ตีตกญัตติอุ้ม3นิ้ว ขู่ม็อบผุดบนถนน จำคุกละเมิดศาล

ส.ส.รัฐบาลสกัด ส.ส.ฝ่ายค้านเปลี่ยนระเบียบวาระประชุม หลังเสนอเลื่อนญัตติด่วนขอให้สภาตั้ง กมธ.ศึกษาการใช้กฎหมายต่อผู้เห็นต่างการเมือง อ้าง ปชช.เดือดร้อน มีการระงับสิทธิประกันตัว หรือจะให้ ปชช.ไปตายเอาดาบหน้า เตือนม็อบบนถนนจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ศาลจำคุก 2 เดือนไม่รอลงอาญา "ณัฐชนน" แนวร่วมกลุ่มราษฎร ส่วน "เบนจา" โดนปรับแค่ 500 ละเมิดอำนาจศาลด่าทอผู้พิพากษา

ที่รัฐสภา วันที่ 2 ธันวาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 12 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ภายหลังจากที่ประชุมสภาได้ลงมติญัตติเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรเรียบร้อยแล้ว นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอเสนอญัตติเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยขอเสนอให้เลื่อนญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ล้นเกินและขัดต่อหลักนิติธรรมต่อผู้ต้องขังทางการเมือง โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยยกมือรับรองตามขั้นตอนถูกต้อง

จากนั้น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนวิปพรรคร่วมรัฐบาล ตนไม่เห็นด้วย และอยากให้ประธานที่ประชุมดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระ เพราะวันนี้เรายังมีอีกหลายเรื่องที่รอให้สภาพิจารณา และผู้ชี้แจงเขาก็มารออยู่แล้ว ดังนั้นตนขอให้ประธานที่ประชุมดำเนินการตามระเบียบวาระ

ด้านนายศุภชัยกล่าวว่า เมื่อสมาชิกสภามีความเห็นเป็นสองฝ่าย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องขอมติจากที่ประชุม

ทำให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ขอให้ช่วยกันศึกษาว่าแนวทางแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ไหนบอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติ พออะไรที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่เอา ขอให้ฝ่ายรัฐบาลช่วยกัน แค่เรื่องตั้งกรรมาธิการ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร กลัวจะไปตรวจสอบ คสช. กลัวจะไปตรวจสอบนายกฯ ก็เลยกลัว

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้เราต้องยอมรับว่าสถานการณ์บ้านเมืองวิกฤตจริงๆ และหวังใช้โอกาสในสภาแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะอยู่ในกระบวนการบิดเบือนกฎหมายเช่นนี้ และไม่สังคมไม่มีทางออก จึงขอเสนอว่าก่อนลงมติอย่างน้อยขอให้ผู้เสนอเลื่อนญัตติได้ชี้แจงเหตุผลสั้นๆ เพื่อลงมติอย่างสร้างสรรค์และเป็นเหตุผลได้

จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงเหตุผลว่า การเลื่อนญัตตินี้เราได้ประสานล่วงหน้า แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง แต่พวกตนต้องยืนยัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจริงๆ มีการใช้กฎหมายล้นเกิน มีการชุมนุมทางการเมือง มีการระงับยับยั้งสิทธิการประกันตัว การยื่นญัตติครั้งนี้เพื่อให้ศึกษาและหาทางออกของปัญหาที่สงบ สันติที่สุด หรือจะให้ประชาชนไปตายเอาดาบหน้า

ต่อมาที่ประชุมได้ลงมติเพื่อเลื่อนระเบียบวาระประชุม ผลปรากฏว่าที่ประชุมสภามีมติไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติด่วนขึ้นมาพิจารณา ด้วยคะเเนน 212 ต่อ 131 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 และงดออกเสียง 1 เสียง จากนั้นที่ประชุมได้ดำเนินการเข้าสู่ระเบียบวาระประชุมต่อไป

จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และคณะ ส.ส.เพื่อไทย ร่วมแถลงว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเต็มที่ที่จะเอาปัญหาที่อยู่บนถนนมาพูดคุยในสภา เป็นการหาทางออกที่สันติวิธีที่สุด แต่เมื่อเรายื่นมือไป รัฐบาลไม่ยื่นมือมา สถานการณ์ด้านนอกบนถนนก็น่าจะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งน่าเสียดาย แต่เราจะไม่หยุดยั้ง จะพยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสภาต่อไป

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่งละเมิดอำนาจศาล คดีหมายเลขดำที่ ลศ 12/2564 ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ผู้กล่าวหา กับนายณัฐชนน ไพโรจน์ อายุ 22 ปี และ น.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 22 ปี แนวร่วมกลุ่มราษฎร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-2 ฐานกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีก่อความวุ่นวายบริเวณบันไดหน้าศาลอาญา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2564 ที่นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร ได้มายื่นคำร้องให้มีการปล่อยตัวชั่วคราวบุตรชาย ซึ่งถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีมาตรา 112

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองซึ่งเป็นแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศเชิญชวนให้มวลชนมาทำกิจกรรมเพื่อเป็นกำลังใจให้สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ และนายพริษฐ์ ที่ศาลอาญา โดยมีมวลชนจำนวนมากเข้ามาในบริเวณรั้วของศาลอาญา เจ้าหน้าที่ต้องรักษาความปลอดภัยและรักษาสถานการณ์ขณะที่นายณัฐชนน ผู้กล่าวหาที่ 1 ได้ใช้เครื่องขยายเสียงเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนายพริษฐ์ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอผู้พิพากษาด้วยถ้อยคำหยาบคาย

ขณะที่ น.ส.เบนจา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้เรียกร้องให้ปล่อยนายพริษฐ์ และโปรยกระดาษบริเวณบันไดทางขึ้นอาคารศาลอาญา ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความวุ่นวาย ประพฤติตัวไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาล พิพากษาให้จำคุกนายณัฐชนน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วน น.ส.เบนจา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ลงโทษปรับ 500 บาท

ภายหลังทนายความได้ยื่นประกันนายณัฐชนน โดยศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายณัฐชนน วางเงินประกัน 50,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงแกนนำทางการเมืองที่ถูกควบคุมอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง 2 ราย ได้แก่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และ น.ส.เบนจา อะปัญ มีสุขภาพทั่วไปปกติ สามารถทำภารกิจส่วนตัวและนอนหลับ พักผ่อนได้ รวมทั้งได้พบกับทนายความตามสิทธิของผู้ต้องขัง ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2564 ศาลอาญากรุงเทพใต้และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา พร้อมทั้งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EM).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป