เริ่มแย่งชามข้าว! ก้าวไกลยึดเกรดเอ

“ชัยธวัช” โต้โผแบ่งเค้ก ครม. ย้ำยังอยู่ขั้นเจรจาเอ็มโอยู   “พิจารณ์” เดาเป็นความเห็นพรรคร่วม  หึ่งเกลี่ยโควตา “ก้าวไกล” ยึดเก้าอี้กระทรวงหลักยกแผง ล่าสุดจองพลังงาน “เพื่อไทย” โอดโดนฮุบกระทรวงเกรดเอหมด ด้าน “ณัฐวุฒิ” ชี้ ประธานสภาฯ เป็นคน พท.ก็ได้

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลพรรคก้าวไกล   กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ ที่มีชื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็น รมว.มหาดไทย ว่าไม่เป็นความจริง ตอนแรกที่ตนเห็นข่าวรู้สึกตกใจและงงมาก เนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาจัดทำเอ็มโอยูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ลงตัว และยังไม่ได้ข้อยุติ ตนยังไม่อยากให้คาดการณ์ไปตอนนี้ เพราะจะกระทบต่อการเจรจา ทำให้คนที่ถูกแต่งตั้งเป็นคณะเจรจาของแต่ละพรรคเข้าใจคลาดเคลื่อน และทำให้การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น ตนเห็นว่าการนำเสนอของสื่อมวลชนไกลเกินไป ยังไม่อยากให้สรุป ทั้งนี้ กำลังรอวาระจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่จะส่งกลับมา ขอให้รอฟังการชี้แจงในวันที่ 22 พ.ค. เวลา 16.30 น. ซึ่งจะเป็นวันที่ลงนามเอ็มโอยู ขณะนี้กำลังหาสถานที่เพื่อแถลงข่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงอะไรที่คิดว่าจะต้องอยู่ในมือของพรรคก้าวไกล นายชัยธวัชกล่าวว่า นโยบายของพรรคครอบคลุมหลายกระทรวง และพยายามจัดลำดับความสำคัญ ดูว่ากระทรวงไหนไม่ซ้อนทับ ถ้าไม่ซ้อนทับกับพรรคการเมืองอื่นจะเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าซ้อนทับต้องมาพิจารณา ต่อข้อถามว่ากระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ต้องอยู่ในการบริหารจัดการของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ยังไม่อยากให้สรุปว่าเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีควบกับ รมว.กลาโหม

เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่านายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จะมาเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายชัยธวัชปฏิเสธว่า ประเด็นดังกล่าวน่าจะเป็นการคาดการณ์ไปเองของสื่อมวลชนหรือผู้สนับสนุน แต่ยืนยันว่าการพูดคุยยังไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้น  ใครจะนั่งบริหารตรงไหน ตนคิดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน อย่างเร็วที่สุดคาดว่าหลังเลือกนายกฯ

เมื่อถามอีกว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นของพรรคก้าวไกลหรือเพื่อไทย นายชัยธวัชระบุว่า คงต้องพูดคุยกัน เพราะเป็นอีกตำแหน่งที่มีความสำคัญมากในการคุมทิศทางรัฐสภา รวมถึงช่วงแรกคือการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ประธานสภาฯ จะมีบทบาทสำคัญมากๆ ในกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยืนยันในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าใครจะดำรงตำแหน่งใด หรือแบ่งงานกันอย่างไร เพราะยังมีเวลา ทั้งนี้ ภายใน 30-45 วันจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อย

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่าน รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ โดยยืนยันว่า ในวงการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้พูดคุยกับกระทรวงที่จะได้รับ เพราะมุ่งที่นโยบายเป็นตัวตั้ง คาดว่าโผ ครม.ที่ออกมานั้นคงเป็นการคาดเดาของสื่อจากการถามความเห็นของพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

ซักว่า ถ้าโผที่ออกมาเป็นความต้องการของพรรคที่จะร่วมรัฐบาล แล้วพรรคก้าวไกลจะยกกระทรวงพลังงานให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิจารณ์ตอบว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยต้องส่งนโยบายเท่าที่เป็นไปได้ให้กับพรรคก้าวไกลบรรจุลงไปด้วย เพราะพรรคเองมีนโยบายด้านพลังงานที่ไปหาเสียงไว้กับประชาชน เรื่องเหล่านี้ทำความเข้าใจกันได้

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลยืนยันว่า พรรคก้าวไกลมีบุคลากรที่มีความพร้อมในการบริหารประเทศ แต่เมื่อต้องเป็นรัฐบาลร่วมกันกับอีกหลายพรรค ต้องคุยกันในรายละเอียด และรับฟังจากพรรคร่วมด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พรรคก้าวไกลจะต้องสร้างระบบที่ดีให้ประชาชนและสื่อมวลชนตรวจสอบถึงความโปร่งใสในการทำงาน

ยังไม่เคาะตัวประธานสภาฯ

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายชื่อเสนอเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องขอขอบคุณ แต่ที่ได้ยินมาด้านหนึ่งเป็นข้อเสนอที่ประชาชนเสนอมาว่าทางพรรคก้าวไกลมีใครบ้างที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ อันที่จริงไม่ได้มีแค่ตนเพียงคนเดียว แต่มีทั้งนายธีรัจชัย พันธุมาศ ว่าที่ ส.ส.กทม. และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ ส.ส.พิษณุโลก จึงเป็นเพียงรายชื่อเท่านั้น และยังไม่ใช่รายชื่อที่นำมาหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาล

นายณัฐวุฒิระบุว่า คงจะมีการคุย   หลังจากมีการเซ็นเอ็มโอยูถึงจะมาคุยกันว่าตำแหน่งนี้ต้องการคนที่มีคุณสมบัติอย่างไร อาจจะเป็นพรรคก้าวไกลก็ได้ในฐานะที่มีเสียงเป็นอันดับ 1  หรืออาจจะเป็นคนที่มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการเสนอชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่วนขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร คงต้องรอให้มีการหารืออย่างเป็นทางการก่อน

อนึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า สำหรับแคนดิเดตประธานสภาฯ ที่จะมาจากพรรคก้าวไกล ตอนนี้มีชื่อของนายณัฐวุฒิ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายธีรัจชัย ว่าที่ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่เป็น ส.ส.สมัยที่สองเช่นกัน

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ โดยหลักเกณฑ์การจัดสรรเก้าอี้จะคำนึงถึงนโยบายเป็นหลัก เบื้องต้นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจะได้กระทรวงหลักๆ คนละครึ่ง โดยคาดการณ์ว่าพรรคก้าวไกลจะได้กระทรวงเกี่ยวกับความมั่นคงและสังคม ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ที่เบื้องต้นวางตัวนายวิโรจน์เป็น รมว.มหาดไทย, กระทรวงการคลัง ที่เบื้องต้นวางตัว น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล เป็น รมว.การคลัง, กระทรวงดีอีเอส เบื้องต้นวางตัวนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็น รมว.ดีอีเอส กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน

ส่วนพรรคเพื่อไทย คาดการณ์จะได้กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเป็นหลัก กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนอีก 6 พรรคร่วมรัฐบาล คาดการณ์ว่าจะได้กระทรวงสาธารณสุข   กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา   กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม

รายงานระบุว่า เบื้องต้นยังอยู่ในขั้นเจรจาหลักการการทำงานในกรอบใหญ่ และการเห็นชอบในเอ็มโอยูร่วมกันที่จะมีการแถลงวันที่ 22 พ.ค. ในส่วนของเก้าอี้รัฐมนตรี แกนนำพรรคก้าวไกลได้แจ้งยังแกนนำพรรคเพื่อไทยถึงหลักการเบื้องต้นที่จะขอดูแลกระทรวงด้านความมั่นคง การปฏิรูปกองทัพ การกระจายอำนาจ และดูแลทรัพยากรมนุษย์ ทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ นอกจากนี้ ล่าสุดได้แจ้งว่าต้องการเก้าอี้ รมว.การต่างประเทศอีกตำแหน่ง โดยมีแนวโน้มจะให้นายพิธา ควบเก้าอี้นายกฯ และ รมว.การต่างประเทศแทน รมว.กลาโหม ที่มีการออกข่าวก่อนหน้านี้ โดยมีการระบุเหตุผลว่า มีความจำเป็นที่นายพิธาต้องเดินทางไปแสดงบทบาทในเวทีต่างประเทศหลายครั้งหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ 

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีทั้งหมด 35 เก้าอี้ ไม่รวมนายกรัฐมนตรี หากคำนวณตามจำนวนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล 314 เสียง อยู่ที่สัดส่วน 1 ต่อ 9 เบื้องต้นพรรคก้าวไกลจะได้ 17 เก้าอี้ พรรคเพื่อไทย 15-16 เก้าอี้ ที่เหลือจะเป็นพรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา 1 เก้าอี้, พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 1 เก้าอี้ และอีก 1 เก้าอี้อาจให้กับพรรคเล็กๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จะเป็นตัวแทนพรรคเล็กได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย 1 เก้าอี้ เนื่องจากมีความอาวุโส

แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า กระทรวงหลักที่พรรคก้าวไกลต้องการ ประกอบด้วยกระทรวงเกรดเอ 1.รมว.การต่างประเทศ 2.รมว.กลาโหม 3.รมว.มหาดไทย 4.รมว.การคลัง 5.รมว.ศึกษาธิการ 6.รมว.พลังงาน 7.รมว.แรงงาน  8.รมว.ยุติธรรม 9.รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 10.รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 11.รมว.วัฒนธรรม ส่วนกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจ จะให้พรรคเพื่อไทยรับผิดชอบ ประกอบด้วย 1.รมว.พาณิชย์ 2.รมว.คมนาคม 3.รมว.เกษตรและสหกรณ์  4.รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 5.รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา 6.รมว.อุตสาหกรรม

โอด ก.ก.เอาแต่กระทรวงหลัก

ทั้งนี้ ในการเจรจาเบื้องต้น พรรคก้าวไกลยังยืนยันจะไม่ดำเนินนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยคือการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะเห็นว่างบประมาณที่จะใช้สูงถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งควรนำงบประมาณส่วนนี้ไปใช้ด้านอื่นแทนที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงไว้ เช่นการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ที่จะใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกลได้แจ้งความประสงค์ว่าต้องการด้วยเช่นกัน โดยระบุจะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่อง PM 2.5 นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน พรรคก้าวไกลได้แจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยว่าต้องดูแลรับผิดชอบด้วย เพื่อดำเนินนโยบายที่ประกาศไว้

แหล่งข่าวระบุอีกว่า การที่พรรคก้าวไกลประกาศจะเอากระทรวงหลักๆ ไว้หมดเพียงพรรคเดียว สร้างความไม่สบายใจให้พรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก เพราะเพื่อไทยมีจำนวนเสียงเป็นอันดับสอง ห่างจากพรรคอันดับหนึ่งเพียง 11 เสียง การต่อรองควรเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสสลับกันเลือกกระทรวงเพื่อทำตามนโยบายที่แต่ละพรรคหาเสียงไว้

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องการแบ่งกระทรวง ข่าวที่ออกมาเป็นแค่ข่าว คนในพรรคยังไม่ได้มีการพูดกันเรื่องนี้ และไม่อยากให้ปรากฏภาพว่ามีการแบ่งเค้กกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยสงวนท่าที ไม่ทำอะไรให้ล้ำหน้าเกินไปจนให้มีความรู้สึกว่าเราแบ่งขนมกัน พรรคระมัดระวังมากในเรื่องนี้ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นของกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะคุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เพราะไม่ใช่พรรคนำ

เมื่อวันศุกร์ มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งถึงเอ็มโอยูที่พรรคก้าวไกลได้ระบุถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีว่า จะคำนึงถึงความเป็นธรรม เหมาะสม และสอดคล้องกับนโยบายพรรค ให้เกียรติ จริงใจ สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน หากใครได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วประพฤติในทางมิชอบ ต้องยุติการดำรงตำแหน่ง แต่ในเรื่องของการจัดสรรโควตารัฐมนตรีว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้รับการประสานอย่างเป็นทางการเข้ามาจากแกนนำพรรคก้าวไกล  และยังไม่อยากให้คุยไปไกลถึงเรื่องดังกล่าว อยากให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อน และแปลกใจกับข่าวที่ออกมาเช่นนี้ ไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยมีเจตนาจองเก้าอี้ไว้ก่อนหรือไม่ อย่างไร เพราะปกติการแบ่งโควตานั้นต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการแล้วค่อยนำจำนวน ส.ส.พรรคร่วมมาเฉลี่ยว่าแต่ละพรรคควรได้กี่เก้าอี้อย่างไร  เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานรัฐสภา ที่ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้รับการประสานมาแต่อย่างใด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสข่าวจะกลับมานั่ง รมว.สาธารณสุขว่า ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดคุย เราจะเริ่มต้นพูดคุยนโยบายก่อน ดังนั้นขอให้รอทุกอย่างมีความชัดเจน เพราะตอนนี้เป็นเพียงการคาดเดาจากสื่อมวลชนเท่านั้น เพราะเรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ต้องคุยกันเรื่องนโยบายให้จบก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล ได้จัดสัมมนาว่าที่ ส.ส.ระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ สมาชิกพรรค รวมถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส. ที่สนามกอล์ฟพัฒนาสปอร์ต รีสอร์ท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ช่วงวันที่ 19-21 พ.ค. เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร และได้หารือพร้อมกับสรุปบทเรียนจากช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา วิเคราะห์เหตุปัจจัยที่ทำได้รับเลือกตั้ง ไม่ได้รับเลือกตั้ง ระบบหัวคะแนนธรรมชาติ รวมทั้งประเมินสถานการณ์การเมืองหลายประเด็น โดยในงานนี้นายพิธาจะเดินทางไปกล่าวเปิดงาน พร้อมกับพูดคุยแลกเปลี่ยนกับสมาชิกพรรค ว่าที่ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลด้วย และในวันที่ 21 พ.ค. นายพิธา จะนำทีมว่าที่ ส.ส.ขึ้นรถตระเวนที่จังหวัดระยองเพื่อขอบคุณประชาชน

นอกจากนี้ มีรายงานอีกว่า นอกจากจะมีการสรุปบทเรียน ประเมินสถานการณ์การเมืองแล้ว ยังจะมีการเน้นย้ำต่อว่าที่ ส.ส. ต่อการแสดงความคิดเห็นในเชิงสาธารณะตามช่องทางต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมา การแสดงออกของบางคนอาจมีความสุ่มเสี่ยง ถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลทางการเมือง นอกจากนี้ยังสุ่มเสี่ยงทางข้อกฎหมาย ทั้งทางบุคคลและทางพรรคด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป