"ผู้การชลบุรี" มอบตัวกับ "บิ๊กโจ๊ก" คดีรีดเว็บพนัน 140 ล้าน โต้วลีเด็ด "เป้รักผู้การเท่าไหร่...เป้เขียนมา" ไม่เป็นความจริง ค้นห้อง "พล.ต.ต.กัมพล" ยึดเซิร์ฟเวอร์วงจรปิด พบหลักฐานตรงคำให้การของเหยื่อ สองตำรวจไซเบอร์โดนแจ้ง 4 ข้อหา ยันทำตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จ่อฟ้องกลับ “วิโรจน์” จี้ขยายผลสาวถึงตัวการใหญ่ ชี้ต้นเหตุเกิดจากระบบตั๋วช้าง
ที่สโมสรตำรวจ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีตำรวจร่วมกันตบทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และทนายความ เดินทางมาพร้อมกับ พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ อ่อนตา รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (รอง ผบก.สอท.2) และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) รีดทรัพย์ 140 ล้านบาท เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สภ.คูคต โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เข้ารับมอบตัว
โดยตำรวจทั้ง 2 นายมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้มีความเครียดหรือกังวลอะไร พร้อมกล่าวว่า เมื่อคืนนี้นอนหลับดี และขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีการตบทรัพย์ผู้เสียหาย เนื่องจากได้ไปทำหน้าที่เก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในบ้านที่เกิดเหตุ เพราะได้รับการประสานจากชุดตรวจค้นในบ้านที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์กล่าวว่า รู้ข้อมูลตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน วันนี้จึงเดินทางเข้ามาเพื่อดูข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน ซึ่งยังไม่รู้ว่าถูกกล่าวหาอะไรบ้าง ยืนยันว่าตนทำหน้าที่ถูกต้องตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ยอมรับว่าตนได้เจอกับนายเป้ ผู้เสียหายในวันตรวจค้น
พ.ต.ท.ปฐมพงศ์บอกว่า ไม่มีความกังวลหรือหนักใจอะไร เพราะตนได้ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และวันดังกล่าวตนเดินทางไปพร้อมกับ รอง ผบก.สอท.2 ซึ่งเป็นการไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ด้านนายอัจฉริยะกล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะที่ตำรวจทั้งสองนายปฏิบัติหน้าที่มาให้มอบคณะสอบสวน และจะนำหลักฐานมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนด้วยแน่นอน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ 3 ข้าราชการตำรวจที่มีชื่อเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าว โดย พล.ต.ต.กัมพลเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากชุดคลี่คลายของรอง ผบ.ตร.ในคดีดังกล่าว จึงยังไม่ได้เข้าพบในวันนี้
เมื่อถามว่า ได้พูดวลีเด็ดที่เป็นข่าวว่า "เป้รักผู้การเท่าไหร่…เป้เขียนมา” ผบก.ภ.จว.ชลบุรีตอบว่า ไม่เป็นความจริง และเมื่อถามว่าหลังเกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นมีความเครียดหรือไม่ ก็ตอบสั้นๆ ว่า “ครับ” ก่อนจะตัดสายไป
พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ระบุว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากชุดคณะทำงาน พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำ แค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย และหลังจากนี้จะทำรายงานชี้แจง และเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา
พ.ต.ท.รัชพงษ์ไทย รอง ผกก.สภ.หนองขาม จว.ชลบุรี ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในชุดที่เข้าไปจับกุมวันดังกล่าวจริง แต่ยืนยันไม่ได้ตบทรัพย์ผู้ต้องหาตามที่เป็นข่าว และปฏิเสธว่าไม่ได้รู้จักกัน โดยรายละเอียดยังไม่ขอชี้แจง รอให้เข้าสู่กระบวนการก่อน แต่พร้อมให้ตรวจสอบ โดยตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากชุดของรอง ผบ.ตร.ให้เข้าไปชี้แจง รวมถึงยังไม่ได้รับเอกสารในการเข้าไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ในวันที่ 19 มิ.ย. โดยจากข่าวที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าตอนนี้เครียดมาก
แจ้ง 4 ข้อหา 2 ตร.สอท.
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับพลเรือนที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 คนคือ นายพิสิษฐ์ หรือ ต้น คณิศรพาณี นายวีระ หรือบอย นาทรัพย์นา และภรรยาของนายบอย ใน 2 ข้อหา คือร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน และร่วมกันในการกระทำการเอาทรัพย์ผู้อื่นไป โดยนายต้นและนายบอยหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว โดยออกนอกประเทศอย่างถูกต้อง คาดว่ามีสายที่เป็นตำรวจรายงาน แต่จะประสานประเทศปลายทางนำตัวกลับมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเข้าค้นบ้าน ซึ่งบ้านของนายวีระมีการขนของย้ายออกหมดแล้ว แต่ยังมีทรัพย์สินบางส่วนอยู่ พร้อมมั่นใจว่าเส้นทางการเงินจะสามารถไล่และตรวจสอบได้ แม้ว่าตัวนายวีระจะหนีไป
ในส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องมีประมาณ 11-12 นาย ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงไม่ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ทั้งนี้ได้ประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ให้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่ถูกกล่าวหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับว่าทั้งหมดจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 16.00-17.00 น. ซึ่งจะมีการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้งหมด ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีจะทยอยเรียกมาในสัปดาห์หน้า โดยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์อยู่ในระหว่างการรวบรวม ตรวจสอบเส้นทางการเงินกับธนาคาร และข้อมูลทางโทรศัพท์ รวมทั้งตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกับตำรวจกลุ่มไหนอีกบ้าง
สำหรับตำรวจ 2 นายที่มาพบพนักงานสอบสวนวันนี้ จะแจ้ง 4 ข้อหาคือ 1.เรียกรับผลประโยชน์ 2.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 3.ข่มขืนใจผู้อื่นให้ได้ทรัพย์สิน 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้ตำแหน่งในการประกันตัว โดยต้องให้ความเป็นธรรม ตราบใดที่ศาลไม่พิพากษา ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ส่วนการดำเนินการทางวินัย จะพิจารณาจากพยานหลักฐาน ซึ่งขึ้นอยู่กับ ผบ.ตร.จะพิจารณาว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน
"เมื่อวานนี้เพิ่งเจอ พล.ต.ต.กัมพล ในงานศพพ่อของ ผบ.ตร. เพราะส่วนตัวก็เคยทำงานร่วมกัน เคยสนิทสนมกัน ก็แนะนำไปว่าอะไรเป็นความจริงก็ต้องว่ากันตามความจริง พร้อมบอกว่าส่วนตัวไม่ได้บาดหมางหรือเป็นศัตรูต่อกัน แต่ทำตามหน้าที่ ขอให้ผู้การเตรียมข้อมูลและหลักฐานมาให้ข้อเท็จจริง ซึ่งผู้การไม่ได้ตอบอะไรกลับมา" รอง ผบ.ตร. ระบุ
เมื่อถามถึงฐานที่ตั้งของเว็บพนันที่ตำรวจกลุ่มนี้เข้าไปจับกุม อยู่ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 หรือไม่ เหตุใดจึงเป็นชุดของตำรวจภูธรภาค 2 เข้าไปจับกุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ บอกแต่ว่าตำรวจภูธรภาค 2 มีการสืบสวนขยายผลจนมาเจอเครือข่ายนี้ โดยเครือข่ายเว็บพนันดังกล่าวเป็นเว็บใหญ่ ทุนหมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีตำรวจเกี่ยวข้อง
ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มเว็บพนันที่เข้ามาแจ้งความหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างสืบสวน หากพบความผิดจะดำเนินคดี แต่ตอนนี้ขอดำเนินการส่วนของกลุ่มไปรีดทรัพย์ก่อน โดยจะเรียกนายเป้มาสอบปากคำในฐานะผู้เสียหายอีกครั้ง
สำหรับคดีนี้เป็นคดีแรกในไทยที่จะใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เนื่องจากตามแนวทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่จะต้องมีการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรก แต่ครั้งนี้ไม่มีการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว มีเพียงการเข้ามาทำบันทึกจับกุมตามขั้นตอนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีการแจ้งพนักงานอัยการและพนักงานฝ่ายปกครองในท้องที่ที่มีการควบคุมตัวทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 นาย คือ พ.ต.ต.พรเทพ เพ็ชรนวล สว.สส.สภ.วังจันทร์ จว.ระยอง ซึ่งหลังรับทราบข้อหา พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไปแล้ว
วงจรปิดหลักฐานมัดผู้การ
มีรายงานด้วยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 ร่วมกับ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และสารวัตรสืบสวน สภ.คูคต ปทุมธานี รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เข้าไปตรวจยึดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ภายในห้องควบคุมระบบของอาคารสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี วันที่ 15 มิ.ย. เวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ต่อไป
เบื้องต้นมีรายงานว่า จากการตรวจสอบ พบว่าในสำนักงานผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี วันที่ 23 พ.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. หลักฐานที่พบสอดคล้องกับคำให้การของนายเป้ ที่อ้างว่าถูกนำตัวไปพบ ผบก.ภ.จว.ชลบุรีจริง แต่ในรายละเอียดขอยังไม่เปิดเผย
ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.กัมพล เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จากนั้น ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ รอง สว.สส.สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 5 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.กัมพล, พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์, พ.ต.ท.ปฐมพงศ์, พ.ต.ต.พรเทพ และ ร.ต.อ.สมบุญ
จากนั้น พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์, พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ เเละนายอัจฉริยะ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าให้ปากคำ โดยพ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ยืนยันว่า วันเกิดเหตุวันที่ 23 พ.ค.66 ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หลังปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น ได้ส่งมอบพยานหลักฐานทุกอย่าง ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรีบร้อนทำสำนวนคดีเร็วไปหรือไม่ ในการแจ้งข้อหาคือมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว กรณีนายธนินวัฒน์ หรือเป้ แจ้งความที่สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เมื่อ 2 วันก่อนนั้น ตนมีหลักฐานทุกอย่าง ทั้งคลิปขณะปฏิบัติหน้าที่ หลังจากให้ปากคำเสร็จจะไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อที่ สภ.คูคต ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหา เพราะตนเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงต้องให้นายอัจฉริยะเข้ามาช่วยดำเนินการ
นายอัจฉริยะกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแจ้งข้อหาตำรวจ 2 นายนี้ โดยจากที่ทราบมามีบุคคลหนึ่งบอกกับตนว่าการตั้งข้อหาครั้งนี้มีใบสั่งมาจากบุคคลสำคัญระดับประเทศ ส่วนที่ตนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะตำรวจทั้ง 2 นายต้องการฟ้องร้องกลับ สำหรับวันที่ 19 มิ.ย. ตำรวจทั้ง 2 นายจะเข้าไปรายงานตัวตามคำสั่งโยกย้ายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
วันเดียวกัน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้ เนื่องจากเงินที่เรียกรับจำนวนสูงถึง 140 ล้านบาท ซึ่งต้องสอบสวนให้ชัดว่ามีการเรียกรับจริงหรือไม่ และถ้าจริงต้องถามว่า “เป้รักผู้การ มากี่ครั้งแล้ว” และ “มีคนอื่นที่รักผู้การ ด้วยหรือไม่” รวมทั้ง “ผู้การคือรักสุดท้ายของเป้หรือไม่” หรือ “ผู้การไปรักคนอื่นต่อหรือเปล่า” เรื่องต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าหนักมาก เข้าข่ายผิดกฎหมายการเรียกรับสินบน มาตรา 143 และมาตรา 149 รวมทั้งมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต ทั้งนี้ หากพบว่าเป็นจริง ต้องสอบสวนต่อว่า พัวพันกับใคร ที่มาของตำแหน่งเป็นอย่างไร มีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ ถ้าหากซื้อขายตำแหน่งมา ผู้ใดเป็นคนให้เงินไปซื้อ แหล่งเงินที่ซื้อตำแหน่ง จะบอกได้ว่าใครเป็นตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
"กรณีที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากระบบตั๋ว ระบบวิ่งเต้น เพราะตำรวจในระดับผู้การบางคนเข้ามาด้วยระบบซื้อขายตำแหน่ง ก็มีต้นทุน ซึ่งเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง แทนที่จะมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วางแผนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ แต่กลับมาซ่องสุม ไม่ต่างจากอั้งยี่ ซ่องโจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงเสนอให้มีการสอบสวนขยายผลว่าพัวพันกับมาเฟียในท้องถิ่น และมาเฟียกลุ่มจีนสีเทา รวมทั้งมาเฟียต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเว็บพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติด พัวพันกับขบวนการมาเฟียต่างชาติ" นายวิโรจน์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"