กกต.ขึงขัง! สั่งตั้ง กก.สอบเอกสารหลุด คาด 21 มิ.ย.ประกาศรับรองส.ส.ได้ "พท.-ภท.-ก.ก.-รทสช." ส่งมือกฎหมายช่วยว่าที่ ส.ส.แจงข้อร้องเรียน "เรืองไกร" ส่งเพิ่มเอกสาร "ใบสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์-แคนดิเดตนายกฯ" มัด "พิธา" ถือหุ้นสื่อ "ก้าวไกล" ยกขบวนขอบคุณคนเชียงใหม่ "ทิม" ปัดปลุกมวลชนเป็นเกราะกำบังคดี เมินนักร้องยื่นเพิ่มสอบ ม.151 เกมพลิก "ไอทีวี" แถลงแจงผู้ถือหุ้น เคลียร์ชัดผลบันทึกประชุมผู้ถือหุ้น-งบการเงินไตรมาส 1 ปี 66 ระบุบริษัทยังดำเนินการอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยมิได้มีการเลิกกิจการ
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 15 มิ.ย. มีรายงานว่า ในวันที่ 19 มิ.ย. กกต.มีกำหนดนัดประชุมเพื่อพิจารณารับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมกับ ส.ส.เขตเลือกตั้ง หลังได้พิจารณาไปแล้วว่าทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง เขตใดมีคำร้องคัดค้านและไม่มีคำร้อง โดยคาดว่าจะประกาศรับรอง ส.ส.ได้ในวันพุธที่ 21 มิ.ย.นี้ จากนั้นจะให้ ส.ส.ทยอยไปรับเอกสารรับรองได้ที่สำนักงาน กกต.
มีรายงานด้วยว่า กรณีที่มีเอกสารข้อมูลที่นำเสนอต่อ กกต. ในการพิจารณาประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต (ครั้งที่ 1) ที่มีการเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาประกาศผลการเลือกตั้ง 400 เขตถูกเผยแพร่ออกมานั้น ล่าสุด นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเอกสารข้อมูลดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย 3 หน้ากระดาษ ซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นเอกสารจริงในชั้นสำนักงาน กกต. ที่เตรียมเสนอ กกต.พิจารณา
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงกรณีเอกสาร กกต.ระบุพรรค พท.มีเรื่องร้องคัดค้าน 20 เขตว่า เชื่อว่าทุกเขตที่ถูกร้องเรียนสามารถชี้แจงได้ ตอนนี้ฝ่ายกฎหมายพรรคได้รวบรวมทุกเรื่องที่ถูกกล่าวหาไว้เพื่อแก้ต่างแล้ว ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร
ถามถึงกรณีที่พรรค พท.ได้ยื่นเรื่องคัดค้านบางเขตเลือกตั้งหลังพบทุจริต นายประเสริฐกล่าวว่า เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะได้จำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น เพราะบางเขตเลือกตั้งพรรค พท.แพ้ไม่กี่คะแนน
เลขาธิการพรรค พท.กล่าวถึงความคืบหน้าตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ยังไม่ได้มีการคุยกันแบบได้ข้อสรุป อาจต้องรอให้มีการรับรอง ส.ส.ให้ครบก่อน ซึ่งคาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ขณะที่โผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่หลุดออกมาและมีชื่อตนนั่ง รมว.คมนาคม ก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นข่าวปลอม ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ในอนาคตหากได้ตำแหน่งดังกล่าวหรือตำแหน่งใด ก็ขอให้ผู้บริหารพรรคเป็นคนกำหนด ตนเองพร้อมทำงานทุกหน้าที่
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีเอกสาร กกต.ระบุพรรค ภท.มีเรื่องร้องคัดค้าน 21 เขตว่า เป็นไปตามที่มีการร้องเรียน ส่วนพรรค ภท.ไม่ได้ร้องเรียนใครหรือทำอะไรให้เป็นเรื่อง นอกจากผิดจริง เพราะหากไปร้องเรียนคนอื่นก็จะเสียเวลามากขึ้น
"ว่าที่ ส.ส.ที่ไม่ได้รับประกาศรับรองของเราก็ต้องไปหาหลักฐานลบล้างข้อกล่าวหา หากเขามาหารือในข้อกฎหมายเพื่อเตรียมหลักฐาน เอกสาร ไปแก้ข้อกล่าวหา ทางพรรคมีฝ่ายกฎหมายที่จะประสานงานอำนวยความสะดวกเพื่อให้ไปแก้ข้อกล่าวหาอยู่แล้ว" นายอนุทินกล่าว
ทุกพรรคมั่นใจแจง กกต.ได้
