ก.ก.โดนอีก‘ปชป.-พี่ศรี’จ่อฟ้อง

“ประยุทธ์” ปรับลุกส์หาเสียง ใส่รองเท้าผ้าใบลุยนราธิวาส-ปัตตานี “บังตู่” อ้อนขอเข้ามาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยโกหก ย้ำอย่าให้ใครมายุยงให้แตกแยก “ลุงป้อม” ยัน 12 พ.ค.ไร้เซอร์ไพรส์ “อนุทิน" สะกิดพวกประกาศตั้งแต่หัววันไม่จับมือคนโน้นคนนี้ ถาม ปชช.ที่เลือกหรือยัง “สาธิต” แจ้งความ ก.ก.ปราศรัยที่ระยองแล้ว พี่ศรีเตรียมจัดอีกดอก “โรม-พริษฐ์” พาเหรดอวย “พิธา” นายกฯ คนที่ 30 ลั่น 100 วันแรกชำเรารัฐธรรมนูญแน่ พร้อมรื้องบ กห.มาจ่ายเบี้ยคนชราจาก 600 บาทเป็น 3,000

เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 พรรคการเมืองต่างๆ ยังคงเดินสายหาเสียงในสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.กันอย่างต่อเนื่องคึกคัก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ลาราชการ สวมเสื้อพรรค รทสช. กางเกงสีเขียวขี้ม้า รองเท้าผ้าใบ ON Cloud 5 Men พร้อมแกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดนราธิวาสและปัตตานี

โดยเมื่อถึง จ.นราธิวาส มีคุณยายสูงวัยมารอต้อนรับที่สนามบิน พร้อมป้ายข้อความว่า “แม่อยู่มาเกือบ 100 ปี นายกฯ คนดีคือลุงตู่” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปทักทายและพูดคุยอย่างเป็นกันเองว่า “ขอบคุณที่เชียร์ลุงตู่ ขอฝากช่วยกันและเชิญชวนให้ทุกคนไปลงคะแนน ซึ่งก่อนตัดสินใจลงคะแนนก็ขอช่วยกันพิจารณา ผมทำงานเพื่อประเทศชาติของเรา คุณยายอยู่มา 100 ปีแล้ว ก็คงจะเห็นและทราบดีว่าประเทศไทยของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแล้วบ้าง ก็ขอให้ช่วยกันนะครับ” ก่อนเดินเข้าห้องรับรองที่สนามบิน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไปพบปะประชาชนจุดแรกที่ อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งทันทีที่เดินทางถึง มีประชาชนมาต้อนรับและมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พร้อมตะโกนลุงตู่สู้ๆ จากนั้นขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเทศบาลเมืองนราธิวาสช่วยนายวัชระ ยาวอหะซัน ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 1 หมายเลข 3

 “แค่มาแป๊บเดียวก็ซาบซึ้งใจแล้ว เชื่อมั่นพวกเราทุกคน ประเทศไทยต้องไปต่อ ไปให้มันเจริญขึ้นให้ดีขึ้น อย่าทำลายซึ่งกันและกัน วันที่ 14 พ.ค.นี้ขอฝากรวมไทยสร้างชาติด้วย เลือกสองเบอร์สองใบ ใบหนึ่งเบอร์ 3 ใบหนึ่งเบอร์ 22 เราต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อุดมการณ์ทางการเมืองของเรา เราจะต้องมีฐานที่แข็งแกร่ง เราต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำอย่างมีสติ ทำอย่างใช้สมอง หากทำลายกันประเทศชาติอยู่ไม่ได้ ขอทุกคนต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองรักสามัคคี ผมจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า การเลือกตั้งคือการเลือกตั้ง​​​​​​ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องเลือกตั้ง เลือกคนดีเข้าสภา หลายวันที่ผ่านมามีฉายาเยอะมาก ลุงตู่ พี่ตู่ วันนี้มานราธิวาสขอเป็นบังตู่ ขอให้บังตู่คนนี้ได้เข้ามาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอีกครั้ง ทั้งนี้ประเทศชาติจะต้องมั่นคง จะแตกแยกกันไม่ได้ วันนี้ตัวจริงมาแล้ว ขอให้จำหน้าไว้ไม่เคยพูดโกหก ที่ทำอยู่แล้วยังไม่เสร็จเพราะต้องใช้เวลาแก้ปัญหา แต่รับรองว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะมีอะไรที่สมบูรณ์มากกว่านี้ต่อไป

บังตู่ย้ำอย่าให้ใครยุยงแตกแยก

ต่อมาที่ อ.สุไหงโก-ลก พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะขึ้นรถแห่หาเสียงช่วยนายสารี สะมะแอ ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส  เขต 2 เบอร์ 3 โดยมีประชาชนสองข้างทางโบกมือทักทาย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ปราศรัยว่า ขอเลือกคนดี นายสารีเบอร์ 3 และเลือกคนชื่อบังตู่ เบอร์ 22 บ้านเมืองต้องการท่านทั้งหลายไปเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลที่ดี ซื่อสัตย์ ซื่อตรง รัฐบาลที่ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ ทุกปัญหาต้องได้รับการแก้ไขและทำต่อเนื่อง อย่าให้ใครมายุยงทำให้แตกแยกได้ ครอบครัวก็คือครอบครัว เลือก ส.ส.รวมไทยสร้างชาติเข้าสภาให้มากที่สุด เพื่อได้นายกฯ มาทำอะไรได้มากกว่าเดิม และขอให้ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาก็แล้วกัน เลือกทุกเขตและพรรค ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การจะทำอะไรให้คนจำนวน 70 ล้านคน มันต้องมีวิธีการ และทำมาแล้วแต่ยังไม่ถึงจุดสุดท้าย ต้องทำให้ได้อีก อยากให้โก-ลกเจริญต้องเลือกนายสารีไปนั่งในสภา

 “คิดถึงจังฮู้ คิดถึงทุกวัน คิดถึงทุกคนในประเทศนี้ เด็กเล็กกำลังจะโต อย่าให้ใครมาตัดความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกโดยเด็ดขาด มีคนคิดจะทำ คิดในสิ่งที่เป็นไปได้ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พูดได้อย่างเดียว ผมพูดได้เพราะทำมาแล้ว บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป บ้านเมืองต้องสงบก่อน บ้านเมืองถ้าปกครองด้วยความแตกแยกมันไม่ได้ มีบทเรียนหลายปีมาแล้ว จำได้หรือไม่ เราอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำมาแล้วจะล้มไปทั้งหมด ขอบคุณที่ออกมาให้กำลังใจ อย่าลืมบังตู่ 22 ลุงตู่มาเอง รักพ่อแม่ปูย่าตายายให้มากๆ ทำให้ทุกคนช่วยกันทำให้ประเทศชาติและประชาชน ประเทศไทยต้องปลอดภัย เราต้องรักสามัคคีก่อน ถ้าแตกแยกทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ผมไม่เคยพูดโกหก ไม่เคยทุจริต จะเลือกใครให้พิจารณาฝากไว้ด้วย”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายประชาชนและพ่อค้าแม่ค้า โดยมีเสียงตะโกนให้กำลังใจลุงตู่สู้ๆ, พี่ตู่สู้ๆ  และลุงตู่อยู่ต่อ พร้อมนำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจ และร่วมเซลฟี รวมถึงได้มีชายแต่งชุดกังฟูเข้ามาขอถ่ายภาพและเชียร์ให้เป็นนายกฯ ตลอดกาล โดยชายดังกล่าวได้ทำท่ากังฟู ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ทำท่ากังฟูหยอกล้อกลับไป และย้ำว่าบ้านเมืองสงบอยู่แล้ว อย่าทำให้ไม่สงบ อย่าให้ใครมาทำให้แตกแยกกันอีก ขอให้รักกันมากๆ  มาด้วยใจ รักนะจ๊ะ ประเทศไทยต้องเดินหน้า หยุดไม่ได้ จากนั้นได้เดินไปไหว้องค์เทพเจ้าภายในศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ  ต.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นที่นับถือของคนท้องถิ่น ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แวะอุดหนุนน้ำลำไยสด ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปยังจุดต่อไป

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงที่กระบี่และภูเก็ตของ พล.อ.ประยุทธ์ พบว่าประชาชนในพื้นที่ให้การตอบรับ พล.อ.ประยุทธ์และพรรค รทสช.ดีมาก พรรคมั่นใจพื้นที่ภาคใต้จะกวาดเก้าอี้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 แน่นอน วันนี้บางพรรคบอกเราเป็นฝั่งเผด็จการ และบอกตัวเองเป็นฝั่งประชาธิปไตย ซึ่งไม่เป็นความจริง ฝั่งที่บอกเป็นประชาธิปไตยฟังเพียงคนคนเดียว จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น คนเป็นหัวหน้าพรรคเริ่มต้นก็โกหกพี่น้องประชาชนแล้ว เช้าพูดอย่างเย็นพูดอย่าง เพราะฉะนั้นที่บอกมีนโยบาย 300 นโยบาย ทำไม่ได้หรอก แต่ที่ทำได้คือ พล.อ.ประยุทธ์

พปชร.ไร้เซอร์ไพรส์โค้งสุดท้าย

ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมแกนนำพรรค เดินทางมาสักการะพระพุทธชินราชและพระบรมรูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ลานอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลพรหมพิราม อ.พรหมพิราม โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึง มีประชาชนมาตั้งแถวรอรับ พร้อมมอบดอกกุหลาบและปรบมือให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร และขณะที่ พล.อ.ประวิตรกำลังจะถวายสักการะพระบรมรูปปั้นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่นั้น มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาโผกอด พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้สวมกอดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมลูบหัว และถามว่าเบอร์อะไรลูก เด็กบอกว่าเบอร์ 1 ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะอมยิ้ม พร้อมกล่าวว่าเบอร์ 37 สิ 

ต่อมา พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายว่า ไม่เป็นไรหรอก โค้งท้ายก็โค้งท้าย และเมื่อถามถึงเวทีปราศรัยสุดท้าย ซึ่งจะจัดที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง วันที่ 12 พ.ค.นี้จะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านครัวเหนือ เขตราชเทวี รับฟังปัญหาพร้อมชี้แจงนโยบายของพรรค พปชร. โดยระบุว่าเชื่อว่า พปชร.จะได้รับการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ กทม. เพราะชาวบ้านเข้าใจและต่างเชียร์ลุงป้อม อยากให้ลุงป้อมมาดูแลบ้านเมือง ก้าวข้ามความขัดแย้ง

นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค พปชร.และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรค ลงพื้นที่เคหะชุมชนออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ระบุว่า อยากให้วันที่ 14 พ.ค.นี้คนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันให้เยอะๆ และอยากให้ผู้ใช้สิทธิ์เลือกคนเข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศจริงๆ อย่าเลือกเพราะความสะใจ หรือเลือกเพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่เขาวางมาให้เลือก อยากให้มองลงไปให้ดี อย่าสนใจเฉพาะแค่เปลือก ไม่ใช่ไปเลือกเพราะการบอกต่อหรือเลือกเพราะแฟชั่น อยากให้มองถึงแก่นนโยบายของแต่ละพรรคที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น เพราะประเทศไม่ใช่ของเล่นที่จะให้ใครมาแค่ลองวัดกระแส

เสี่ยหนูสะกิดให้ถาม ปชช.ก่อน

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายว่า เรานำเสนอนโยบายที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่าพรรค ภท.ยึดมั่นการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่เน้นความแตกแยก ไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน

นายอนุทินยังกล่าวว่า การที่บอกว่าไม่เอาพรรคนั้นไม่เอาพรรคนี้ หรือต้องการจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ต้องถามว่าพรรคการเมืองเป็นของคนใดคนหนึ่งหรือไม่ เข้ามาได้มีบทบาทเพราะประชาชนเลือกมา ดังนั้นพรรคการเมืองเป็นของประชาชน จะพูดอะไรแทนประชาชนขอให้เกรงใจประชาชนบ้าง บอกว่าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีอำนาจพูดเช่นนั้นหรือไม่ ถามประชาชนหรือยัง ประชาชนต้องการให้เกิดความแตกแยกอย่างนั้นหรือ บางทีคนที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำงานภาคเอกชนมามาก คิดว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัทสั่งซ้ายหันขวาหันได้-มันไม่ใช่ พรรคการเมืองเป็นของประชาชน เป็นของสาธารณะ ทำอะไรต้องคิดถึงประชาชน และไม่มีคำว่าเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ไม่มีผู้ถือหุ้น แต่มีกรรมการบริหาร มีสมาชิกพรรค เสียงทุกคนเท่ากันหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองหาเสียงด้วยประเด็นการเปลี่ยนประเทศกับไม่ต้องการให้เปลี่ยน นายอนุทินกล่าวว่า การหาเสียงด้วยวาทกรรมไม่นำพาประเทศไปไหน จะเปลี่ยนประเทศอย่างไร จะเปลี่ยนให้คนเคยรักกันไปเกลียดกันอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ควรเปลี่ยนหรือไม่ เปลี่ยนของที่มีดีอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุข ร่มเย็น รู้สึกดีที่มีสถาบันคอยดูแลประเทศนี้มาเป็นร้อยปี แล้ว จะเปลี่ยนให้ไม่มี ขนาดปี 2475 ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีๆ จะคิดเพียงแค่เอามันไม่ได้  นี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง 

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. พรรค ภท. กล่าวถึงการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ กทม.วันที่ 12 พ.ค.ว่า จะจัดปราศรัยใหญ่ที่บริเวณโชว์ ดีซี พระราม 9 ซึ่งย้ายจากอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก  เพราะเรื่องการจราจร โดยไฮไลต์คือนายอนุทินจะขึ้นเวทีพูดถึงความพร้อมของพรรค และมีข้อความที่จะสื่อสารว่าพรรคตั้งใจอย่างไรในช่วงโค้งสุดท้าย

 “บางโพลบอกว่าพรรคภูมิใจไทยทั้งประเทศไม่น่าจะได้เกิน 12 ที่นั่ง ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ก็ไม่เคยมีเลย แต่ก็ไม่เป็นไร ก็รอดูว่าโพลจะต่างจากความเป็นจริงในวันที่ 14 พ.ค.นี้มากน้อยแค่ไหน ยืนยันว่าเราฟังเสียงประชาชนเท่านั้น โพลก็คือโพล สำรวจตรงไหนผมก็ไม่ทราบ แต่ในส่วนตัวที่รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพฯ ถือว่าได้รับการตอบรับดี ยังมีความหวัง เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเทพฯ ให้มี ส.ส.แน่นอน” นายพุทธิพงษ์ระบุ

ปชป.ไม่สร้างความเสียหาย

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.สตูลของพรรค โดยได้ย้ำถึงแนวทาง 4 ทำ 3 ไม่ และประชาธิปไตยไม่โกง ขอฝากให้พี่น้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ว่าเลือกตั้งครั้งนี้คือการเลือกอนาคตให้ประเทศ ขอให้พิจารณาพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ ฝากผีฝากไข้ได้ และมีความหนักแน่นมั่นคง มีจุดยืนที่ชัดเจน มีนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง มีความซื่อสัตย์ สุจริต ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องต่อไป

ส่วนที่ตลาดพลู เขตธนบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป.ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงให้ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรค ปชป. โดยนายอภิสิทธิ์ขึ้นรถปราศรัยขนาดเล็กย้ำว่า พรรค ปชป.มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคอย่างแท้จริง เป็นพรรคที่จะไม่สร้างความเสียหายแก่บ้านเมือง เพราะยึดมั่นในผลประโยชน์ของประชาชนและมองไปถึงลูกหลานในระยะยาว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ปชป.และผู้สมัคร ส.ส.ระยอง ได้ชี้แจงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ปราศรัยหาเสียงที่ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.และได้พาดพิงตนเองและพรรค ปชป. ทั้งเรื่องโควิด-19 และน้ำมันรั่วอย่างละเอียด ก่อนระบุว่าจะนำข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกเป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองระยอง เพราะการจะได้คะแนนนิยมนั้นไม่จำเป็นต้องสาดโคลนใส่ร้ายกัน เพราะมีหลายเรื่องที่นายพิธาไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ขณะที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึงพฤติกรรมความไม่น่าเชื่อถือของนายพิธา อาทิ การทำร้ายร่างกายเพศตรงข้าม การอ้างเรื่องกลับมาไม่ทันงานศพ ความไม่ชัดเจนว่าจะยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 และวันนี้เป็นอีกกรณีที่สะท้อนว่าสิ่งที่นายพิธาพูดกับความเป็นจริงเป็นอย่างไร และขอให้นายพิธามีความเป็นลูกผู้ชายที่เป็นผู้นำ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง

เมื่อถามว่า จะยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ขอสงวนสิทธิทางกฎหมาย และขอรอดูว่าพรรค ก.ก.จะแสดงท่าทีหลังจากนี้อย่างไรหรือไม่ ขอรวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาอีกครั้ง แต่เบื้องต้นเห็นว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 73  (5) แห่งพระราชประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้หรือไม่นั้นอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของฝ่ายกฎหมาย

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องปกติสำหรับพรรคที่กำลังมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่จะถูกหลายกระแสสร้างความไม่ชอบธรรมให้กับพรรค และอาจเป็นการตอบสนองของคนที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในเขตบ้านตัวเองหรือไม่

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยว่า มีประชาชนจำนวนมากส่งหลักฐานเป็นโค้ดบัตรส่วนลดของกิจการร้านค้าบางแห่งที่มอบให้ลูกค้าที่ไปซื้อขายสินค้า และบางแห่งในสลิปการจ่ายเงินปรากฏข้อความช่วยหาเสียงให้พรรคสีส้ม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73 (1) และ (5) แห่ง พ.ร.ป.เลือกตั้ง 2561 หรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายการให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ซึ่งผลประโยชน์อื่นใดที่อาจคำนวณเป็นเงินได้ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้ จึงจะนำพยานหลักฐานไปยื่นร้องต่อ กกต.เพื่อไต่สวนสอบสวนและเอาผิดในวันอังคารที่ 9 พ.ค.นี้

พาเหรดโอ่ 'พิธา' นายกฯ คนที่ 30

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้โพสต์วิดีโอผ่านโซเชียลมีเดียตอกย้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า เป็นการปั๊มหัวใจเศรษฐกิจที่กำลังหยุดทำงานให้กลับมาเต้นได้ และทำให้คนไทยกลับมายิ้มและอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน

ส่วนที่บริเวณหน้าสวนสาธารณะเทศบาลเมืองพัทลุง นายพิธาพร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียง โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลและนายกฯ ชื่อพิธา ภายใน 100 วันแรกจะจัดทำประชามติโดยทันทีเพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ก.ก. ระบุว่า หากนายพิธาได้เป็นนายกฯ จะมีการปฏิรูปตำรวจ ไม่มีตั๋วช้าง และจะแก้ไขปัญหายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายได้ รวมทั้งจะทำให้นักการเมืองหลายรายไม่สามารถเป็น ส.ส.ได้เพราะต้องติดคุก และมั่นใจว่าพรรค ก.ก.จะแลนด์สไลด์ แต่หากไปเจอกับกลุ่มที่มีตัวย่อ 3 ตัวก็แลนด์สไลด์ลำบาก จึงขอให้ประชาชนไปดูแลหีบเลือกตั้งเหมือนหีบสมบัติในบ้าน

ด้านนายพิธากล่าวว่า พรรค ก.ก.เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ ที่จะมีการรีดเงินงบประมาณกองทัพมาเป็นงบสวัสดิการประชาชน เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 บาทเป็น 3,000 บาท ซึ่งมาพัทลุงพึงพอใจกับบรรยากาศเขาป่านาเล แต่มาครั้งหน้าจะมาในฐานะ... และขอยืนยันว่าพรรคจะไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญ นอกจากไม่ตัดเงินบำนาญแล้ว บำนาญของท่านจะมั่นคงมากยิ่งขึ้นภายใต้รัฐบาลที่มีผู้นำที่ชื่อพิธา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."