ผบ.ทบ.ประกาศลบ “ปฏิวัติ” ออกจากพจนานุกรม ย้ำเปอร์เซ็นต์เป็นศูนย์ถึงติดลบ ดึงสติ ปชช. บ้านเมืองต้องการความสงบ หากวุ่นวายจะเดือดร้อน ไม่หวั่น “ก้าวไกล” เป็นรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องการเมืองจับขั้ว เตือนอย่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ไม่ดี มธ.ชวนเกาะติดเลือกตั้ง ไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจทำอะไรที่ขาดความชอบธรรม เลขาฯ กกต.เผยแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าส่งทั้ง 400 เขตเรียบร้อย เตือนโซเชียลฯ หยุดสร้างข่าวเท็จ หลังตรวจพบกว่า 100 เรื่อง
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่าเพราะเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด นอกจากนี้ ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของตัวเองให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติแล้ว ก็ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวัน 12 พ.ค. ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกฎหมายเช่นกัน เช่นการสวมเสื้อมีชื่อพรรคการเมืองเข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น.ของวันที่ 13 พ.ค. งดการหาเสียง
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ทหารตกเป็นเป้า เป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหารและมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ผบ.ทบ.กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามาเขาก็มีสิทธิที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิทำข้อมูลชี้แจงถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร
"เป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน ซึ่งมีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดก็ได้"
ถามว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวายจะเดือดร้อนทหารอีกหรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า "ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเดินไป แต่ทุกคนก็ต้องมีสติ ว่าอะไรควร-ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเรา และบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญ เศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ"
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิมอันไหนดีกว่ากัน พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลาที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคน ถ้ามีสติ และมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่าทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี
"ผมยืนยันไม่ได้ หมายถึงว่าในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่ในสิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน" พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวเมื่อถามว่า 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ยืนยันได้หรือไม่ว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย ไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก
เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า คำพวกนี้บอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว คำพวกนี้ที่คิดว่าไม่ดี ไม่เหมาะสมกับประเทศ จึงขอร้องผู้สื่อข่าว ควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว
ไม่หวั่น ก.ก.เป็นรัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า "ลบแน่นอนสำหรับผม" เมื่อถามต่อว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอบว่า ก็ยังคงถามอยู่ ก็คือสิ่งที่เราสื่อสารกัน ตนจึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้ เมื่อถามว่ามีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ไม่รู้
ถามกรณีหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ผบ.ทบ.กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จะไปจับขั้วกันเองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มีการจัดงาน “วันปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2566” เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็น “บุคคลสำคัญของโลก” และจัดปาฐกถาหัวข้อ “ดุลยภาพแห่งอำนาจ” เปลี่ยนผ่านสังคมไทยด้วยการเลือกตั้ง
โดย ศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หลังการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ผู้มีอำนาจได้พยายามสถาปนาอำนาจตัวเองเพื่อรับมือกับฝ่ายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกลไกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เข้ามาร่วมตัดสินใจกฎหมาย เลือกนายกรัฐมนตรี ให้อำนาจกองทัพสนับสนุนตัวเอง อำนาจการลงโทษและควบคุมประชาชน เช่น มาตรา 112, 116 ตลอดจน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทั้งหมดล้วนเข้ามาทำให้ดุลอำนาจของประชาชนสูญเสียไป ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อมีพรรคการเมืองที่เสนอเข้ามารื้อถอน ท้าทายระบอบอำนาจเก่า จึงไม่แปลกที่จะสามารถซื้อใจประชาชน และทำให้เขาตื่นตัวอย่างมากกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง
นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวว่า ผลจากการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากคนที่เดินทางไปจำนวนมาก การจ่าหน้าซองผิด ฯลฯ ขณะที่วันเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ กกต.ก็ออกแบบระบบการรายงานผลคะแนนใหม่ที่จะใช้เป็นครั้งแรก จึงขอเชิญชวนทุกคนออกไปร่วมกันปกป้องคะแนนเสียง ภายใต้สภาวะบ้านเมืองที่เราเห็นว่าไม่ปกติ จะเพียงเดินเข้าคูหา ไปกากบาท แล้วหวังว่าคะแนนเสียงจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ อาจมองแง่ดีเกินไป เมื่อ กกต.ไม่ได้เป็นอิสระ และผลการจัดการที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นว่ายังไม่ได้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ฉะนั้นอยากให้ทุกคนช่วยกันออกไปสอดส่อง ร่วมสังเกตการณ์นับคะแนนด้วยตา และถ่ายรูปผลคะแนนส่งมารวมที่ vote62.com
กกต.เตือนหยุดสร้างข่าวเท็จ
รศ.ดร.พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาหลังเลือกตั้ง หากการเจรจาไม่ลงตัว ก็อาจมีกระบวนการใช้กฎกติกาบิดเบือนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีให้อำนาจกับประชาชน ก็อยากให้ทุกคนตระหนักถึงอำนาจที่มี และเลิกความคิดแบบหยวนๆ ปล่อยผ่านให้ผู้มีอำนาจคิดจะทำอะไรก็ได้ แสดงให้เขาเห็นว่าแม้จะมีอำนาจ แต่หากทำอะไรโดยที่ขาดความชอบธรรม เราจะไม่ยอมอีกต่อไป ดังนั้นเราจะก้าวไปข้างหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงได้ หากร่วมกันยืนหยัดและแสดงความเป็นเจ้าของเสียงของเรา ไม่ใช่แค่กาแล้วปล่อยให้ใครคนอื่นมาตัดสินใจ
ที่สำนักงาน กกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ภาพรวมการเลือกตั้งขณะนี้ สำนักงานได้ส่งบัตรที่จะใช้เลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ไปถึงทั้ง 400 เขตเรียบร้อยแล้ว และวันนี้ได้ส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง กกต.และไปรษณีย์ได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของทุกซอง แล้วจะส่งไปยังทุกหน่วยเลือกตั้งทุกเขต รวมถึงส่งบัตรออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่มีการส่งกลับมาแล้วทั้งหมด 91 สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 96.8 เหลือเพียง 3 สถานทูต คือ 1.สถานทูตกรุงพริทอเรีย แอฟริกาใต้ 2.สถานทูตกรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก และ 3.สถานทูตกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก โดย 2 สถานทูตแรกจะมาถึงในวันนี้ ส่วนของเม็กซิโกจะถึงวันที่ 12 พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่ถือเข้ามา ซึ่งจะดำเนินการคัดแยกและส่งไปยัง 400 เขตต่อไป
นายแสวงกล่าวว่า ในช่วงนี้มีการทำข่าวเท็จ ข่าวบิดเบือน ซึ่ง กกต.ทำการตรวจสอบพบกว่า 100 เรื่อง ยกตัวอย่างเช่นมีการแชร์คลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่กำลังเซ็นชื่อในเล่มบัตรเลือกตั้ง แต่โซเชียลมีเดียไปกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่กำลังกาบัตร ซึ่งในข้อเท็จจริงบัตรเลือกตั้งที่ปรากฏเป็นบัตรที่ กกต.จัดส่งไปยัง 400 เขต และประธานอนุกรรมการเขตกำลังรับมอบบัตร โดยเซ็นหน้าปกบัตรตามระเบียบ กกต. เพื่อส่งมอบให้กับกรรมการประจำหน่วย ซึ่งจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการพลิกเอกสารหรือกาในบัตรลงคะแนนแต่อย่างใด การที่เราได้เห็นภาพนี้ เพราะสำนักงานได้สั่งให้ถ่ายวิดีโอเพื่อไม่ให้ใครนำบัตรไปทำอะไร แต่กลับมีการนำภาพดังกล่าวไปบิดเบือนว่าสำนักงานกำลังกาบัตร เป็นต้น ขณะนี้สำนักงานกำลังดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จเหล่านี้
“อยากขอว่า ท่านจะรู้สึกอย่างไรก็สามารถแสดงความเห็นได้ แต่อย่าบิดเบือนทำให้การเลือกตั้งให้สกปรก เพราะการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เราอยู่กันด้วยความจริงและใช้เหตุผล ไม่ใช่อยู่บนความรู้สึกนึกคิดที่ขาดหลักการ เราควรรักษาการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทางออกของประเทศ ก็ขอให้รักษาการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายแสวงกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"