ถามถึงกรณีหากมีปัญหากับแคนดิเดตนายกฯ คนใดคนหนึ่งที่ถูกเสนอชื่อ ส.ส.ที่โหวตจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน เวลานี้ให้แต่ละขั้นตอนเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น รอให้รับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นเมื่อเปิดประชุมสภา เชื่อว่าไม่มีทางตัน เพราะเป็นแบบนี้มาตลอด
ซักว่า ภท.จะเตรียมเสนอชื่อนายกฯแข่งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า รอดูจำนวน ส.ส.ก่อนว่าจะได้รับรองกี่คน เมื่อถามย้ำว่ามีชื่อบุคคลในใจที่จะโหวตเป็นนายกฯ แล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวย้อนว่า ถ้ามีชื่อในใจแล้วจะมาบอกสื่อทำไม ถามว่านายอนุทินมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน หัวหน้าพรรคภท.กล่าวว่า ให้พรรคภูมิใจไทยได้เป็นลำดับหนึ่งแล้วค่อยมาคิด
"พรรค ภท.ดีตรงที่ไม่ไปยุ่งกับพรรคอื่น ทุกอย่างทำตามที่แจ้งแนวทางไว้กับประชาชน และยืนยันว่าพรรคอันดับหนึ่งควรจะได้ประสานจัดตั้งรัฐบาล ส่วน ภท.เป็นพรรคอันดับ 3 ต้องไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหาหรือเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มี ส.ส.มากกว่า" นายอนุทินระบุ
ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) น.ส.รักชนก ศรีนอก ว่าที่ ส.ส.กทม.พรรค ก.ก. กล่าวถึงกรณีมีชื่อถูกคัดค้านประกาศรับรอง ส.ส.เพราะมีเรื่องร้องเรียนว่า เบื้องต้นกำลังรอเอกสารจาก กกต.ส่งมาที่บ้านว่าถูกร้องเรียนในหัวข้อใด เท่าที่ทราบอาจจะยังไม่ถูกรับรอง เพราะมีเรื่องที่ถูกร้องเรียน เราพร้อมที่จะชี้แจงในทุกข้อที่ถูกร้องเรียนมา อีกทั้งยังอยู่ในระยะเวลา 60 วันภายในการรับรอง ส.ส. หากเราได้รับหนังสือแล้ว และเราไปชี้แจง ถ้าไม่มีมูล เรื่องก็จะตกไป แต่หากมีมูลก็ต้องว่ากันต่อไป
"ทางพรรคแจ้งมาว่าหากเอกสารมาถึงที่บ้านแล้วก็ให้แจ้งทางพรรคได้เลย จะมีการจัดทีมกฎหมายไปติดตาม หรือจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อก็ค่อยว่ากัน ไม่กังวล เพราะเรื่องนี้ถูกร้องเรียนถึง 71 เขต คิดว่าหากถูกร้องเรียนอะไรมาก็ต้องชี้แจงกันไป” น.ส.รักชนกกล่าว
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงกรณีเอกสาร กกต.ระบุพรรค รทสช.มีเรื่องร้องคัดค้าน 3 เขตว่า เรื่องนี้แม้ยังเป็นรายงานข่าว ซึ่งต้องรอให้ กกต.เปิดเผยการรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน คาดว่าจะทราบผลตามกรอบของกฎหมาย 60 วัน และเชื่อว่าจะทราบผลเร็วกว่ากำหนดตามที่ประธาน กกต.ได้กล่าวไว้ และมั่นใจว่า ว่าที่ ส.ส.ของพรรคที่ถูกร้องเรียนนั้นมีหลักฐานพร้อมชี้แจงต่อ กกต.ได้อย่างแน่นอน โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้ช่วยให้คำปรึกษาดูในข้อกฎหมายอย่างเต็มที่
“เมื่อทราบข่าวพรรค รทสช.ก็ให้ฝ่ายกฎหมายสอบถามไปยังว่าที่ ส.ส.ของพรรคที่มีรายชื่อถูกร้องเรียนจำนวน 3 เขตแล้ว และให้เตรียมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้ให้พร้อมชี้แจงต่อ กกต. มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ทุกข้อ” รองหัวหน้าพรรค รทสช.กล่าว
ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ทสท. กล่าวถึงเอกสารหลุดของ กกต.ว่า ต้องให้เวลา กกต. และมองในแง่บวกว่าพรรคจัดตั้งรัฐบาลได้ ส.ส.มาเยอะ การรับรองจึงต้องใช้เวลานาน แต่กฎหมายก็กำหนดไว้ว่าต้องรับรองให้ได้ร้อยละ 95 ภายในเวลา 60 วัน ก็ต้องทำให้ได้ตามกรอบเวลานั้น
"กกต.ก็คงต้องดูทั้งทางนิติศาสตร์และทางรัฐศาสตร์ บางเรื่องถ้าตึงเกินไปก็ไม่ได้ ถ้าหย่อนเกินไปก็จะหละหลวม ต้องพิจารณาด้วยความพอดี เชื่อว่าทุกคนก็หวังดีต่อประเทศชาติ และทาง 8 พรรคร่วมเองก็ยังไม่ได้หารือใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้" น.ต.ศิธากล่าว
ถามถึงหุ้นไอทีวีของนายพิธามองอย่างไร น.ต.ศิธากล่าวว่า มองว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งใหญ่กว่านายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทุกคนก็น่าจะทราบกันอยู่แล้วว่ามีลักษณะของการแบ่งงานกันทำ โดยมีธงเป็นจุดมุ่งหมายไว้ ขบวนการนี้เป็นการขัดขวางประชาธิปไตยของประเทศไทยไม่ให้เดินหน้า และไม่ว่าจะมีอีกกี่ด่านที่มาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดล้วนเป็นพิธีกรรมที่มีธงอยู่แล้วว่าจะให้การเมืองของประเทศมีทิศทางไปทางไหน สิ่งที่ป้องกันได้คือให้ประชาชนรู้เท่าทันและเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมีต้นทุนที่สูง
เพิ่มเอกสารมัด 151 พิธา
ที่สำนักงาน กกต. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำส่งหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อขอให้ กกต.นำไปตรวจสอบเพิ่มกรณีตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนนายพิธา ที่ถูกพิจารณาในคดีอาญามาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 รวมทั้งขอให้ กกต.ตรวจสอบตามแบบ ส.ส. 4/20 ซึ่งเป็นหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อลงสมัครเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และ 4/30 หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อรับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ว่าเข้าข่ายตามความในมาตรา 132 หรือไม่ ทั้งนี้ ได้มีการนำส่งทางไปรษณีย์ พร้อมสำเนาหน้าเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์ข้อความหัวข้อ “คนโกงวงแตก ก้าวไกลชำแหละเพิ่มขบวนการปลุกผีไอทีวี” มีเนื้อหากรณีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดคลิปเสียงการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และสำเนาแบบ ส.ส. 4/20 และ 4/30
นายเรืองไกรกล่าวว่า นอกจากส่งหลักฐานประกอบเพิ่มเติมแล้ว ยังอธิบายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จะต้องไม่ถือหุ้นสื่อ ซึ่งใช้กับบังคับครอบคลุมไปถึงองค์กรอื่นๆ ด้วย เช่น วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกรรมการองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ถือหุ้นสื่อ ส่วนที่พรรค ก.ก.พยายามแก้ต่างว่าถือหุ้นเพียง 4.2 หมื่นหุ้น ตนก็ขอยกรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ให้เห็นว่า ถ้ารัฐธรรมนูญจะกำหนดจำนวนหุ้น ก็จะต้องระบุว่า ถ้ารัฐมนตรีจะถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนในบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดเกินกว่าร้อยละ 5 หากเกินนี้แต่ไม่แจ้ง หรือฝากก็จะต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่หากเป็นการจัดกัน หรือก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของสื่อ ก็จะเข้าตามมาตรา 184 วรรค 4
"การที่ กกต.จะดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ต้องดูในหนังสือยินยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และแคนดิเดตว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม แต่เนื่องจากนายพิธาสมัคร 2 สถานะ ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมัครแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งห้ามเหมือนกัน ตนจึงขอให้ กกต.ตรวจสอบประเด็นนี้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย" นายเรืองไกรกล่าว
ถามว่า พรรค ก.ก.โต้แย้งว่าคุณสมบัติต้องห้าม ไม่ครอบคลุมถึงคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ นายเรืองไกรกล่าวว่า ใครว่ามา อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสอง เป็นหรือไม่ ขอให้คนพูดไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสอง และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ส.ส. มาตรา 14 วรรคสองด้วย
ซักว่า พรรค ก.ก.มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานงบการเงินไอทีวีปี 2565 ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีข้อความแตกต่างกันเกี่ยวกับการทำกิจการสื่อ และชี้พิรุธว่ารายงานงบฯ ที่ออกมาวันที่ 10 พ.ค. ตรงกับวันที่นายเรืองไกรนำมายื่นร้องนายพิธาที่ กกต. เข้าข่ายว่าเป็นหนึ่งในขบวนการปลุกผีไอทีวี นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนให้ข่าวเรื่องหุ้นว่าจะมายื่น กกต.ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.แล้วว่าจะมายื่น กกต.วันที่ 10 พ.ค. ซึ่งอยากให้ไปดูเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพิธา ที่โพสต์ข้อความชี้แจงเกี่ยวกับการร้องเรียนเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่าเจตนาสกัดพรรคก้าวไกล เพราะพรรคกำลังทลายทุนผูกขาด ไม่มีข้อความใดที่เขียนว่ามีการปลุกผีไอทีวี
"ถ้ามองว่ารายงานงบฯ ที่ส่ง ก.ล.ต.และกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีพิรุธ ก็เรียกให้สอบได้ แต่ผมไม่ได้ดูเอกสารฉบับนี้ของ ก.ล.ต. และผมสงสัยว่าในเมื่อไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว เหตุใดยังต้องยื่นรายงานงบฯ ต่อ ก.ล.ต.ด้วย ซึ่งนายพิธาก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 6 พ.ค. ว่าบริษัทไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว" นายเรืองไกรกล่าว
ITV แจงบันทึกประชุมผู้ถือหุ้น
ขณะที่นายพิธาพร้อมพรรคก้าวไกล ทำกิจกรรมที่ จ.เชียงใหม่ ทั้งการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 ในปี 2567 และรับฟังปัญหาจากกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นเวลา 14.00 น. นายพิธาขึ้นเวทีที่ตลาดสดเทศบาลหางดง ปราศรัยพบปะและขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เวลา 17.00 น. นายพิธาพร้อมคณะเดินทางไปที่ประตูท่าแพ ตัวเมืองเชียงใหม่ ขึ้นขบวนรถแห่ขอบคุณประชาชนชาวเชียงใหม่ และขึ้นเวทีปราศรัยที่สวนสาธารณะเทศบาลตำบลสันทรายหลวงขอบคุณประชาชน
นายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเรืองไกรยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมประเด็นการสอบสวน ม.151 ว่า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นรายละเอียดของเอกสาร แต่ไม่ว่าจะมีความเคลื่อนไหนยังไง ก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่อยู่ในกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว ว่าทาง กกต.จะต้องการข้อมูลอย่างไร ก็ให้อยู่ในกระบวนการและการต่อสู้ทางกฎหมายไป
ถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตใช้ประชาชนมาเป็นเกราะกำบัง นายพิธากล่าวว่า ตนตั้งใจทำงาน ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ทุกการประชุมมีการเตรียมล่วงหน้ามาตลอด เพื่อให้ใช้เวลาการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ใช่เป็นเรื่องเอาประชาชนมาเป็นเกราะกำบัง แต่ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนจริงๆ ถ้าเอามาเป็นเกราะกำบังก็คงไม่ต้องทำการบ้านหาข้อมูลมา
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงผู้ถือหุ้นเว็บไซต์ www.itv.co.th
ว่า จากเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อเกี่ยวกับการบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 ("รายงานการประชุม") แบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ปี 2565 และงบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2566 ของบริษัทนั้น
บริษัทขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง 1.ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ("การประชุมฯ") บริษัทได้จัดประชุม เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2566 โดยในการประชุมฯดังกล่าวมีทั้งหมด 9 วาระ วาระที่ 1 ถึงวาระที่ 8 เป็นวาระรายงานอนุมัติและพิจารณาการดำเนินการทางธุรกิจตามการค้าปกติของบริษัท
ส่วนวาระที่ 9 เป็นวาระอื่นๆ ซึ่งไม่ได้มีผู้ถือหุ้นเสนอวาระเพื่อพิจารณาและอนุมัติเพิ่มเดิม บริษัทจึงเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นซักถามในเรื่องอื่นๆ ในการประชุมฯดังกล่าว มีคำถามที่ซ้ำซ้อนจากผู้ถือหุ้นหรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัท ดังนั้น การจัดทำบันทึกคำถามและคำตอบในรายงานการประชุม บริษัทจึงได้สรุปสาระสำคัญของคำถามและคำตอบในระหว่างการประชุมฯ เฉพาะที่กี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัทเท่านั้น เพื่อให้มีความกระชับและชัดเจน โดยมิได้จดบันทึกการประชุมฯ เป็นคำต่อคำ
ทั้งนี้ การบันทึกรายงานการประชุมที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ เป็นการสรุปคำตอบจากคำถามหลายข้อที่ผู้ถือหุ้นส่งเข้ามา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเรื่องสิทธิตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุไทรทัศน์ฯ นั้น บริษัทได้บันทึกรายงานการประชุมไว้แล้วในวาระ 9 หน้า 14 ว่า "ผลคดีเป็นจุดสำคัญที่สุด หากผลคดียังไม่ออก เป็นไปได้ยากมากที่บริษัทจะดำเนินการใดๆ ในขณะนี้"
สำหรับในส่วนที่มีการบันทึกรายงานการประชุมว่า "ปัจจุบัน บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทและมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ" นั้น บริษัทไม่ได้ต้องการจะสื่อสารว่าบริษัทยังประกอบกิจการสื่ออยู่ แต่หมายถึงบริษัทยังคงดำเนินการอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมิได้มีการเลิกกิจการแต่อย่างใด
2.ในส่วนของแบบนำส่งงบการเงิน (ส.18.3) ของบริษัทประจำปี 2565 ที่บริษัทยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2566 บริษัทขอเรียนว่า รายได้จากการประกอบธุรกิจของบริษัท ได้แสดงอยู่ในงบการเงินของบริษัทประจำปี 2565 ซึ่งได้มีการตรวจสอบและลงนามรับรองโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และได้ยื่นต่อกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในงบการเงินดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า รายได้ของบริษัทมาจากผลตอบแทนจากการลงทุนและดอกเบี้ยรับเท่านั้น ซึ่งงบการเงินฉบับดังกล่าว บริษัทได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2566 เช่นกัน
3.ในส่วนของงบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2566 ของบริษัทที่มีการโพสต์ในเว็บไซต์ www.itv.co.th ตามที่มีข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า งบดังกล่าวเป็นเพียงร่างงบการเงินที่ใช้ภายในบริษัท และยังไม่ได้มีการสอบทานหรือตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบบัญชี จึงยังไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ
บริษัทขอเรียนย้ำว่า การดำเนินการประชุมฯ การจัดทำรายงานการประชุม การนำส่งแบบนำส่งงบการเงิน งบการเงิน และการดำเนินการต่างๆ ของบริษัท เป็นการดำเนินการทางธุรกิจตามปกติและเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน