บิ๊กตู่ลั่นอยู่ถึง2566 รับเป็นนักการเมืองเต็มตัว/พรรคเล็กเฮได้ปัดเศษ

“บิ๊กตู่” รับแล้วเป็นนักการเมืองเต็มตัว ลั่นอยู่เต็มเทอมถึง มี.ค.66 การันตีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 65 “บิ๊กป้อม” ไม่ขอเป็นนายกฯ อ้างเดินไม่ไหว พรรคเล็กเฮ! วิปรัฐบาลยอมให้ปัดเศษ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ด้าน “ปิยบุตร” ฟันธง ยุบสภาปลายปีหน้า

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ช่วงนี้พูดถึงเรื่องการเป็นนายกฯ ภายใต้กรอบของกฎหมาย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ว่าตนยังอยู่ในการเป็นรัฐบาลมิใช่หรือ ตามกรอบกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจะอยู่จนถึงเดือน มี.ค.66 กรอบกฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้นไม่ใช่หรือ

“ผมจะอยู่ไปจนถึงปี 67 ได้หรือไม่ล่ะ เมื่อไม่ได้ก็อยู่ในตำแหน่งได้ถึงปี 66 ถ้าบ้านเมืองสงบสุขเราก็อยู่ให้จนครบวาระไปเท่านั้นเอง อย่าไปมีอุบัติเหตุทางการเมืองอะไรขึ้นมาให้มันเกิดความเสียหายอะไร บ้านเมืองจะได้ไปได้ ผมก็ทำอะไรหลายๆ อย่างไว้แล้ว ไม่ใช่ทำเพื่อวันนี้หรือทำเพื่อคะแนนเสียงของผมด้วยซ้ำ และทำให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีแผนงานในอนาคตไว้เยอะแยะไปหมด ลองไปเปรียบเทียบดูแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

เมื่อถามว่า ความตั้งใจของนายกฯต้องการอยู่ให้ครบวาระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำดังกล่าว แต่ทำเสียงในลำคอ “อืม อึหึ” ซักว่าถือว่าวันนี้เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ต้องเป็น เพราะเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมือง” ก่อนย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ผมยังเป็นทหารอยู่หรือไม่ล่ะ ผมเป็นทหารเกษียณแล้ว ส่วนที่ยังมียศนำหน้าอยู่แล้วจะให้ผมทำอย่างไร จะต้องให้ลดยศลงไปหรือ จะให้ตัดยศหรือ ยศที่มีอยู่เป็นยศพระราชทาน”

เมื่อถามย้ำว่า เมื่อยอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว จำเป็นต้องลงเลือกตั้งในระบบ อย่างเช่นลงสมัครในนามปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ค่อยว่ากันในอนาคต เอาไว้ใกล้เลือกตั้งก่อน” ต่อข้อถามว่า ถ้าจะลงสมัครในนามนักการเมืองเต็มตัวจะลงในพื้นที่ จ.นครราชสีมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เลอะเทอะ บอกแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา จะมาถามอะไรวันนี้”

นายกฯ ยังกล่าวถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า บอกแล้วว่าเลือกตั้งปี 65 ปีนี้เพิ่งปี 64 รอปี 65 เลือกตั้งสถานการณ์ต้องมีความพร้อม มีความสงบเรียบร้อย ต่อยตีกันไปมันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีปรากฏภาพประชาชนกราบเท้าระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุดรธานี พร้อมเรียกว่าเป็นนายกฯ ว่า ตนไม่เป็นหรอก เดินยังไม่ไหวเลย และตนกับ พล.อ.ประยุทธ์คุยกันทุกวันอยู่แล้ว

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ใช้ในการเลือกตั้ง โดยนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมาเปิดเผยผลการประชุมคณะทำงานวิปรัฐบาลว่า จากกรณีที่กลุ่มพรรคเล็กร่วมรัฐบาลได้เสนอความเห็นและประเด็นที่ต้องการให้บัญญัติไว้ในร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ คือร่าง พ.ร.ป.ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง ที่วิปรัฐบาลจะเสนอต่อประธานรัฐสภา ล่าสุดมีความเห็นเป็นข้อยุติร่วมกันแล้ว คือ 1.ประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

“จะกำหนดวิธีคิดคำนวณที่มีหลักการว่า ให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าคะแนนหารเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คนมีสิทธิ์ได้ ส.ส. กรณีที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ครบ 100 คน โดยให้ใช้คะแนนของพรรคเรียงลำดับตามสัดส่วนคะแนนที่ได้รับ เพราะเศษคะแนนของพรรคที่ได้ไม่ถึงคะแนนเฉลี่ย เมื่อรวมคะแนนที่ประชาชนเลือกควรได้ ส.ส.ด้วย” นายโกวิทย์ระบุ

นายโกวิทย์กล่าวอีกว่า 2.แม้ส่ง ส.ส. 1 เขต ก็สามารถส่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ 3.การคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ได้ปรับเกณฑ์การสรรหาโดยให้สิทธิตัวแทนประจำจังหวัด จำนวน 150 คน จากเดิมที่กำหนดให้ใช้ตัวตัวแทนจากเขตเลือกตั้ง เขตละ 100 คน หรือใช้สาขาพรรคที่กำหนดจำนวน 500 คน 4.การกำหนดให้สมาชิกต้องชำระค่าธรรมเนียม จะปรับให้เป็น 200 บาทตลอดชีพ และ 5.ข้อกำหนดที่ให้พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกพรรคเพื่อดำรงสถานะความเป็นพรรคการเมือง เปลี่ยนเป็น ภายใน 1 ปี ต้องมีสมาชิก 2,000 คน และภายใน 3 ปี มีสมาชิก 5,000 คน

วิปรัฐบาลรายนี้ระบุว่า ยังมีประเด็นที่คณะทำงานเห็นไม่ตรงกัน และต้องถกในรายละเอียดอีกครั้ง คือประเด็นว่าด้วยการกำหนดหมายเลขผู้สมัคร ส.ส. ที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องการให้แยกหมายเลข ระหว่าง ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคอื่นเห็นด้วยให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งผู้สมัครแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ

“ในประเด็นที่เห็นต่าง หากไม่ได้ข้อสรุป ได้ตกลงว่าจะให้แต่ละพรรคใช้กลไกของกรรมาธิการและการแปรญัตติพิจารณา ซึ่งจากการหารือของคณะทำงาน ขณะนี้ให้ฝ่ายเลขาฯ คณะทำงาน ยกร่างเนื้อหาแล้ว และในการประชุมสัปดาห์หน้าจะนำเนื้อหาเสนอเพื่อพิจารณาอีกครั้ง จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปจะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารืออีกครั้ง และคาดว่าจะเสนอร่างแก้ไขต่อรัฐสภาได้ช่วงเดือน ม.ค.ปี 65” นายโกวิทย์กล่าว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ปชป.กำหนดให้มีการประชุมใหญ่สามัญพรรค ประจำปี 64 ในวันเสาร์ที่ 18 ธ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กทม. โดยมีวาระสำคัญคือเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง จากกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และกรณีนายอันวาร์ สาและ ลาออกจากรองเลขาธิการพรรค

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า คิดว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้า จะเกิดในช่วงปลายปี อย่างน้อยๆ ควรจะผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีไปอีกสักรอบหนึ่งก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' แค่พยักหน้า ปม รพ.ตร. ไม่ยอมส่งเวชระเบียน 'พ่อนายกฯ' ให้ ป.ป.ช.

'นายกฯอิ๊งค์' ปฏิเสธตอบคำถาม ปม รพ.ตำรวจ ไม่ส่งเวชระเบียนรักษาตัว 'ทักษิณ' หลัง ‘ป.ป.ช.’ ทวงแล้ว 3 ครั้ง ทำแค่พยักหน้ารับทราบ