ทิ้งทวนปราศรัยใหญ่ พี่ตู่ปลุกช้างศึก/หนูขอเกิดในกทม./อิ๊งค์ย้ำแม้วยอมติดคุก

ปิดท้ายหาเสียงเลือกตั้งสุดคึกคัก "8 พรรคใหญ่" จัดเวทีปราศรัยเมืองกรุง-ปริมณฑล "บิ๊กตู่" เสียงสั่นเครือปลุกช้างศึกคนไทยเลือก รทสช.  ลั่นไม่ยอมถอยหลังอีกแล้ว บอกอย่าปล่อยให้สู้คนเดียว "ลุงป้อม" ปลุกกา   พปชร. ประเทศชาติไม่วุ่นวาย "สกลธี" ซัดพรรคขู่ถูกสอยจะทำบ้านเมืองลุกเป็นไฟ "ภท." ขอแจ้งเกิดกรุงเทพฯ "อนุทิน" แซะพ่อค้าอย่ารีบร้อนเป็นนายกฯ "จุรินทร์" อ้อนเซฟประชาธิปัตย์ อึ้ง! "อุ๊งอิ๊ง" บอกทักษิณกลับมาติดคุก พร้อมให้คำปรึกษาแก้วิกฤตเศรษฐกิจหาก พท.เป็นรัฐบาล "วราวุธ" ควงพี่สาว-แม่ เดินหาเสียงสุพรรณบุรี 

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.2566 นั้น พรรคการเมืองหลายพรรคได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย 1.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย 2.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปราศรัยที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย- ญี่ปุ่น เขตดินแดง 3.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ปราศรัยที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง 4.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปราศรัยที่ห้างสรรพสินค้าโชว์ดีซี ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง 5.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  ปราศรัยที่ลานคนเมือง เขตพระนคร 6.พรรคเพื่อไทย (พท.) ปราศรัยที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี จ.นนทบุรี 7.พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ปราศรัยที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ และ 8.พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ปราศรัยที่ลานกิจกรรม พาร์ค พารากอน เขตปทุมวัน รวมทั้งที่ต่างจังหวัด 1 จุด คือ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดเดินหาเสียงบริเวณ อ.เมืองสุพรรณบุรี

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  บรรยากาศเวทีปราศรัยใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในหัวข้อ “อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว ออกมาช่วยกันรักษาบ้านเมือง รวมทุกหัวใจ รวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งเป็นเวทีปิดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง คึกคักตั้งแต่เวลา 15.00 น. มีประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคทยอยเดินทางเข้าร่วมงาน บางส่วนสวมเสื้อยืดพรรค รทสช. พร้อมถือป้ายสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ในเขตต่างๆ และป้ายข้อความสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นอกจากนี้ยังร้องเพลงลุงตู่อยู่ไหนกันอย่างคึกคัก

เวลา 17.58 น. พล.อ.ประยุทธ์​ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ก่อนขึ้นเวทีถึงความมั่นใจก่อนเลือกตั้งว่า “มั่นใจทุกวัน” เมื่อถามว่าช้างศึกวันนี้เป็นไงบ้าง พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า ช้างศึกกำลังเข้าแถวอยู่ เมื่อถามว่ามั่นใจจะมีคนออกมาช่วยรบเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า  “ฉันไม่ได้รบกับใครนี่ จะรบกับใครล่ะ  ทำเพื่อประชาชน จะไปรบกับใคร”

บิ๊กตู่ปลุกช้างศึกเลือก รทสช.

จากนั้นเวลา 19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยด้วยน้ำเสียงดุดันว่า  ลุงตู่อยู่ไหน พี่ตู่อยู่ไหน วันนี้ลุงตู่คนเดิม เอาหัวใจมาฝาก เอาความรักมาให้ เอาความจริงใจมาเสนอ วันนี้เห็นแล้วตื้นตัน ความรักมันอบอวลไปทั้งห้อง ขอบคุณทุกคนที่มอบกำลังใจให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ นี่คือเสียงจากรวมไทยสร้างชาติ เราคือครอบครัว เพราะทุกคนมารวมกันในวันนี้ ด้วยจิตใจที่มั่นคง แข็งแกร่ง และพร้อมจะเดินหน้าไปด้วยกันกับพวกเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รวมไทยสร้างชาติเห็นว่าบ้านเมืองเรามีความสงบ สมัยปี 2562 ความสงบจบที่ลุงตู่ ปี 2566 ความสงบจบที่ลุงตู่เหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งได้มีการเปิดคลิปวิดีโอที่บรรยายถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งการชุมนุม ความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นต้น ทั้งนี้ ภายหลังเปิดคลิปวิดีโอเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ทุกคนคงรู้สึกเช่นเดียวกับผม เห็นแล้วสะท้อนใจ เจ็บปวดในสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากว่าเราไม่รักกัน เราไม่ช่วยกัน สิ่งต่างๆ ที่เราคาดไม่ถึงจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนในฐานะเป็นคนไทยทุกคนต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมถึงบอกว่าวันนี้ผมไม่เสียใจที่ได้เป็นทหารมา ได้ดูแลปกป้องแผ่นดินผืนนี้มาให้ไว้กับพวกเรา จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกว่า “ผมต้องการให้แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินสันติสุข ปลอดภัย มีคนไทยร่วมรักสามัคคีซึ่งกันและกัน ซึ่งวันนี้หัวใจผมโตและใหญ่  เพราะต้องรักคนให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่บางครั้งผมรู้สึกเจ็บปวด ที่หลายคนไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาวันนี้ คือคนให้กำลังใจผมมาก ผมจะไม่ยอมก้าวถอยหลังอีกแล้ว เราต้องจับมือกัน จูงมือกัน ลากกันไปเพื่อเดินไปข้างหน้า อย่าให้อะไรมาชะงักหรือดึงรั้งคนไทยทุกคนที่จะก้าวไปข้างหน้า เราจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายรากเหง้าประเทศของคนไทยโดยเด็ดขาด ทุกคนต้องไม่ปล่อยให้ผมสู้อยู่คนเดียว ใครจะสู้ไปกับผมบ้าง  ขอบคุณทุกคน เราจะต้องรวมใจออกมาปกป้องคุณค่าของความเป็นคนไทยและประเทศไทย เราไม่อาจทำให้ประเทศล่มสลายได้”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ขอให้เลือกทุกเบอร์ ทุกเขต กรุงเทพฯ มี 33 เขต จำเบอร์ให้ได้ และในต่างจังหวัดอีก 367 เขต ขอฝากไปถึงพี่น้องชาวภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ตะวันออกตะวันตก และภาคใต้ทั้งหมด เราจะต้องมี ส.ส.ให้มากที่สุด ถ้าท่านไม่เลือก ส.ส.เขต ลุงตู่ไม่ได้มายืนตรงนี้อีกแล้ว

"ทุกคนพร้อมจะสู้ไปกับผมหรือไม่ สู้ไหม ถ้าอย่างนี้ผมสู้ใจขาด อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าผมเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต คนที่จะมาเป็นตรงนี้หรือคนที่จะมาทำงานการเมือง จะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต และรักบ้านเมือง รักพี่น้องประชาชนทุกคนเท่าๆ กัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์หลังลงจากเวทีปราศรัยว่ารู้สึกอย่างไร เพราะบนเวทีดูเหมือนว่าเกือบน้ำตาไหล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็โอเค มันซาบซึ้ง” พร้อมเอามือตบไปที่หน้าอกด้านซ้าย

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย มีประชาชนเดินทางมาตั้งแต่เวลา 12.30 น. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก รวมทั้งบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้พร้อมใจกันโพสต์สโลแกนบนเพจเฟซบุ๊กว่า “เรียกลุงป้อม นำได้ ตามเป็น เย็นพอ ฟังทุกฝ่าย” กระทั่งเวลา 14.00 น. มีผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยหลายพันคน

นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค พปชร. ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่ กทม. กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า การตรวจสอบคุณสมบัตินักการเมืองกรณีถือหุ้น ทุกคนที่อาสาเข้ามาเป็นผู้แทนฯ ต้องยอมรับการตรวจสอบให้ได้  เคารพข้อห้าม ที่พูดเรื่องนี้เพราะเป็นห่วง เนื่องจากมีแกนนำบางพรรคการเมืองพูดว่าถ้าได้รับการเลือกตั้งถล่มทลาย ถ้ามีการใช้กฎหมายทำให้โดนถอดถอน บ้านเมืองลุกเป็นไฟแน่ เพราะประชาชนไม่ยอม ซึ่งการพูดแบบนี้ผมขนลุกกลางเดือน เม.ย.เลย เพราะมีธงอยู่แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ

ชูเลือก พปชร.ชาติไม่วุ่นวาย

 "แม้การก้าวข้ามความขัดแย้งจะเป็นคำตอบของประเทศ แต่จะมีเส้นที่ก้าวข้ามไม่ได้คือ ข้ามศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่เป็นเสาหลักของประเทศนี้ ดังนั้นหากพรรคใดไม่เอาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือทำการใดให้สั่นคลอน  ถึงจะขัดแย้งก็ต้องขัดแย้ง เพราะยอมรับไม่ได้" นายสกลธีกล่าว

เวลา 15.45 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า ทุกนโยบายที่เราหาเสียงไว้ ขอสัญญาว่าเราจะทำให้สำเร็จ เพราะตนเป็นบุคคลที่ไม่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจใดๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีเพียงภารกิจเดียวที่จะเป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิต คือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศไทย ขอให้ทุกคนช่วยกัน ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาของการเป็นรัฐบาล ตนสามารถพูดคุยกับทุกคน รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายโดยไม่มีอคติใดๆ 

"วันนี้ผมได้เห็นแล้วว่าประเทศของเรา โดยเฉพาะปัญหาความยากจนและปัญหาปากท้อง ไปจนถึงการก้าวข้ามความขัดแย้ง และการก้าวล่วงสถาบัน  การแทรกแซงทางการเมืองทั้งจากภายในประเทศและนอกประเทศ ผมและพรรค พปชร.มุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอรับรองว่าเราจะไปด้วยกัน ทุกนโยบายที่รับปากประชาชนไว้ ขอให้เลือกผมและพรรค ประเทศชาติจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ค้าขายจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป" พล.อ.ประวิตรระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดเวทีปราศรัยของพรรค พปชร. เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ใช้กำลัง 1 กองร้อยมาดูแลรักษาปลอดภัย เนื่องจากในบริเวณใกล้กันที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 พรรคก้าวไกลก็เปิดเวทีปราศรัยใหญ่เช่นกัน

ส่วนที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ปิดท้าย  โดยได้เปิดประตูให้ประชาชนทยอยเข้าไปจับจองที่นั่งตั้งแต่เวลา 15.30 น. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนวัยทำงาน และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็ทำให้ชั้น 1 ถูกจับจองจนเต็มพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มาทีหลังขึ้นไปบนอัฒจันทร์ชั้นสองแทน กระทั่งเวลา 17.00 น. ประชาชนนั่งเต็มทุกเก้าอี้ อย่างไรก็ตาม ทางพรรคยังติดตั้งจอแอลอีดีเพื่อฉายวีดิทัศน์นโยบายต่างๆ และแนวคิดทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการปราศรัยในครั้งนี้ ได้มีการแจกธงสีส้มให้แก่ผู้ร่วมงานเพื่อใช้โบกระหว่างรับฟังการปราศรัย และเมื่อจบงานให้นำมาคืน พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัย ตรวจกระเป๋า รวมทั้งติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุโลหะไว้ที่บริเวณทางเข้า-ออกอาคารด้วย

ที่บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าโชว์ดีซี ถ.พระราม 9 เวลา 17.40 น. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรค โดยมีการแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต และให้แต่ละคนปราศรัย
เวลา 18.50 น. นายอนุทินขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้เกิดในพื้นที่ กทม.แน่นอน ตนจะสวดมนต์ว่าขอให้พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 7  และกาให้คนของพรรคภูมิใจไทย เราทำงานมา 4 ปี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเรายึดกรอบเดิมๆ ว่าจังหวัดไหนไม่เลือกจะไม่ทำงานให้ แต่เราคิดตรงกันข้าม เพราะจังหวัดไหนไม่เลือกยิ่งต้องทำงานให้เขาเลือกเราจนได้ เรายึดคติตื๊อครองโลก ตื๊อด้วยการทำงาน ไม่ใช่ตื๊อด้วยการด่าทอต่อว่าพรรคอื่น
“การทำงานเพื่อประชาชนต้องมีประสบการณ์ มีความตั้งใจ ไม่ใช่ขายของอยู่จะมาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว กรุงเทพฯ ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะต้องมีประสบการณ์มาทำงาน จึงขอให้ใจเย็นๆ เพราะจะมารับใช้บ้านเมือง ต้องอย่ามองประชาชนเป็นเสาไฟฟ้า วันนี้เขาเข้าถึงข้อมูลข่าวสารแยกแยะได้ เชื่อว่าประชาชนเห็นการทำงานของพรรคภูมิใจไทยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ว่าพูดแล้วทำ” นายอนุทินกล่าว

'ภท.-ชทพ.' มั่นใจเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย นายอนุทินได้สั่งให้ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมดของพรรคที่อยู่บนเวทีก้มกราบพี่น้องประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยเพื่อขอคะแนน พร้อมกับพูดว่าถ้าใครไม่กราบขอให้สอบตก
ต่อมาเวลา 19.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอนุทินกำลังปราศรัยอยู่บนเวทีนั้น ปรากฏว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมมวลชนบางส่วนขึ้นไปบริเวณทางด่วนพระราม 9 เหนือลานโชว์ดีซี พร้อมชูป้ายข้อความ อาทิ "เราไม่เอากัญชา เอากัญชากลับไป" เมื่อนายอนุทินหันไปเจอจึงได้ปลุกประชาชนปรบมือให้กับนายชูวิทย์ ที่มาชูป้ายเชียร์พรรคภูมิใจไทย พร้อมตะโกนขอให้นายชูวิทย์ลงมา "ลงๆ ลงมา โดดมาๆ อย่าลืมว่าเรานัดกินข้าวกันอยู่ แล้วอาทิตย์หน้าเจอกันนะ"
จากนั้น 19.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจาให้นายชูวิทย์และทีมงานออกจากบริเวณทางด่วน เนื่องจากกีดขวางการจราจร ซึ่งทันทีที่นายชูวิทย์เคลื่อนตัวออกไป นายอนุทินก็ตะโกนว่า "ออกไปไกลๆ" เช่นเดียวกับประชาชนที่มาฟังปราศรัยก็โห่ไล่ พร้อมตะโกนว่า "ไม่แน่จริงนี่หว่า ถ้าแน่จริงให้ลงมาข้างล่าง"
ก่อนหน้านี้ นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจว่าพรรค ภท.จะเติบโตขึ้น และจะมี ส.ส.ในสภามากกว่าเดิมแน่นอน เราไปทีละสเต็ป ผมมั่นใจ ปกติผมจะไม่พูดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส.เพิ่มมากขึ้น วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ผมพูดเลยว่า พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.มากกว่าปี 2562 แน่นอน” นายอนุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งปี 62 ภท.ได้ ส.ส.จำนวน 51 คน

ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. ปราศรัยปลุกกระแสเซฟประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า  ขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศได้ช่วยกันเซฟประชาธิปัตย์ เพื่อให้ประชาธิปัตย์รักษาประชาธิปไตยไม่โกง เพราะนี่คือทางรอดของประเทศไทย และจะมีสถาบัน พรรคการเมือง ที่อยู่คู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป ที่ต้องเน้นย้ำคือ เซฟประชาธิปไตยที่ไม่โกง และเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดแรงเสียดทานไม่รู้จบ

ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ก่อนปิดการหาเสียง โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางกำลังใจจากประชาชนจำนวนมาก

น.ส.แพทองธารกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งระบุว่า การเข้ามาการเมืองของตนต้องการแสวงหาโอกาสให้คนรุ่นใหม่มีช่องทางหารายได้ให้ครอบครัว เพื่อให้เศรษฐกิจดี อย่างตอนไทยรักไทยกลับมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ตนได้คุยกับคุณพ่อ ท่านพูดกับตนว่า “ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล อยากจะใช้มันสมองของท่านช่วยคนไทยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ และท่านซึ้งใจ เพราะตั้งแต่ทำพรรคการเมืองมา ตั้งแต่ไทยรักไทย ได้รับการสนับสนุนของประชาชนตลอด ไม่เคยลืมบุญคุณของประชาชนเลย” พี่น้องยังจำช่วงชีวิตที่ดีสมัยไทยรักไทย และเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้หรือไม่

ที่ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่เวลา 07.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ภริยานายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 และแกนนำพรรค รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 1 (อ.เมืองสุพรรณบุรี) และผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรคในสุพรรณบุรี เดินหาเสียงในตลาดเมืองสุพรรณบุรี เป็นการปิดการหาเสียงเลือกตั้งของพรรค โดยเดินปูพรมพร้อมๆ กันแบ่งเป็น 18 สาย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากชาวจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นอย่างดี หลายคนต่างให้กำลังใจกับคุณหญิงแจ่มใส น.ส.กัญจนา และนายวราวุธ ซึ่งก็ได้พยายามย้ำบัตร 2 ใบ ให้กาทั้งเบอร์คนและเบอร์พรรค ชทพ.

นายวราวุธกล่าวว่า พรรคเริ่มต้นฤดูกาลหาเสียงการเลือกตั้งปี 66 ด้วยการปราศรัยใหญ่ที่หน้าลานมังกร และตระเวนปราศรัย 10 อำเภอ จังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงอีกหลายพื้นที่ หลายจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนา และกรุงเทพมหานคร และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะหยุดการหาเสียง จึงมาปิดการหาเสียงที่จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดที่บ้าน ปิดที่บ้าน

น.ส.กัญจนากล่าวว่า ในการหาเสียงพรรคทำอย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเลือกตั้งครั้งนี้เราจะมีโอกาสได้ดูแลพี่น้องประชาชนคนสุพรรณบุรีทั้งจังหวัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ตาเหวง’ ของขึ้น! หวดเพื่อไทยจำไม่ได้หรือ 2 เหตุการณ์ใหญ่ในสมัยรัฐบาลปชป.

นพ.เหวง โตจิราการ อดีตสส.เพื่อไทย อดีตแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กว่า “อย่าลืมเป็นอันขาดรัฐไทยฆ่าปชช.สองมือเปล่า

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."