไร้ชื่อแล้ว ขณะที่สภาผู้ปกครองและอาจารย์  แนะ กสม. ต้องรักษาสิทธินักเรียนทุกคน  ไม่ใช่เฉพาะเด็กมีปัญหาคนเดียว "รมว.พม." ขอสื่ออย่ากดดัน ส่วน น.ศ.ขอนแก่น 50 องค์กรหนุนเปิดกว้างใส่ชุดปกติทั่วไปมาเรียน ด้าน "สาธิต" ถาม "ศิธา" เชียร์เกินไปไหม แซะตอนเป็นทหารทำไมใส่ชุดเครื่องแบบ

เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ  “น้องหยก” เยาวชนอายุ 15 ปี เดินทางเข้าโรงเรียนเพื่อเรียนตามปกติ โดยมีบุ้ง  เนติพร มาส่งในฐานะผู้ปกครอง น้องหยกให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า วันนี้ไม่มีความกังวลใจอะไร มาเรียนตามปกติ ก่อนรีบเดินเข้าไปในโรงเรียนเนื่องจากใกล้จะถึงเวลาที่จะปิดประตู

ส่วน “บุ้ง” เนติพรกล่าวว่า เมื่อวานน้องหยกมาเล่าให้ฟังว่า ขณะกำลังนั่งทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์อยู่ ซึ่งน้องทำในไอแพด จากนั้นส่งให้ครูตรวจ แต่ปรากฏว่าครูไม่ตรวจให้เพราะทำในไอแพด น้องจึงบอกว่าอยากให้ครูตรวจให้หน่อยแล้วเดี๋ยวจะไปคัดลอกลงกระดาษให้แบบที่ครูต้องการ แต่ครูตอบกลับว่า เพราะหยกไม่มีชื่อแล้วจึงไม่ตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเฉพาะครูสอนวิชาเลขที่มีปัญหา ส่วนวิชาอื่นหยกก็ทำการบ้านและเข้าเรียนตามปกติโดยที่ครูไม่ได้ว่าอะไร

ด้านนายปรีชา จิตรสิงห์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ  เปิดเผยว่า วันนี้ทางคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สมาคมนักเรียนเก่าฯ   ชมรมครูเก่าฯ เครือข่ายผู้ปกครองฯ และสภานักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ จะเข้าร่วมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของ “หยก” กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ พม. ปลัดกระทรวง พม. และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ  ผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็กต้องเข้ามามอบตัวเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการให้เด็กเอง และ พม.ต้องลงมาช่วยหาพ่อแม่หยก  ทุกอย่างจึงจะกระจ่างและไปต่อได้

 ดร.นิวัตร นาคะเวช นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย  (สปคท.) กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ช่วยดูแล รักษาสิทธิ์ให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการด้วย มิใช่ดูแลเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องดูผลกระทบที่เกิดขั้นกับนักเรียนและผู้ปกครองด้วย มิใช่ผลักภาระทุกอย่างมาที่โรงเรียน พอเกิดปัญหาก็โทษโรงเรียน 

 “ขอวิงวอนและขอความกรุณาต่อประชาสังคมด้วย  อย่ายกและมอบภารกิจให้กับโรงเรียนอย่างเดียว ต้องช่วยกันแก้ปัญหาและรับผิดชอบร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด เดี๋ยวคุณครูจะลาออกกันหมด” นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทยกล่าว

ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. กล่าวภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และสหวิชาชีพ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีน้องหยกว่า  การหารือในวันนี้ไม่ได้เป็นการตัดสินถูกผิด กรณีพฤติกรรมของน้องหยกหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง แต่ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างให้มากที่สุด เพื่อคลี่คลายปัญหาให้ยุติโดยเร็ว

ทั้งนี้ จากการหารือกับกลุ่มครูในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ  พบว่าทุกคนมีจิตวิญญาณความเป็นครูและมีความห่วงใยในตัวน้องหยกอย่างมาก รักเหมือนลูก อย่างไรก็ตาม การเข้าเรียนของน้องหยก จากนี้สามารถทำได้ แต่ยังไม่สามารถระบุสถานะที่ชัดเจนว่ายังคงเป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาหรือไม่ เพราะยังอยู่ในกระบวนการการหารือและรับฟังร่วมกัน และครูมีหน้าที่ดูแลทางน้องหยกและเด็กนักเรียนอีก 4,000 คนในโรงเรียนอีกด้วย

นายจุติกล่าวว่า จะเร่งหารือเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตามวิงวอนให้สังคมเปิดใจให้กว้างในเรื่องนี้และวิงวอนสื่อมวลชนเลิกกดดัน หรือติดตามทำข่าว เนื่องจากสร้างความกดดันให้กับผู้ปกครองและนักเรียน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากไปอยู่ที่รั้วโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการมาก่อน นี่คือคำแนะนำจากสหวิชาชีพ ที่มีจุดประสงค์เพื่อคลี่คลายปัญหาในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

จากกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องการแต่งชุดไปรเวตของหยกนั้น นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "เชียร์กันจนเกินไปไหม มันไม่ใช่ใส่ชุดอะไรไปโรงเรียน แต่มันคือการสร้างเด็กไทยให้เคารพ กฎ ระเบียบ และการมีวินัยเพื่อพัฒนาชาติต่อไป ถามหน่อย ศิธา ตอนเป็นทหารทำไมพี่ใส่ชุดทหารครับ"

น.ต.ศิธาให้สัมภาษณ์ตอบกรณีนายสาธิตว่า ในช่วงที่รับราชการใส่เครื่องแบบเพราะราชการกำหนด แต่ตอนนี้ตนไม่ใช่ข้าราชการแล้วก็ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ส่วนในรัฐสภา ไม่ได้มีการบังคับให้ใส่เครื่องแบบรัฐสภา ดังนั้นบางคนก็แต่งกายด้วยเครื่องแบบ บางคนก็แต่งกายด้วยสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นสำหรับโรงเรียน ตนมองว่าการปลูกจิตสำนึกให้กับเด็ก ควรบาลานซ์เรื่องสิทธิเสรีภาพด้วย

เมื่อถามย้ำว่า นายสาธิตได้ตั้งคำถามว่ามีการเชียร์กันเกินไปหรือไม่ น.ต.ศิธากล่าวว่า ตอนนี้คนมีความคิดสุดโต่งสองข้าง คือ 1.ต้องบีบบังคับเอียงไปทางเผด็จการ และ 2.คือสิทธิเสรีภาพ คำว่าประชาธิปไตยคือการปกครองการปกครอง การปกครองคือการจำกัดสิทธิ์ของคน แต่ก็พอจะมีสิทธิเสรีภาพดีที่สุดดีที่สุดเท่าที่จะไม่ไปล่วงละเมิดผู้อื่น เพราะฉะนั้นถ้าโรงเรียนมีกฎระเบียบแบบนี้ เด็กก็ควรทำตาม หากทำผิดโรงเรียนก็ควรลงโทษตามกฎ แต่ไม่ใช่เอาหลายเรื่องมาโยงกัน

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ศูนย์อาหารและบริการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.เพื่อพูดคุยกับประธานสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น และตัวแทนนักศึกษา ภายหลังจากที่สภานิสิต-นักศึกษากว่า 50 องค์กร ร่วมออกเเถลงการณ์เรียกร้องให้สถานศึกษาเปิดกว้างในเรื่องของใส่ชุดปกติทั่วไปเข้าเรียนได้ และการเเก้ไขกฎระเบียบให้ปราศจากการบังคับ

นายรัชชัย บุญลือ ประธานกรรมาธิการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิการส่งเสริมประชาธิปไตยและประสานงานวิทยาเขตหนองคาย (เสื้อสีขาว) กล่าวว่า การที่ "หยก" กำลังต่อสู้หรืออารยะขัดขืนที่หลายคนมองอยู่ขณะนี้นั้น เป็นการสู้กับระบบเก่าๆ ที่มีมานานในการที่ต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียนเหมือนกัน  ทั้งที่การแต่งกายต่างๆ ไม่ส่งผลกับการเรียนแม้แต่น้อย ซึ่งโดยส่วนตัวตั้งแต่เรียนขึ้นมหาวิทยาลัยใส่ชุดนักศึกษานับครั้งได้ และการใส่ชุดนักศึกษาไม่เห็นว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนตรงไหน

ขณะที่นายชานน อาจณรงค์ ประธานสภานักศึกษา มข. กล่าวว่า  การเรียกร้องให้ยกเลิกบังคับการใส่ชุดนักเรียนสามารถทำได้ เพราะกฎหมายเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความต้องการของสังคมในแต่ละเวลา ซึ่งในปี 2563 มีกลุ่มนักศึกษา นักเรียน ออกมาเรียกร้องเรื่องดังกล่าวแล้วกับกระทรวงศึกษาธิการ แต่ก็ไม่ได้มีการแก้ไขข้อบังคับหรือว่ากฎระเบียบหรือสิทธิเหนือเรือนร่างของนักเรียน-นักศึกษา

"หยกหยิกยกประเด็นนี้กลับมาอีกครั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ แม้กระทั่งในมหาวิทยาลัยเองก็มีข้อบังคับว่าด้วยเรื่องการแต่งกายชุดนักศึกษา แต่ตัวผมเองก็ใส่ชุดธรรมดาทั่วไป แม้จะขัดต่อข้อบังคับ แต่ว่าระบบของมหาวิทยาลัยเป็นระบบเปิด แต่มัธยมไม่ใช่แบบเดียวกัน ข้อเรียกร้องครั้งนี้ต้องการให้โรงเรียนของรัฐบาลเป็นแกนนำเปิดพื้นที่เสรีที่นักเรียน นักศึกษา สามารถแสดงอัตลักษณ์ของตัวเองออกมาผ่านการแต่งกายได้จริงๆ" นายชานนระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง