ข่าวดีหลังส.ค.ค่าไฟถูก งวด3ลดแน่สูงสุด70สต.

นายกฯ คาดหลัง ส.ค. ค่าไฟถูกลง ปลัดพลังงานแจ้งข่าวดี งวด ก.ย.-ธ.ค. ลดแน่ 50-70 สตางค์ต่อหน่วย ห่วงมาตรการอุ้มดีเซลสิ้นสุด 20 ก.ค. ไม่ต่ออายุพุ่ง 37 บาท/ลิตรทันที

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23  พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.) ว่า แนวโน้มในเรื่องสถานการณ์พลังงานค่อนข้างน่าจะดีขึ้นจากการประเมินในช่วงนี้ หลังจากเดือน ส.ค.ไปแล้วราคาพลังงานน่าจะลดลง แนวโน้มค่าไฟฟ้าน่าจะถูกลง อย่างไรก็ตาม พร้อมจะขึ้นตลอดเวลา เพราะเป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และเรื่องของสงคราม ซึ่งกระทรวงพลังงานบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่อย่างดีที่สุด

ทางด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลกเริ่มคลี่คลายลง ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG โดยราคาตลาดจร หรือ SPOT LNG ณ วันนี้ อยู่ที่ประมาณ 10.5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เมื่อต้นทุนต่ำลงก็สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ โดยค่าไฟฟ้างวดที่ 3 ของปีนี้ (กันยายน-ธันวาคม) สามารถลดลงได้แน่ๆ 40-50 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต้นๆ แต่ถ้าหากในระยะต่อไป ราคา SPOT LNG ลดลงอีกเหลือประมาณ 9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และ ปตท.สามารถซื้อได้ในราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ 70 สตางค์ต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย

สำหรับแนวโน้มการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. รายงานว่าอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังผลิตแหล่ง G1/61 หรือเอราวัณเดิม จะเพิ่มเป็น 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือน ก.ย.นี้ และต้นปี 67 จะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ดังนั้น การนำเข้า LNG คาดว่าจะลดลงจากที่ ปตท. คาดการณ์ไว้ว่าจะขอนำเข้า 99 ลำ เหลือประมาณ 70 ลำ (ลำละ 60,000 ตัน) และการที่ราคาก๊าซฯ จากอ่าวไทย มีราคาถูกกว่า LNG โดยมีราคาที่ประมาณ 5-6 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู จะช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้อีก ดังนั้น ที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้ว่าจะลดค่าไฟฟ้านั้น หากดูตัวเลขสามารถทำได้แน่นอน ลดได้อย่างน้อย 50 สตางค์ต่อหน่วย เพราะต้นทุนก๊าซฯ โดยรวมถูกลง

เมื่อถามถึงการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล หนึ่งในนั้นมีเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน นายกุลิศกล่าวว่า ยังไม่ทราบทราบละเอียด ซึ่งทางกระทรวงจะติดตามและเตรียมทำข้อมูลว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขได้อย่างไรบ้าง รวมถึงการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) จะสามารถทำได้ขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม ทิศทางพลังงานโลกกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด จึงควรให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการตลาดพลังงานให้สมดุลและสอดรับกัน หรือพัฒนาเพื่อตอบรับความต้องการต่างๆ กระทรวงพลังงาน จึงต้องเตรียมแผนรองรับนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลใหม่ นอกจากเรื่องค่าไฟฟ้า ยังมีเรื่องของพลังงานหมุนเวียนต่างๆ รัฐจะเดินหน้าส่งเสริมต่อหรือไม่ เช่น มาตรการการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป (Net Metering) จะเป็นอย่างไร โรงไฟฟ้าชุมชนจะส่งเสริมต่อหรือไม่ ต้องจึงรอฟังนโยบายจากรัฐบาลใหม่ และมีการวางแผนร่วมกันเพื่อนำไปแถลงในรัฐสภา

ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ประเด็นที่พรรคการเมืองเสนอให้เจรจากับภาคเอกชนเรื่องการปรับลดค่าความพร้อมจ่าย (AP) เป็นสิ่งที่สามารถเจรจาได้ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร ซึ่งต้นทุนค่า AP อยู่ในส่วนของต้นทุนค่าไฟฐาน มีการใช้มาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น ไม่มากเท่ากับต้นทุน LNG ดังนั้น หากบริหารจัดการ LNG ดี จะสามารถลดลงได้ 50-60 สตางค์อยู่แล้ว

นายกุลิศกล่าวว่า การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค.2566 ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากขึ้นในอัตรานี้ ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 37 บาทต่อลิตรทันที จากราคาปัจจุบัน 32 บาทต่อลิตร และต้องมาพิจารณาว่ากองทุนน้ำมันฯ จะเข้ามาช่วยอย่างไรได้บ้าง ค่าการตลาดควรเป็นเท่าไร ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสถานะที่ดีขึ้น จากเดิมติดลบสูงสุดเกือบ 1.4 แสนล้าน แต่ขณะนี้เหลือติดลบ 7.2 หมื่นล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อวยทักษิณชนะนายกอบจ.

"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา