สธ.ยันไทยคุม "โควิด" ได้ดี ย้ำเปิดเทอมเฝ้าระวังเด็กป่วยทางเดินหายใจ ไม่ว่าโรคใดให้หยุดเรียน กรมวิทย์เผยสัดส่วนโควิดลูกผสม XBB ในไทย พบติดเชื้อทุกเขตสุขภาพแล้ว กรมอนามัยแนะประชาชนสวมหน้ากาก พกปากกาเข้าคูหาเลือกตั้ง ลดเสี่ยงติดโควิด
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด- 19 ว่า แม้ ผอ.ใหญ่องค์การอนามัยโลก ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว แปลว่าสถานการณ์ความสุ่มเสี่ยงการระบาดอย่างกว้างขวางหมดไปแล้ว ชาวโลกสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติที่สุด ส่วนไทยเรายกเลิกมา 7 เดือนแล้ว เป็นตัวยืนยันว่าเราควบคุมสถานการณ์โควิดได้ดี แต่ไม่ได้แปลว่าโควิดหายไป สุดท้ายจะเหมือนไข้หวัดใหญ่ จะอยู่กับเรา พอถึงฤดูช่วงจังหวะหนึ่ง คนภูมิคุ้มกันลดลง หรือมีสายพันธุ์ใหม่ ก็จะเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มขึ้นไม่เหมือนคราวก่อนที่ระบาดใหญ่ อาจเพิ่มเป็นหลักหมื่นหลักพันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก หากมีมาตรการรองรับที่ดีคือการฉีดวัคซีนตามที่ สธ.กำหนด
"ขณะนี้เรากำหนดให้ฉีดวัคซีนประจำปี จะช่วยทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง และระบบเฝ้าระวังมีทั้งคน สายพันธุ์ ก็จะตอบสนองมาตรการต่างๆ ได้ดี สำหรับผลการฉีดวัคซีนคู่โควิด-ไข้หวัดใหญ่ กรมควบคุมโรคจะเป็นผู้รวบรวม ยืนยันว่าเป็นการฉีดตามความสมัครใจ หากไม่สะดวกก็รับวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งก่อนได้"
นพ.โอภาสกล่าวว่า โควิดที่ระบาดปี 2564-2565 จะสัมพันธ์กับช่วงหลังสงกรานต์ เพราะสงกรานต์มีการรวมตัวคนจำนวนมาก สังเกตว่าปีนี้ผ่านสงกรานต์มาประมาณ 1 เดือนไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร สธ.ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี ส่วนเปิดเทอมนักเรียนรวมตัวกัน เน้นย้ำการเฝ้าระวัง เด็กป่วยพ่อแม่ไม่ควรพาไปโรงเรียน ไม่ว่าโรคทางเดินหายใจอะไร ทั้งไข้หวัดใหญ่ RSV โควิด หากไม่สบายพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไป เด็กมีวัคซีนให้ฉีด หากประสงค์ก็จะเป็นอีกมาตรการช่วยป้องกัน หากพบเหตุการณ์ผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อ SARS-CoV-2 ทั่วโลกอ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ 10-16 เมษายน 2566 พบสัดส่วนของสายพันธุ์แตกต่างจากรอบ 1 เดือนก่อนหน้า ดังนี้ XBB.1.5 รายงานจาก 106 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 46.7 ลดลงจากร้อยละ 49.3, XBB.1.16 รายงานจาก 40 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 5.7 เพิ่มจากร้อยละ 2.0, XBB*, XBB.1.9.1 และ XBB.1.9.2 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น, BA.2.75, CH.1.1, BQ.1 และ XBF มีแนวโน้มลดลง
"สถานการณ์ล่าสุดในไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-7 พฤษภาคม 2566 การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยกรมวิทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง มีการถอดรหัสพันธุกรรม เชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 372 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม 323 ราย คิดเป็น 86.8% พบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ"
สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้ พบสายพันธุ์ลูกผสมมากกว่า 74% ในทุกเขตสุขภาพ ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีตัวอย่างส่งตรวจน้อย พบมากที่สุดเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 คิดเป็น 27.7 % รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.5 คิดเป็น 22.0% ในขณะที่ BN.1 ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 มีสัดส่วนลดลง
นพ.ศุภกิจกล่าวอีกว่า ตามที่ WHO ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก (Public Health Emergency of International Concern) ของโรคโควิด-19 ที่ใช้มานานกว่า 3 ปี หลังพบตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลง และผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ อย่างไรก็ตาม WHO ยังย้ำว่า แม้สถานการณ์ฉุกเฉินจะจบลง แต่ก็จะยังคงเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอันตรายต่อสถานการณ์สาธารณสุขโลกต่อไป รวมทั้งประเทศไทยเองยังคงมีมาตรการรับมือโควิด-19 เช่นเดิม สำหรับประชาชน แนะนำให้ระมัดระวังในการปฏิบัติตัว ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหากต้องไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก หรือไปในที่สาธารณะ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันยังมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง 608 จะช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตได้ ขอให้ความมั่นใจว่ากรมวิทย์และเครือข่ายจะยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และยังเป็นช่วงที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน จึงอาจทำให้หลายพื้นที่มีฝนตก ส่งผลให้ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้ กรมอนามัยจึงขอความร่วมมือหน่วยเลือกตั้งให้ดูแลความสะอาด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนี้ 1) สถานที่เลือกตั้ง ควรจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี ไม่แออัด 2) ในหน่วยเลือกตั้งควรกำหนดจุดให้มีเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้บริการประชาชน ทั้งก่อนเข้าและออกจากหน่วยเลือกตั้ง 3) ควบคุม ดูแล ให้ผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง และผู้ที่อยู่ในหน่วยเลือกตั้งสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา 4) จัดระยะห่างของผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนเข้าไปยังคูหา เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดระหว่างกัน และ 5) ควรมีการทำความสะอาดอุปกรณ์หรือจุดที่มีการสัมผัสร่วมกัน หรืออาจให้ประชาชนนำปากกาส่วนตัวไปเอง ซึ่งสามารถทำได้ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561
"สำหรับประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ควรตรวจสอบสิทธิเลือกตั้งผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อลดความแออัดในการเปิดดูบัญชีรายชื่อบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง นำปากกาไปเองเพื่อลดการสัมผัสร่วม สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น รวมทั้งล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าและออกจากหน่วยเลือกตั้ง และควรเว้นระยะห่างระหว่างต่อแถวเข้าคูหา ไม่รวมกลุ่มพูดคุยและใช้เวลาให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะสถานที่เลือกตั้งบางแห่งอาจอยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง อากาศร้อน อาจทำให้เสียเหงื่อมาก ควรพกน้ำดื่มติดตัวไปด้วย รวมถึงเตรียมหมวกหรือร่มเพื่อป้องกันแดดและฝน ทั้งนี้ หากหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าโดนฝนหรือเปียกชื้น ควรเปลี่ยนหน้ากากชิ้นใหม่ สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เมื่อสัมผัสกับอากาศที่ร้อนจัด อาจมีอาการผิวหนังแดงและแห้ง ตัวร้อนจัด ไม่มีเหงื่อ สับสน มึนงงหรืออาจหมดสติได้ จึงควรมีผู้ดูแลร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อให้การดูแลอย่างใกล้ชิดและช่วยเหลือได้ทัน" นพ.สุวรรณชัยกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"