คดี‘ธาริต’เลื่อน อ่านฎีการอบ10 ศาลให้สอบหมอ

“ธาริต” ยังเหนียว ศาลเลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 10 คดีแจ้งข้อหา “มาร์ค-กำนัน” สั่งฆ่า นปช. เจ้าตัวยื่นป่วยบ้านหมุนอีกครั้งไป 10 ก.ค. แต่ศาลสุดทนหลังอ้างป่วยบ่อย สั่งไต่สวนหมอพญาไท 2-ใบรับรองเเพทย์ หลังลายเซ็นไม่ตรงกัน 3 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 9 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553,   พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีนายธาริตกับพวกแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ฐานสั่งฆ่าประชาชน ในการสลายม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 โดยจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกจำเลย โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา ขอให้ยกฟ้อง

ต่อมาวันที่ 2 ก.พ.2566 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีนี้เป็นครั้งที่ 7 แต่นายธาริตมอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์ ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดนิ่วในไตที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ให้รักษาและรอดูอาการเป็นเวลา 3 เดือน

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายธาริตขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาโดยอ้างว่าป่วยมาแล้วหลายครั้งนานกว่า 1 ปี มีเจตนาประวิงคดีให้ล่าช้าและมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายธาริตเพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกา และนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2566 โดยในวันดังกล่าวนายธาริตพร้อมทนายความเดินทางมาศาล แต่ทนายความนายธาริตได้ยื่นคำร้องขอให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 3 วรรคสอง, มาตรา 5 วรรคแรก, มาตรา 26, 27 และ 29 วรรคแรก ส่งผลให้กฎหมายดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับกับคดีไม่ได้ ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 23 มี.ค.2566 รวมทั้งขอถอนคำให้การฉบับเดิม และขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อขอให้ศาลฎีกาลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษด้วย

วันนี้จำเลย 3 คนเดินทางมาศาล ยกเว้นนายธาริต ซึ่งมีทนายความรับมอบอำนาจพร้อมนายประกันมาศาลพร้อมยื่นคำร้อง 2 ฉบับ โดยฉบับเเรกยื่นขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาออกไปเนื่องจากมีอาการป่วยบ้านหมุนพร้อมใบรับรองเเพทย์ ส่วนอีกฉบับเป็นคำร้องเพิ่มเติมที่เคยให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปก่อนเเล้ว

ศาลพิเคราะห์เเล้วให้ส่งคำร้องทั้ง 2 ฉบับให้ศาลฎีกามีคำวินิจฉัย เเละจะนัดฟังคำสั่งว่าศาลฎีกาจะมีคำวินิจฉัยไปเเนวทางใดในเวลา 14.00 น. ต่อมาศาลอาญาได้เเจ้งจำเลยว่าศาลฎีกาอยู่ระหว่างพิจารณา

ต่อมาเวลา 17.00 น. ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า นายธาริตใช้อาการเจ็บป่วยเป็นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำสั่งคำพิพากษามาแล้วหลายครั้ง และมีหลายครั้งที่มีใบรับรองแพทย์จาก พญ.อยุทธินี สิงหโกวินท์ จากโรงพยาบาลพญาไท 2 แต่พบว่าการลงลายมือชื่อในใบรับรองแพทย์แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาภายใน 30 วัน ให้ไต่สวนใบรับรองแพทย์และแพทย์หญิงคนดังกล่าว และอาการป่วยของจำเลยที่ 1 ว่ามีอาการเจ็บป่วยจริง เเละไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ตามกำหนดนัดเป็นข้อเท็จจริงถูกต้องหรือไม่ โดยศาลนัดไต่สวนใบรับรองเเพทย์ในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 09.00 น. โดยจะเบิก พญ.อยุทธินีมาไต่สวนและเลื่อนฟังคำสั่งและคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 10 ก.ค. เวลา 09.00 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง